https://www.thairath.co.th/entertain/news/2884422

เรื่องแบบนี้ กลัวจะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่เหมือนกันแฮะ

พอจบแบบนี้ มันก็ตั้งคำถามได้ว่า วางแผนมาตั้งแต่ต้นไหม

เรื่องอยู่ในศาล มีแววแพ้สูง ไหนจะค้าแข่งอะไรอีก จึงใช้สื่อดังหวังพลิกเกม ล้วงลูกลึก

อีกฝ่ายเป็นดารามีชื่อเสียง+แฟนก็นักธุรกิจระดับประเทศ ทนไม่ได้ ก็ต้องออกมาเผยไต๋โชว์บริสุทธิ์

สุดท้ายคดีพลิก กระแสพลิก ก็หงายการ์ดหมอบ ขอเคลีย รอดทุกสิ่งอย่าง

ที่ดีหน่อยก็คือเคสนี้ก็เหมือนจะวินทุกฝ่าย แต่ผู้กระทำผิดจะไม่ได้รับบทลงโทษใดๆ

อีกหน่อยเรื่องแบบนี้จะกลายเป็นเรื่องคลาสสิคไหมเนี่ย ชีวิตคนดังนี่ น่าจะอยู่ยากละ

ขอแจมแสดงความคิดเห็นนะครับ เพราะตามเรื่องนี้เหมือนกัน

เอาแค่เรื่องแรกนะ พรีม มีโอกาสผิดกฎหมายสูงครับ ตั้งบริษัทมาเจตนาแข่งจริงมั้ย ไม่ต้องไปเดาหรอก

มันผิดกฎหมายห้ามค้าแข่ง ป.พ.พ.มาตรา 1168 กรรมการบริหาร ไม่สามารถไปเปิดอีกบริษัทที่ทำธุรกิจชนิดเดียวกันได้ อย่าง แรด กับ ฟลีน มันชัดเจนว่าเป็นธุรกิจ เครื่องสำอางค์เหมือนกัน มีขายลิปสติกเหมือนกัน

พรีม ไปรีแบรนด์ แรด โดยให้ตัวเองกับแฟนเป็นกรรมการบริหาร ซึ่งแฟนของ พรีม ก็เป็นลูกจ้างของ ฟลีน อยู่ มันยิ่งเข้าข่ายเลยครับ เคสนี้ผมว่าถ้าไปจนสุด ออม ก็น่าชนะนะ

บทลงโทษมีอยู่แล้ว

อย่างแรกเลยคดีนี้ดังทั่วประเทศใครจะอยากทำธุรกิจกับคนขี้โกงแบบนี้ด้วย

อย่างสองเรื่องขโมยความลับทางการค้าน่าจะเป็นคดีอาญานะยอมความไม่ได้ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับอัยการจะฟ้องเอาผลงานไหม

เรื่องแรก คดีนี้จะว่าไปแล้วยังไม่ชัดเจนขนาดนั้น เอาอะไรมามั่นใจว่าพริมเป็นคนผิดแล้วจริงๆ

หรือเจตนาจะตั้ง Rad เพื่อมาแข่งจริงๆ มันก็พูดได้ไม่ 100% เจตนาดูทรงไม่ดีอะใช่ แต่มั่นใจได้ยังไง

เรื่องสองไม่มีครับ ชัดเจนแล้วว่าทุกคดียอมความได้ครับ เพราะพฤติกรรมในคดีนี้ไม่ได้ร้ายแรง

จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมพนันได้เลยว่า เดี๋ยวก็มีคนไปทำงานกับเค้าอีกครับ

เพราะทั้ง Rad ทั้ง Fleen ก็ประสบความสำเร็จ จึงชี้ได้ว่า พริมเองก็มี Know-how ในธุรกิจนี้จริงๆ

เอาดารามีชื่อเสียงไปบวกด้วยก็ประสบความสำเร็จได้2ครั้งติด

และทั้ง2ครั้ง มันก็แค่การหละหลวมในตัวสัญญา ซึ่งก็น่าจะเหมือนกันคือสัญญาใจทั้งนั้น

ผมจึงเชื่อได้ว่า มันมีเสมอแหละพวกที่รู้ว่าเสี่ยงแต่ของลอง รอบนี้มาด้วยสัญญาที่แน่นหนา เค้าคงไม่ทำแล้วหละ

โดนกล่อมหนักๆเข้า+ความรู้ความสามารถ ที่ผ่านมามันก็แค่พลาด โดนคนโน้นนี้เข้าใจผิด สไตล์นั้นมันต้องมีซักคน

ถ้ามันใสกันตั้งแต่แรกๆ มันไม่มีปัญหาหรอก นี่ต่างคนต่างเหลี่ยม

มันก็พูดได้ไม่เต็มปากทั้ง 3 ฝั่งนั่นแหละ เพียงแต่มันเคลียกันได้ เพราะผลตอบแทนมันพอรับได้เท่านั้นเอง

ทำไมผมคิดว่าเค้าออกรายการเพื่อแค่ต้องการเรียกเงินเพิ่ม ถ้าไม่ทำฝั่งดาราน่าจะให้ไม่ถึงยอดนี้ เพราะยังไงตัว พ.เองก็มีเรื่องที่ทำผิด

ผมยังสงสัยคนคิดว่าเหลี่ยมสำหรับด้านดาราครับ ตอนฟังพี่หนุ่มในโหนกระแสผมงงมากที่บอกถ้าพี่มีปัญหากับทนายแก้ว จะบอกก่อนว่าจะซื้อ 4% ถ้าบอกแล้วอีกฝั่งซื้อก่อนแพ้ทั้งกระดานเลย ไม่ได้อะไรเลย งง มากกับจุดนี้

เรื่องการถือหุ้นเยอะกว่าหรือถือหุ้นหลัก สำคัญมาก เพราะถ้าไม่เชื่อใจกันจริงๆ โดนโกงกันมาเยอะ เช่น ลงร้านอาหารกับเพื่อน 10 คน มีคนหลัก 1 คนถือเกิน 50% ที่เหลือเบี้ยหัวแตก การจัดการด้านค่าใช้จ่าย หากผู้บริหาร ยัดค่าใช้จ่ายตัวเองเข้าไป ที่เหลืออีก 9 คนไม่มีวันได้ผลประโยชน์เลย เรื่องพวกนี้ อาจจะต้องใส่ cause อื่นๆ ในเชิงกฎหมายเข้าไปช่วย

ถามคนที่ตามเรื่องตั้งแต่แรกๆหน่อยเคสนี้ พี่หนุ่ม ถือว่าออกตัวแรงไหมคับ ตอนแรกที่ออกข่าวมาแกเหมือนเอียงไปทางฝั่งพรีมเพราะรับข้อมูลมาจากฝั่งนั้นฝั่งเดียว

ที่จ่าย 2.5m ต่อ 4% แต่แรก ราคานี้ เพราะรู้ valuation อยู่แล้ว สามีเป็นนักธุรกิจมีหรือจะไม่รู้

รอบนี้ 25m ค่อ 48% ก็ใกล้เคียงกับรอบแรก แล้วมาบอกว่าซื้อแพงมาก อยากจะกดราคาเหลือ 10 ล้าน

ขอแจมแสดงความคิดเห็นนะครับ เพราะตามเรื่องนี้เหมือนกัน

เอาแค่เรื่องแรกนะ พรีม มีโอกาสผิดกฎหมายสูงครับ ตั้งบริษัทมาเจตนาแข่งจริงมั้ย ไม่ต้องไปเดาหรอก

มันผิดกฎหมายห้ามค้าแข่ง ป.พ.พ.มาตรา 1168 กรรมการบริหาร ไม่สามารถไปเปิดอีกบริษัทที่ทำธุรกิจชนิดเดียวกันได้ อย่าง แรด กับ ฟลีน มันชัดเจนว่าเป็นธุรกิจ เครื่องสำอางค์เหมือนกัน มีขายลิปสติกเหมือนกัน

พรีม ไปรีแบรนด์ แรด โดยให้ตัวเองกับแฟนเป็นกรรมการบริหาร ซึ่งแฟนของ พรีม ก็เป็นลูกจ้างของ ฟลีน อยู่ มันยิ่งเข้าข่ายเลยครับ เคสนี้ผมว่าถ้าไปจนสุด ออม ก็น่าชนะนะ

ขอถามนิดนึงท่านติดตามเรื่องนี้จบจริงไหม หรือตามหาอ่านมาอีกที เรื่อง 10m ไม่ใช่ฝั่ง อ เสนอนะครับ

เค้ามาถึงจุดที่จะบิดราคาซื้อหุ้นกัน สามีของ พ เสนอซื้อหุ้น อ 10m ฝั่ง อ เลยเกทับไปว่างั้นขอซื้อ พ 11m แต่ พ ไม่บิดต่อ

หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ฟ้องไปยังไงฝั่งออมก็ชนะ

ตอนไปออกโหนกระแสดูก็รู้ ฝั่งพริมตอบอะไรชัดเจนยังไม่ได้เลย หลักฐานก็ไม่มี อีกฝั่งมาแบบเตรียมตัวดีมาก หลักฐานก็แน่น ทนายก็เก่ง

แถมยังโดนฟ้องอาญา เรื่องที่ไปลบไฟล์ด้วยนะ อันนี้ถอนไม่ได้

Know how มีจริง แต่ไม่จริงใจ พร้อมทรยศเราทุกเมื่อ เป็นผมผมก็ไม่ร่วมธุรกิจอ่ะ

ตัดปัญหา ปล่อยไปเรื่อยๆ แบนด์พังไม่มีคนซื้อ ก็เจ๊งอยู่ดีนะ

เรื่องนี้คือเปิดก่อนได้ปูด แท้ๆ

เหลี่ยมคู่ แต่ภาษากายออมแพ้ชัดเจน

ไม่ชอบเลยพูดไปร้องไห้ไป

คนชนะให้น้องเลย พูดจาชัดเจนทุกถ้อยคำ

ตัวอย่างของการฟังข้างเดียวหรือฟังไม่ได้ศัพท์


ราคา 48% 10 ล้านคือราคาที่สามีฝั่ง พ. คนที่ผิดแน่ๆนั่นล่ะเสนอมาว่า จะซื้อหุ้น 48% ของดารา 10 ล้านได้ไหม ขายป่าว

แต่ฝั่งดาราไม่ขาย เลยเกทับกลับไปว่างั้น ขอซื้อของเธอ 48% 11 ล้านละกันบวกให้เพิ่มละ เข้ากรณี พี่กวงติงผม ผมกวงติงพี่ เสมอกัง 1-1

และต่อมา 32.5 ล้าน กับ หุ้น 52% ก็คือการเอา 2.5 ล้าน 4% มาเทียบบรรยัดไตรยางเลยว่า ถ้า 4%=2.5 แล้ว 52% มันก็ควรจะ 32.5 สิมาเสนออะไร 10 ล้าน แม่ไม่ด่าก็ดีแค่ไหนแล้ว 5555

แต่ทนายของฝั่งดาราก็รัดกุมพอ เผื่อประเมินราคาอีกที่แล้วมันสูงกว่านั้น เลยบอกมาว่า แค่เปรียบเทียบไม่ใช่ราคาซื้อขายจริง


ใดๆไม่ใช่เหลี่ยมมาเหลี่ยมกลับ ฝ่ายนึงตามกฏหมายไม่ผิดอะไรเลย ไม่ผิดทั้งธรรมเนียมปฏิบัติอะไร อีกฝ่ายนึงผิดกฏหมายแน่ๆ และผิดหลายๆอย่างด้วย ทั้งแพ่งและอาญา สืบต่อคือยับและยับ ฝั่งดาราอ่ะเขาไม่อยากเสียเวลา รีบออกผลิตภัณฑ์ใหม่คิดว่ามันพร้อมแล้ว เลยตัดจบไปมากกว่าสาวความยาวมันจะเสียหายมากกว่านี้


แต่ใดๆคือถ้าเล่นงานต่อ มันสามารถเอาเข้าคุกได้อย่างน้อยๆก็ 2 คนเลยนะ คือคนที่ลบไฟล์งานออก คิดว่ารู้แล้วแน่ๆ กับคนที่ไปนั่งกรรมการ.น่ะ ยิ่งมีข้อมูลไหล คือโคตรแน่นเลย มีดวงเข้าไปคุยกับเหล่าบอส

ผมเลยงงว่าไหงออกมาไกล่เกลี่ยได้วะ ไม่ส่งฟ้อง หรือแค่เอาข้อมูลที่มีมาบลัฟเฉยๆ ว่าถ้าไม่ตกลง ถึงตำรวจถึงศาลนะ

แต่จำนวนเงินที่จ่ายมากกว่าที่ผมคิดไว้ เพราะเดาว่าไม่เกิน 20 แต่ดันบวกไป 25 เฉย ซื้อแพง



ส่วนแบรนด์ของดาราคนนี้ ค่อนข้างนิยมในทาง พสจีนครับ ตลาดใหญ่และเริ่มมา ถ้าไม่มีปัญหาตอนต่น น่าจะขยายตลาดได้มากกว่านี้ ตรงส่วนนี้ก็ฟ้องได้ว่าเสียโอกาส แต่ก็ไม่ทำ ขัดใจกองเชียร์มาก 555