ถามแฟนสเปอร์ ครับ

เห็นด้วยไหมกับการปลด เหม่ง เลวี่

Levy Exit and Next Chapter of ENIC.
บทความนี้ เขียนโดย Mat Law เทเลกราฟ ผมขออนุญาตแปลและเรียบเรียงนะครับ

การอำลาสโมสรท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ของแดเนียล เลวี เกิดขึ้นพร้อมกับการลงทุนครั้งสำคัญในสโมสร
ผ่านกองทุนตระกูลลูอิส และ ENIC เพื่อช่วยให้สโมสรบรรลุเป้าหมายความสำเร็จด้านกีฬาอย่างยั่งยืน
เทเลกราฟ สปอร์ต เข้าใจว่ามีแผนการอัดฉีดเงินกว่า 100 ล้านปอนด์เข้าสู่สโมสร เพื่อช่วยผลักดันให้ ENIC มุ่งมั่นที่จะทำให้ท็อตแนมสามารถแข่งขันได้ในทุกด้าน

แหล่งข่าวใกล้ชิดกับตระกูลลูอิสยืนยันว่าการอำลาของเลวีไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขายสโมสร
ซึ่งหมายความว่าจำเป็นต้องมีการลงทุนเพื่อแข่งขันกับทีมอย่างลิเวอร์พูล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เชลซี และอาร์เซนอล

เชื่อกันว่าในช่วงที่เลวีดำรงตำแหน่งประธานสโมสร เขาเคยพูดถึงโอกาสในการลงทุนครั้งใหม่ในช่วงเวลานี้ของปีที่แล้ว แต่ตอนนี้เขาคงไม่มีโอกาสได้เห็นการลงทุนครั้งใหม่นี้อีกแล้ว

โดยเพื่อนๆ ของเลวีวัย 63 ปี ต่างอ้างว่าเขาจะ “เสียใจ” กับการจากไปของเขา
ท็อตแนมทุ่มเงินกว่า 150 ล้านปอนด์ซื้อนักเตะใหม่ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะฤดูร้อน หลังจากที่เลวีได้เตือนไว้ในบัญชีของสโมสรชุดล่าสุดว่าสโมสรไม่สามารถใช้เงินจำนวนที่ตนไม่มีได้

แหล่งข่าววงในอ้างมาระยะหนึ่งแล้วว่าจำเป็นต้องมีการลงทุนเพื่อจ่ายสำหรับข้อตกลงต่างๆ
และเพื่อให้แน่ใจว่าสเปอร์สจะสามารถใช้จ่ายได้ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะในอนาคต
ซึ่งเชื่อว่ากำลังจะเกิดขึ้น

ยังไม่มีการตัดความเป็นไปได้ในการยื่นข้อเสนอใหม่เพื่อเซ็นสัญญากับซาวินโญ่จากแมนเชสเตอร์ซิตี้ในเดือนมกราคม ขณะที่โทมัส แฟรงค์ หัวหน้าโค้ชก็กระตือรือร้นที่จะคว้าตัวกองหลังตัวกลางคนใหม่


แหล่งข่าวใกล้ชิดกับครอบครัวลูอิสยืนยันว่าการจากไปของเลวีไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขายสโมสร และไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการลงทุนครั้งใหม่นี้ ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี

การจากไปของเลวี ซึ่งจดทะเบียนใน Companies House เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อาจนำไปสู่การเซ็นสัญญาสิทธิ์การตั้งชื่อสนามมูลค่า 1 พันล้านปอนด์ของสโมสร ซึ่งสโมสรกำลังดำเนินการอยู่ หลังจากเปิดสนามได้ไม่นาน เลวีหวังว่าจะได้รับแพ็คเกจสิทธิ์การตั้งชื่อสนามมูลค่าสูงถึง 25 ล้านปอนด์ต่อปี เป็นเวลา 15 ปี ซึ่งจะทำให้สโมสรมีมูลค่าสูงถึง 375 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติโลก แต่เขาไม่สามารถหาบริษัทที่ยินดีให้มูลค่าเทียบเท่ากับราคาประเมินดังกล่าวได้

ลูกชายของเลวีรอดพ้นจากการช่วงชิงอำนาจแบบ Succession
ความเกี่ยวข้องของครอบครัวในทาวิสต็อกและท็อตแนมทำให้คนวงในเปรียบเทียบการลาออกของเลวี
กับพล็อตเรื่องในซีรีส์โทรทัศน์ยอดฮิต Succession ที่ติดตามเรื่องราวอาณาจักรธุรกิจและการต่อสู้ภายในของครอบครัวเศรษฐีชาวอเมริกัน

จอช ลูกชายของเลวีจะยังคงดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของบริษัท
ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรัฐประหารแบบ Succession
ที่บีบให้บิดาของเขาต้องลาออกในวันพฤหัสบดี
บุตรของโจ ลูอิส วิเวียน และชาร์ลส์ เป็นกรรมการผู้จัดการของทาวิสต็อก
โดยมีเลวี จูเนียร์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมร่วมกับนิค บิวเชอร์

เทเลกราฟ สปอร์ต เปิดเผยว่าทาวิสต็อกเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบการดำเนินงานและการกีฬาที่ดำเนินการโดยกิบบ์ ริเวอร์ บริษัทที่ปรึกษาสัญชาติอเมริกัน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการลาออกของเลวี ซีเนียร์จากท็อตแนม

ความเป็นไปได้ที่กองทุนตระกูล Lewis จะพยายามซื้อหุ้น 29.88 เปอร์เซ็นต์ของ Levy ในทีม Tottenham บางส่วนหรือทั้งหมดในที่สุดนั้นยังไม่ถูกปัดตกไป แม้ว่าจะคิดว่ายังเร็วเกินไปสำหรับการหารือหรือพิจารณาเรื่องนี้ก็ตาม

“เขาคงจะหัวใจสลาย”
มีรายงานว่าเลวีเพิ่งได้รับแจ้งว่าเขาจะลงจากตำแหน่งเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ก่อนที่สโมสรจะประกาศเรื่องนี้ และแหล่งข่าวใกล้ชิดของเขาอ้างว่าการจากไปของเขา
และการกระทำดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเขาอย่างมาก

เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งบอกกับ Telegraph Sport ว่า
“ฉันยังไม่ได้คุยกับเขาเลย แต่เขาคงจะหัวใจสลาย นี่เป็นช่วงเวลาที่เขาจะได้สนุกกับท็อตแนม และมันได้พรากเขาไปจากเขาแล้ว”

เพื่อนคนหนึ่งเสริมว่า “ท็อตแนมคือชีวิตของเขา ดังนั้นแน่นอนว่าเขาคงจะหัวใจสลาย เมื่อพิจารณาจากการทำงานและการพูดของเขาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ทันตั้งตัว”

ยิ่งทำให้เลวีรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ดอนนา คัลเลน อดีตมือขวาของเขา ได้ส่งอีเมลอำลาไปยังทีมงานเมื่อวันจันทร์ โดยเธออธิบายว่าเขาเป็น “ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์อย่างแท้จริง” และแสดงความตื่นเต้นที่จะได้ติดตามสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป

'ยุคใหม่' ของสโมสร
มีรายงานว่าวิเวียนและชาร์ลส์ ลูอิสเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การลาออกของดอนนา คัลเลน และการแต่งตั้งปีเตอร์ ชาร์ริงตัน ผู้อำนวยการของ ENIC ให้ดำรงตำแหน่งประธานบริหารที่ไม่ใช่ฝ่ายบริหารของท็อตแนม รวมถึงวิไน เวนคาเตชาม ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

เนื่องจากทรัสต์ของตระกูลลูอิสเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของท็อตแนม
คาดว่าวิเวียนและชาร์ลส์จะมีอำนาจมากขึ้นในสโมสร
โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดกับครอบครัวอธิบายว่านี่คือ "ยุคใหม่"

เรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามในหมู่คนวงในว่าจอช เลวีจะยังคงดำรงตำแหน่งซีอีโอของทาวิสต็อกต่อไปหรือไม่ เนื่องจากกลุ่มนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกจากทีมของบิดาของเขากับสเปอร์ส
แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดกับทาวิสต็อกยืนยันกับเทเลกราฟ สปอร์ต ว่าไม่มีแผนให้เขาออกจากตำแหน่ง และเขายังคงเป็นซีอีโอร่วมของกลุ่ม

เป็นที่เข้าใจกันว่ามีการพยายามป้องกันไม่ให้เลวี จูเนียร์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการที่ทำให้บิดาของเขาออกจากสเปอร์ส และเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เลย กล่าวกันว่าหน้าที่หลักของเขาที่ Tavistock นั้นมุ่งเน้นไปที่ส่วนอื่นๆ ของพอร์ตโฟลิโออันกว้างขวางของกลุ่มบริษัท

จอชเป็นแขกประจำของท็อตแนม และมักจะนั่งข้างพ่อของเขาเวลาดูเกมการแข่งขัน เชื่อกันว่าเลวีเป็นแฟนตัวยงของ Succession และแหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า "เขาต้องเห็นความคล้ายคลึงกันระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นกับพล็อตเรื่องในซีรีส์อย่างแน่นอน มันน่าประหลาดใจจริงๆ"

ใครคือผู้บริหารท็อตแนม?
บุคคลสำคัญคนใหม่ที่บริหารท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ในแต่ละวัน
ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของสโมสร
เมื่อพวกเขาก้าวออกจากบทบาทแดเนียล เลวี คนเดียวที่ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อพรีเมียร์ลีกมาอย่างยาวนาน

เลวีออกจากสเปอร์สแล้ว ออกจากบอร์ดบริหารและไม่ได้เป็นประธานบริหารที่มีอำนาจสูงสุดอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจากบุตรสองคนของโจ ลูอิส มหาเศรษฐีวัย 88 ปี ซึ่งปัจจุบันถือหุ้น 70% ในอีนิค ผ่านทรัสต์ของตระกูลลูอิส หุ้นในอีนิคถูกถือครองโดยกลุ่มทาวิสต็อก ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนของตระกูล อีนิคถือหุ้น 86.58% ในสเปอร์สและมีอำนาจควบคุม ส่วนที่เหลือของอีนิค ซึ่งน้อยกว่า 30% นั้นเป็นของเลวี

ในปี 2022 ลูอิสได้นำทรัพย์สินของเขาจำนวนมากไปวางไว้ในกองทรัสต์ของครอบครัว สองปีต่อมา เขาก็ยอมรับโทษในสหรัฐอเมริกาฐานซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน
วิเวียน ลูวิส
เข้าชมเกมการแข่งขันระหว่างท็อตแนมกับเบิร์นลีย์พร้อมกับเลวี
วิเวียน ลูอิส บุตรสาวของโจ ลูอิส
สามีคนแรกกับเอสเธอร์ บราวน์ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการฟุตบอลยุโรป เธอได้สืบทอดมรดกของโจ บิดาของเธอ ผ่านกองทรัสต์ของครอบครัวที่จัดตั้งขึ้นในปี 2022 ร่วมกับชาร์ลส์ น้องชายของเธอ เธอได้เข้าชมเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกของสเปอร์สกับเบิร์นลีย์ในฤดูกาลนี้พร้อมกับเลวี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครคือผู้ควบคุมสโมสรในตอนนี้

เธอแต่งงานกับโทบี้ ซิลเวอร์ตัน นักธุรกิจผู้เป็นเจ้าของหุ้น 50% ในบริสตอล คาร์ส
ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอังกฤษชื่อดัง ซึ่งต่อมาถูกขายให้กับทาวิสต็อก กรุ๊ป บริษัทลงทุนของตระกูลลูอิส
ปัจจุบันทั้งคู่หย่าร้างกันแล้ว และมีลูกสองคน โจแอนนาแต่งงานกับนิค บิวเชอร์ หนึ่งในประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของทาวิสต็อก

ชาร์ลส์ ลูอิส
น้องชายของวิเวียน ลูอิสยังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของทาวิสต็อก และเช่นเดียวกับพี่สาวของเขา เขาเป็นกรรมการผู้จัดการอาวุโส ความเชี่ยวชาญของเขาอยู่ที่ธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งทาวิสต็อกกล่าวว่าเขามีส่วนร่วมในการเปิดธุรกิจร้านอาหารระดับไฮเอนด์ประมาณ 150 แห่งในอเมริกาเหนือและใต้ เขายังเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ฮาร์ดร็อคคาเฟ่ในแถบแคริบเบียนและอเมริกาใต้ ประวัติบริษัทของเขาระบุว่าเขาเคยประจำการอยู่ที่ลอนดอน บัวโนสไอเรส ลอสแอนเจลิส ออร์แลนโด และแนสซอ ในบาฮามาสหลายครั้ง

นอกเหนือจากโครงการอื่นๆ ของทาวิสต็อกแล้ว ชาร์ลส์ยังมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาเพียร์ซิกซ์ซิกซ์ มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ บนพื้นที่ 32 เอเคอร์ ใกล้ฟอร์ตลอเดอร์เดล และโครงการแอโรโทรโพลิส ทะเลสาบโนนา ใกล้สนามบินนานาชาติออร์แลนโด ซึ่งทั้งสองโครงการอยู่ในรัฐฟลอริดา
วิเวียนถูกขนานนามว่าเป็นแฟนตัวยงของสเปอร์ส และมีความสนใจในงานศิลปะอย่างลึกซึ้ง ทรัพย์สมบัติของบิดาของเธอหมายความว่า นอกจากจะมีอำนาจควบคุมสโมสรสเปอร์สแล้ว พวกเขายังมีคอลเลกชันงานศิลปะส่วนตัวมากมาย ซึ่งว่ากันว่าวิเวียนให้ความสนใจเป็นพิเศษในทั้งสองสิ่งนี้ เธอเป็นกรรมการผู้จัดการอาวุโสของทาวิสต็อกและเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหาร นอกจากนี้ เธอยังเป็นประธานมูลนิธิการกุศลของครอบครัว ซึ่งมีโครงการการกุศลมากมาย

ในบรรดาทรัพย์สินมากมายของกลุ่มบริษัททาวิสต็อก ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศบาฮามาส วิเวียนยังเป็นประธานธุรกิจกอล์ฟและคันทรีคลับอีกด้วย

นิค บิวเชอร์
บิวเชอร์แต่งงานกับโจแอนนา บุตรสาวของวิเวียน เป็นชาวสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัททาวิสต็อก และเป็นหนึ่งในประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของบริษัททาวิสต็อก ร่วมกับจอช บุตรชายของแดเนียล เลวี บิวเชอร์เริ่มต้นทำงานกับทาวิสต็อกในตำแหน่งฝ่ายขายของโครงการพัฒนาเลคโนนา ปัจจุบันเขารับผิดชอบงานด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนให้กับทาวิสต็อกในสหรัฐอเมริกา รวมถึงแคริบเบียนและอเมริกาใต้
ว่ากันว่าเขาเคยเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเล่นอเมริกันฟุตบอลในระดับวิทยาลัย เขาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของออร์แลนโด แมจิก แฟรนไชส์ ​​NBA เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจกีฬาจากมหาวิทยาลัยเซ็นทรัลฟลอริดา และมีแนวโน้มว่าจะมีความสนใจอย่างมากในการบริหารทีมสเปอร์ส

ปีเตอร์ ชาร์ริงตัน ประธานคนใหม่ของท็อตแนม คือหนึ่งในที่ปรึกษาที่ลูอิสไว้วางใจมากที่สุด
ประธานคนใหม่ของสเปอร์สเป็นที่ปรึกษาระยะยาวของโจ ลูอิส
ชาร์ริงตันเป็นบุคคลสำคัญในคณะกรรมการบริหารในสหรัฐอเมริกา บาฮามาส และยุโรป และเป็นที่ปรึกษาให้กับครอบครัวเศรษฐีที่อาศัยอยู่ในแถบแคริบเบียน เขาทำงานที่ซิตี้แบงก์ บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ เป็นเวลา 26 ปี รวมถึงดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซิตี้ ไพรเวท แบงก์เป็นเวลา 6 ปี เขาทำงานด้านไพรเวทอิควิตี้ให้กับบริษัทวัน อีควิตี้ พาร์ทเนอร์ส ในนิวยอร์ก และด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้เป็นกรรมการในบริษัทอังกฤษหลายแห่งที่พวกเขามีส่วนร่วม เขาเป็นกรรมการของอีนิค และยังเป็นกรรมการของอาวาล็อก บริษัทเทคโนโลยีบริหารจัดการความมั่งคั่งของสวิตเซอร์แลนด์อีกด้วย
ในขณะที่โจ ลูอิส ได้ส่งมอบการควบคุมทรัพย์สินของครอบครัวให้กับทรัสต์ที่ทายาทของเขาดูแลอยู่ ชาร์ริงตันดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าทีมที่มีประสบการณ์และน่าเชื่อถือที่สุดที่จะนำทางคนรุ่นต่อไป


เครดิต

Spurs Thailand Facebook

มองจากคนนอกไม่ใช่แฟนไก่แต่ชอบชุดที่จ่าแฮร์รี เรดแนปป์คุม เบล-เลนน่อล ฟาร์ท-โมดิช

เป็นนักธุรกิจมากกว่าฟุตบอลทำทีมโตแต่ไม่มีแชมป์ คนที่หุ้นอาจจะได้เงินทุกปีแต่แฟนบอลไม่ชอบ เรื่องซื้อขายเขี้ยวลากดินจะมาฟันสเปอร์คงได้แต่ฝัน แต่ถ้าอยากได้นักเตะสเปอร์เตรียมโดนฟันได้เลย

ก่อนเที่ยงคืนมีข่าวใหญ่แบบ บอมบ์ เชลล์ ของสโมสรท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ มาแบบไม่ทันตั้งตัวนะครับ นั่นก็คือ ดาเนี่ยล เลวี่ ลงจากตำแหน่งประธานสโมสรไก่เดือยทองเรียบร้อย

เจ้าของฉายา "เหม่ง" วัย 63 ปีถูกนำเสนอข่าวว่า "ลง" เอง แต่จากการที่น้าแมวตามอ่านสื่อทุกสื่อให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก็ประมวลออกมาได้ว่า "โดนบีบ" นะครับ

นั่นอะดิ่ ! อยู่ดีๆแม่งจะลงง่ายๆได้ไง ยึดตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2001 ต่อจาก อลัน ชูการ์ อยู่ในตำแหน่งนี้มาตั้งเกือบ 25 ปี ถือว่าเป็น เอ๊กเซ็กคิวทีฟ แชร์แมน ที่อยู่กับเก้าอี้ยาวนานที่สุดในพรีเมียร์ลีกเลยล่ะ
น้าแมว เข้าเรื่องเลยละกัน มันเป็นเรื่อง "การเมือง" ของผู้บริหารสเปอร์สนะครับ โดยแม้ เลวี่ จะเป็น "ประธาน" แต่ยังไงก็ยังเป็นรอง "เจ้าของ" อย่าง โจ ลูอิส อยู่ดี

ปู่ลูอิสวัย 88 ปีแล้ว แน่นอนครับว่ารุ่นลูกรุ่นหลานก็ต้องมาช่วยงาน โดยอีก 2 ผู้นำใน ลูอิส แฟมิลี่ ก็คือ วิเวียน และ ชาร์ลี คือ 2 คนสำคัญที่บีบให้ เลวี่ ออก จะด้วยหมั่นไส้หรืออะไรก็ตาม พวกเขาก็ได้ทำมันลงไปแล้ว
โดยให้เหตุผลว่าเพื่อความ "ทันสมัย" ไอ้เจ้าตำแหน่ง ชีฟ เอ๊กเซ็กคิวทีฟ ของ เลวี่ นี่จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว ไม่ต้องมีใครมาทำแทน คือยกเลิกไปเลย จะได้ทันสมัย ยุคนี้เขาต้อง CEO แล้ว
เหตุการณ์ลักษณะนี้ในองค์กรหรือบริษัทต่างๆเราจะเห็นกันเป็นประจำอยู่แล้ว สุดท้ายขี้แม่งจะไปดีกว่าไส้ได้ยังไง

เลวี่ จะยังถือหุ้นของ อีนิค 25 เปอร์เซ็นต์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งนอกจากความ "ทันสมัย" ที่ ลูอิส แฟมิลี่ ต้องการแล้ว พวกเขายังต้องการให้ สเปอร์ส เป็น "แชมป์" มากกว่าที่เป็นอยู่ด้วย อันนี้เป็นเหตุผลที่คลาสสิค หวานเจี๊ยบบบบบ จริงๆ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า 25 ปีในตำแหน่งของ เลวี่ มีความผิดหวังมากมายเหลือเกิน สมหวังแค่ 2 ครั้งเองคือแชมป์ ลีก คัพ ปี 2008 และ แชมป์ยูโรปา ลีก ปี 2025 ทีมระดับ Big Six ได้แค่ 2 แชมป์ในรอบ 25 ปีมันน้อยเกินไปจริงๆนั่นแหละ

ข้ออ้างนี้ของ ลูอิส แฟมิลี่ จึงดูจะมีน้ำหนักเลยล่ะ ทั้งที่ความเป็นจริงกูจะให้มึงลงอะ แล้วจะทำไม แต่ดูความพ่ายแพ้ของ เลวี่ สิครับ
- ปี 2002 แพ้ แบล็คเบิร์น ในรอบชิง ลีก คัพ
- ปี 2009 แพ้ แมนฯยูฯ รอบชิง ลีก คัพ
- ปี 2015 แพ้ เชลซี รอบชิง ลีก คัพ
- ปี 2019 แพ้ ลิเวอร์พูล รอบชิงฯ ชปล.
- ปี 2021 แพ้ แมนฯซิตี้ รอบชิงฯ ลีก คัพ โดยไล่ มูรินโญ่ ออกก่อนชิงไม่กี่วัน

***โอเค แม้ว่า เลวี่ จะทำให้มูลค่าสโมสรจาก 80 ล้านปอนด์ในปี 2001 เพิ่มเป็นมากกว่า 3 พันล้านปอนด์ในปัจจุบัน ทำให้การเงินของสโมสรมั่นคงแข็งแกร่ง แต่ในความเป็นจริงแฟนบอลเขาต้องการ "แชมป์" ไม่ใช่ต้องการความมั่งคั่ง ไอ้เวรเอ๊ยมึงไปผิดทางแล้ว

การซื้อตัวผู้เล่นที่ "แพ้ยับ" ในตลาดนักเตะครั้งแล้วครั้งเล่านี่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้กองเชียร์ชอกช้ำ อย่าง เอเซ่ ไป อาร์เซน่อล ล่าสุดนี่ แฟนๆ น้องไก่ พูดไม่ออกจริงๆ

น้าแมว ไปอ่านที่พี่นพ ธีระ เขียนในเพจ The Soccer วันนี้ นักเตะที่ เลวี่ พลาดไปเอามาจัด 11 ตำแหน่งสบายๆเลย
สเปอร์สวืด (4-4-2) : ดาบิด ราย่า - ฌูลส์ กุนเด้, คิม มิน-แจ, มิลาน สคริเนียร์, ฟิลิป คอสติช - เอแด็น อาซาร์, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ชูเอา มูตินโญ่, ควิช่า ควารัตส์เคเลีย - เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน, ริวัลโด้

จริงๆแล้วมีอีกหลายสิบเคสที่ สเปอร์ส แพ้แล้วแพ้อีก เพราะความเขี้ยวของ เลวี่ เฮ้อ !
แต่ในยุคของเขาได้สนามใหม่ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ สเตเดี้ยม ได้สนามซ้อมใหม่ และอะไรอีกหลายๆอย่าง ก็ถือว่ามีข้อดีไม่น้อย น้าแมวก็ตามด่ามาเยอะนะ ตอนนี้กำลังกังวลว่าแล้วทีนี้กุจะด่าใคร 555

ลงท้ายเรามาดูไทม์ไลน์ของ เลวี่ กันนิดหนึ่ง (ข้อมูล ไทมไลน์ จาก เดอะ ซัน)
ปี 2000 ได้รับการแต่งตั้งเป็นบอร์ดของ สเปอร์ส
ปี 2001 เข้ามาเป็นประธานสโมสรแทนที่ อลัน ชูการ์
ปี 2007 สเปอร์ส เข้ารอบ 8 ทีมยูฟ่า คัพ
ปี 2008 ชนะเลิศ ลีก คัพ
ปี 2010 ติดท็อปโฟร์ได้ไป ชปล.ครั้งแรก
ปี 2011 เข้ารอบ 8 ทีม ชปล.
ปี 2013 ขาย แกเรธ เบล ให้ เรอัล มาดริด 83.5 ล้านปอนด์
ปี 2015 เริ่มสร้างสนามใหม่มูลค่า 1.2 พันล้านปอนด์
ปี 2019 เปิดใช้ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ สเตเดี้ยน แทน ไวท์ ฮาร์ท เลน ที่อยู่มา 118 ปี
ปี 2023 ขาย แฮร์รี่ เคน ให้ บาเยิร์น มิวนิค 104 ล้านปอนด์
ปี 2025 สเปอร์ส ได้แชมป์ยูโรปา ลีก

***มาทรงนี้มีอะไรแน่ๆ บางทีน้องไก่อาจจะเปลี่ยนมือเจ้าของก็เป็นได้ ถ้ากลุ่มทุนอาหรับจะซื้อสัก 4-5 พันล้านปอนด์ ลูอิส แฟมิลี่ ก็พร้อมขายครับ ตามข่าวต่อเนื่องกันดีๆ

เครดิต
แมวเพชร Channel

ถ้ายังเป็นเลวี่ด้านฟุตบอลคงไปไม่ไกลกว่านี้แล้ว

ใครจะมาแทน แกเป็นเจ้าของไม่ใช่หรอถ้าจำไม่ผิด

ผมฝ่ายปลดเลวี่ครับ

แน่นอนว่าเลวี่คือผู้ทำคุณประโยชน์ให้สเปอร์สมหาศาล
สร้างสนามแข่ง สนามซ้อมระดับโลก มูลค่าสโมสรติดใน 1 ใน 10 ของโลก
สโมสรไม่เคยมีปัญหาการเงิน และยังนำหนี้สนามใหม่ปรับโครงสร้างหนี้ผ่านช่วงโควิดมาได้
ผลงานเหล่านี้ โคตรเทพเลยครับ

กลับกัน สโมสรได้แชมป์แค่ 2 รายการใน 25 ปี ที่เลวี่เป็นผู้บริหาร
เรื่องนี้ก็ตอบชัดว่า การบริหารของเลวี่ ไม่เหมาะกับการทำทีมเพื่อคว้าแชมป์
แน่นอนว่าการเป็นแชมป์มันขึ้นอยู่กับดวงด้วย แต่เราก็ต้องทำตัวเองให้พร้อมเช่นกัน

หลายครั้งที่สเปอร์สมีโอกาสคว้านักเตะหลายคน แต่ด้วยการต่อรองที่มักจะยึดผลประโยชน์สเปอร์สเป็นหลัก
ทำให้หลายครั้งพลาดนักเตะดีๆ ไป เช่น เจา มูติญโญ่ แจ็ค กรีลิช บรูโน่ แฟร์นันด์ เอแด็ง อาซาร์ ฯลฯ
เปรียบเทียบกับ แมนซิตี้ ลิเวอร์พูล เชลซี แมนยูยุคเซอร์ ทีมแชมป์เหล่านี้ยอมจ่ายในสิ่งที่สมควรจ่ายทั้งสิ้น
ถ้าเค้ามองว่านักเตะคนนั้นจะมาช่วยยกระดับทีมได้

ซึ่งเลวี่ทำตรงกันข้าม

เกือบทุกปี แฟนไก่ต้องมาลุ้นเลวี่ไทม์เสมอ คือการซื้อนักเตะวันเดตไลน์
ข้อดีคือได้ราคาคุ้มค่า แต่ข้อเสียคือนักเตะไม่ได้พรีซีซั่นกับทีม
แฟนไก่จะเห็นนักเตะที่ปรับตัวไม่ได้ หรือกว่าจะปรับตัวได้ก็ปาเข้าไปท้ายฤดูกาลแล้วก็มี

ยังไม่รวมการไปซื้อนักเตะตัวทดแทนที่ใช้งานไม่ได้หรือโค้ชไม่ต้องการมาให้
ทั้งๆ ที่เพิ่มค่าตัวหรือค่าเหนื่อยอีกนิดก็จะได้นักเตะตัวที่โค้ชต้องการอยู่แล้ว

ที่หนักที่สุดคือ ฤดูกาล 2018-19 ที่สเปอร์สได้เข้าชิง UCL ฤดูกาลนั้นสโมสรไม่ได้ซื้อตัวนักเตะเข้าทีมเลย
น่าจะเป็นทีมเดียวในพรีเมียร์ลีก ที่ไม่มีการซื้อนักเตะเข้าทีมเลยใน 1 ฤดูกาล

พิมพ์มาซะยาว เพื่อที่จะสรุปสั้นๆ ว่า แนวทางของเลวี่เหมาะมากกับการบริหารด้านนอกสนาม
แต่ไม่เหมาะเลยกับการบริหารในสนาม ถ้าสองตำแหน่งนี้แยกงานกันทำไม่ได้
ผมก็เห็นด้วยที่สโมสรปลดเลวี่นะครับ

สเปอร์สตอนนี้พื้นฐานแน่นแล้ว (ขอบคุณเลวี่) แต่สิ่งที่ต้องก้าวต่อไปคือการคว้าแชมป์ให้สม่ำเสมอครับ

การไปออกสัมภาษณ์ ว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขาย นั้น ผมว่าพลาดอ่ะ
ผมมองว่าเป็นส่วนนึง ที่เอาตัวรอด แล้วทำให้คนไปมองว่า โจ เกี่ยวแทน เลยโดนเพ่งเล็งหรือป่าว เพราะแฟนบอลก็จะไปโจมตี ลุงโจแทน

แล้ว เลวี่ก้ยังถือหุ้น เยอะด้วย แค่เอาตัวเองออกจากแสงหรือป่าว อันนี้ก้ก้แอบคิดในใจนะ
แค่ออกไปเพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ๆ ว่าโจทำเพื่อสโมสรหรือป่าว เพราะแฟนบอลก็ชัดเจนว่า ทำป้ายด่าเลวี่เอ้าท์ๆ ถ้าโจยังไม่ทำอะไร ต่อไปอาจจะมี โจเอ้าท์


ผมจำไม่ค่อยได้นะ ว่า ครอบครัวลุงโจมาชมเกมในสนามบ่อยแค่ไหน คุ้นๆ ว่าเหมือนเคยเห็นผู้หญิงลูกสาวลุงโจนั่งกับเลวี่บ้างนะ แต่โจจำไม่ได้ว่าเคยมาไหม
ปากบอกรักว่าสโมสรอ่ะ

ตามท่านเลยครับ

ส่วนผมนะ ผมแยกส่วนของการทำงานของเลวี่

ส่วนของธุรกิจ อันนี้ทำได้ดี สมควรได้เครดิต

ส่วนของฟุตบอล อันนี้สมควรโดนด่า

้ถ้าเลวี่บริหารแบงค์ คือ Worldclass

แต่ถ้าบริหารฟุตบอลคือ Worldgas

ผมเห็นหลายคนที่ชอบเลวี่ เอาสองเรื่องมารวมกัน และก็หยวนๆไปตลอด

เงินรางวัลการไปบอลยุโรปมันหอมหวาน ต่างกับได้แชมป์ไม่เท่าไหร่

เลวี่เลยตั้งเป้าไม่ให้หลุดพื้นที่ยุโรปแค่นั้นเองครับ

ดีใจที่เลวี่ลงไปได้สักที จะได้รู้ครับว่า ไก่ที่บินหลังจากนี้จะบินสูงหรือบินต่ำ

ตรงใจผมทุกประโยคครับ

สังเกตหลายครั้ง
ปล่อยข่าวเอาตัวรอดตลอดครับ

จริงครับ
บางคนเสียดายเลวี่
อันนี้ไม่ว่ากัน..
เพราะบริหารจัดการเงินดี...
สโมสรอู้ฟู่...
ร่ำรวย..แล้วยังไงต่อ ???

แฟนบอลไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย
นอกจากควักตังค์ซื้อบัตรราคาแพง และเสื้อสิ่งของต่างๆทุกปี
สนับสนุนสโมสรกันต่อไปเรื่อยๆ

เพราะ..วาดฝันว่าการเงินดี
หวังว่าสโมสรคงยอมทุ่มซื้อนักเตะดังๆเข้าทีม
เผื่อทีมจะได้แชมป์กะเขาบ้าง

แต่ที่ไหนได้..ซื้อตัวเอาแค่พอได้ลุ้นไป UCL 
ซื้อดาวรุ่ง เพื่อหวังว่าจะเก่งขึ้น
เรื่องคว้าแชมป์
เป็นเรื่องที่หยิบเอามาเป่าหูให้แฟนบอลและนักเตะ
รวมไปถึงผจก. เคลิบเคลิ้มกันไปเอง


อยู่มา 25 ปี ออกไปได้ก็ดีครับ
ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง
จะให้จมอยู่กับคนๆเดียว ทั้งปีทั้งชาติ
มันก็ไม่ไปไหนสักที..

ผมเห็นด้วยที่ปลด เหม่งเลวี่
ถ้าต่อไปผลงานยังไม่ดี รายต่อไปคือ ตระกูลลูอิส
ที่ควรขายทีมไปสักที

แต่ผมมั่นใจว่า..น่าจะดีขึ้น
เพราะ ผู้บริหารรายใหม่
น่าจะทุ่มทุนให้ผจก.มากกว่าเลวี่
เพื่อพิสูจน์ตนเองให้แฟนบอลเห็นว่า
สโมสรตัดสินใจถูกต้องแล้ว


ส่วนจะดีขึ้น หรือแย่ลง..
เราแฟนบอลก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต

ทีมต้องเดินหน้า Move on
ถึงเวลา ที่สเปอร์ จะเข้าสู่ ยุคใหม่...แล้วครับ

เห็นด้วยนะ เลวี่ เก่งเรื่องธุรกิจ แต่เรื่องฟุตบอลก็เห็นๆกันอยู่

สโมสรพลาดตัวดีๆมาเยอะเพราะเลวี่สไตล์นี่ล่ะ มัวแต่ยึกยักเรื่องราคา

ที่สำคัญเรื่องเวลามันเลยมีคำว่า "เลวี่ไทม์" บางตลาดนี้โคตรปวดใจเลยโดนปาดแล้วปาดอีก

ลองให้คนที่เขาเก่งด้านกีฬาจริงๆมาทำหน้าที่ตรงนี้ดีกว่า

ทางด้านตระกูล ลูอีส เจ้าของทีมคงอยากได้ความสำเร็จทางด้านฟุตบอลมากกว่านี้ เรื่องเงินตระกูลนี้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
(เจ้าของแต่ไม่มายุ่งเรื่องฟุตบอลปล่อยเป็นหน้าที่เลวี่มาตลอด)


เอาตรงๆนะ เจ้าของเก่าอย่าง ลอร์ด อลัน ชูการ์ ซื้อตัวยังโดนใจกว่าเลวี่เยอะเลย

ส่วนเจ้าของใหม่คงยาก จะเอาเจ้าของเป็นชีคอาหรับนี่ยากมากๆ เพราะทีมเหมือนๆเป็นของคนยิวอังกฤษ

แฟนบอลก็คนอังกฤษเชื้อสายยิว ย่านที่ตั้งสโมสรก็ย่านคนยิว

นึกภาพไม่ออกเลย เศรษฐีอาหรับที่เป็นมุสลิมจะมาทำทีมให้คนเชื้อสายยิวเชียร์

เอาตรงๆเจ้าของเก่าอย่าง ลอร์ดอลัน นี่ก็ยิวนะ ทั้งปู่โจ ทั้งเลวี่ นี่ก็ยิว

ไม่แปลกที่ตอนโรมันมาอังกฤษจะเอาเทคสโมสรอังกฤษ เป้าแรกคือสเปอร์เลย เพราะเสี่ยโรมันแกก็เป็นยิวรัสเซีย

เห็นด้วยนะ เลวี่ทำต่อทีมคงไปไม่ได้มากกว่านี้แล้ว ด้วยวิธีการคิดการลงทุนแบบเดิมๆทีมก็จะวนแบบเดิม อย่างน้อยทีมจะได้เข้าสู่ยุคใหม่
กลิ่นใหม่ๆ

ด้านบริหารเลวี่คือที่1อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ด้านฟุตบอลนี่เลวร้ายบริหารยังไงให้ทีมตืดฉายาspursyก็น่าจะเป็นคำตอบ

คิดแล้วก็เจ็บใจ
ถ้าสเปอร์ ได้เสี่ยโรมันมาเทคโอเวอร์ตอนนั้น
สเปอร์คงบินสูงไปนานแล้ว