[RE: คิดว่า WHOOP ใช้จุดเด่นอะไรในการท้าสู้ตลาดอุปกรณ์รักษ์สุขภาพครับ]
การตลาดล้วนๆเลยครับ
1. เน้นจ้างให้นักกีฬาหัวแถวใส่ เห็นใน Social และชีวิตประจำวัน เช่น พี่โด้, Van Dijk, Michael Phelps etc. หลังๆพวกนักกีฬา หรือ celebrity อื่นๆก็ใส่มากขึ้น เช่น พวกนักขับ F1 (แต่อันนี้ไม่รู้จ้างป่าว) คนธรรมดาก็เห็นก็เริ่มอยากใส่บ้าง ก็เหมือนเวลาเราซื้อของตามที่ Influ ใช้
2. มัน subscription based จ่ายรายเดือน ก็เหมือนเป็นการคัดคนใส่พอสมควรด้วยปัจจัยด้านการเงิน ทำให้มันดู Niche ขึ้นไปอีก พอมัน Niche แล้วมีปัจจัยด้านราคา พอใส่มันเลยดูเท่ ดูรวย ดูไม่เหมือนใคร (ซึ่งตอนนี้เหมือนจะไม่ Niche แล้ว 5555)
3. มันเน้นเอาไว้ matching ด้านแฟชั่นได้ด้วย เพราะสายมันมีให้เลือกโคตรหลายสี และมันเป็นเหมือน Wrist Band และมันยังใส่คู่กับ accessories อย่างอื่นได้ เช่น นาฬิกาแบบ Analog ข้างนึงใส่ Whoop ข้างนึงใส่ PP, AP, Rolex etc. มันก็ดูไม่ตลก ถ้าใส่ Apple Watch ข้าง Rolex อีกข้างมันก็ controversial ระดับนึง 5555
4. กระแส Wellness กำลังบูมสุดๆตอนนี้ แล้วข้อมูล insight ที่ Whoop เน้นมันค่อนข้างสอดคล้องกับตัวแปรที่ใช้ในการดู Longevity หรือ สมรรถนะร่างกายของตัวเอง มันไม่ได้ดีกว่า Apple Watch หรือ Smart Watch อื่นๆนะ แต่มันเหมือนดู/เน้นคนละมุม
พวก Smart Watch ถ้านับเฉพาะ aspect ด้านการออกกำลังกายจะเน้นที่ตัว Activity ที่ทำ จับเวลา ให้ข้อมูลตัวกิจกรรม, ประเมิน performance, บันทึก ฯลฯ (อาจจะมีอย่างอื่นอีก ผมไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้)
ส่วน Whoop มันจะเน้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายในช่วงเวลาทั้งวันทั้งคืน รวมถึงตอนออกกำลังกาย และนอนด้วย (มันแนะนำให้ใส่ 24 ชม.ไม่ควรถอด) แล้วเอามาประเมินเป็นค่าต่างๆที่ส่งผลต่อ Longevity ของเรา
ช่วงนี้ใน Social เราจะเห็นศัพท์ใหม่ๆ ปัจจัยใหม่ๆเกี่ยวกับสุขภาพ ที่จริงๆมีอยู่นานแล้วผุดขึ้นมามากขึ้นเยอะกว่าแต่ก่อน เช่น HRV, RHR, VO2MAX, Sleep Consistency etc. (แต่ก่อนแค่นอนวันละ 8 ชม., เดิน 10k, เล่นเวท ฯลฯ ก็พอแล้ว) ซึ่งไอค่าเหล่านี้คือค่าที่ Whoop เน้น
ทั้งหมดที่พูดมาคือจุดขายของ Whoop ไม่ใช่ทุกคนที่ใส่จะเป็นทุกข้อ แต่ผมเชื่อว่าไม่ข้อใดก็ข้อหนึ่งแน่ๆ
Bottom Line คือต้องถามตัวเองว่าอยากได้อะไร แต่ส่วนตัวผมคิดว่าคน 90% ไม่จำเป็นต้องมี มันเหมาะกับพวก performance based จ๋าๆแบบพวกนักกีฬา หรือ พวกที่ใช้ร่างกายหนักมากๆ เพราะคนเหล่านี้ใช้ร่างกายหนักถึงขีดจำกัด เลยต้องคอยประมเินสภาพร่างกายตัวเองตลอด มันเป็นตัวแปรที่มากกว่าที่คนส่วนใหญ่จะต้องดู (ผมมีเพื่อนที่ใส่ทุกวันนี้ค่าแต่ละตัวคืออะไรมันยังไม่รู้เลย 5555)
สำหรับคนปกติจริงๆร่างกายมนุษย์มันมีกลไกทางธรรมชาติคอยเป็นนาฬิกาชีวิตให้เราอยู่แล้วอ่ะ นอนน้อยเราก็ง่วง, นอนหลับไม่ดีตื่นมาเราก็ไม่ Fresh, ร่างกายไม่แข็งแรงเราก็ป่วย, ออกกำลังกายหนักไปเราก็ปวด/อักเสบ ฯลฯ เราแค่ต้องหัดฟังร่างกายไม่ใช่ฟังแต่ wearable
ซึ่งเอาจริงๆต่อให้มี Whoop แต่ถ้าคุณเป็นคนใช้ชีวิตเป็น routine 9-18 ชีวิตคุณทำเหมือนเดิมตลอดๆ ค่าที่คุณจะได้จากไอ Whoop มันก็เป็นค่าเดิมๆตลอดนั่นแหละ
เสริมอีกนิด ละไอบริษัท Whoop นี่แม่งโคตร Evil Corporation เลยปากอ้างว่ารักษ์โลก แต่ตอนมันออกรุ่นใหม่ จาก Whoop 4.0 เป็น 5.0 แค่เปลี่ยน censor นิดเดียวแต่จงใจออกแบบรูปทรงเครื่องใหม่ให้มันเข้ากับสายรุ่นเดิมไม่ได้ เพื่อจะให้คนที่ใช้รุ่นก่อนต้องซื้อสายเพิ่มใหม่หมด ทิ้งสายเก่าไปฟรีๆ อ้างนู่นอ้างนี่แต่โดนคนแหกว่าจริงๆเครื่องใหม่ออกแบบให้ใส่สายเก่าได้ แต่ไม่ทำ นี่ยังไม่นับเรื่องสัญญาจะ upgrade ให้คนใช้รุ่นเก่าเปลี่ยนไปใช้รุ่นใหม่ฟรี พอออกมาจริงถ้าอยากได้รุ่นใหม่ต้องบังคับจ่ายต่อ subscription ล่วงหน้าก่อนถึงจะเปลี่ยนให้ โดนด่าดราม่าใน reddit อยู่พักใหญ่