ซุปตาร์โอลิมปิก
Status: word not enough to talk about football

: 0 ใบ

: 0 ใบ
เข้าร่วม: 06 Jun 2010
ตอบ: 18934
ที่อยู่: Urban Forest
โพสเมื่อ: Tue Sep 02, 2025 19:29
[MUFC] Whitwell แจงยิบเบื้องหลังตลาดซื้อขายแมนยู
จากเพจ ดูบอลกับแนท
#HOTSTORY : ห้ามพลาด! พบกันอีกครั้งกับคอลัมน์เจาะลึกวงในสโมสรโดย Laurie Whitwell (Tier 1 , The Athletic) ซึ่งมีเรื่องราวบางอย่างที่เรายังไม่รู้ ดูบอลกับแนทสรุปให้ที่นี่
[แปลโดย : แนท ดูบอลกับแนท]
● ราสมุส ฮอยลุนด์
- ตัวนักเตะต้องการอยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ด สโมสรที่เขาเชียร์มาตั้งแต่เด็ก แต่โอมาร์ เบอร์ราด้า และเจสัน วิลค็อกซ์ (ต่อไปขอเรียกย่อว่า เบอร์ค็อกซ์) รวมถึง รูเบน อโมริม ตัดสินใจว่าต้องการขายเขาออกเพื่อศูนย์หน้าคนใหม่ และดำเนินการตามนโยบายนั้น
- Laurie บอกว่า มันอาจยากที่จะจินตนาการว่าบอร์ดบริหารชุดก่อน จะประเมินนักเตะที่ตั้งใจฝึกซ้อม และมีความเป็นมืออาชีพ ได้อย่างเลือดเย็น
- ฮอยลุนด์ ถูกดร็อปในเกมพบ เอฟเวอร์ตัน ช่วงทัวร์ปรีซีซั่น โดยลงเป็นตัวสำรองแค่ 18 นาที จากนั้นก็ไม่ได้ลงสนามในเกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายกับฟิออเรนติน่า
ส่วนเกมพรีเมียร์ลีกนัดพบอาร์เซน่อล ฮอยลุนด์ก็ไม่มีชื่อ แม้ว่า ณ ตอนนั้น เชชโก้จะยังฟิตไม่พอลงตัวจริง เขาถูกตัดชื่อในเกมพบฟูแล่ม และ กริมสบี้ ทาวน์ เช่นกัน
- Laurie บอกว่า การตัดชื่อฮอยลุนด์ออกจากทีม มันดูแปลกออกไปจากชุดผู้เล่นที่ (เมื่อตัด 4 ยอดกุมารออก) ทุกคนทำงานหนักและทำตามคำสั่ง
- ในช่วงปรีซีซั่น ฮอยลุนด์ไม่ได้ถูกปฏิบัติต่างจากคนอื่นมาก และเขาก็แสดงให้เห็นถึงหัวจิตหัวใจในการต่อสู้เพื่อแย่งตำแหน่งตัวจริง
- *** ฮอยลุนด์มีแรงบันดาลใจในการแย่งตำแหน่ง เพราะเขามองว่าตัวเองดีกว่า เบนยามิน เชชโก้ ที่ทีมต้องจ่าย 85 ล้านยูโรซื้อมา และหวังว่าการพิสูจน์ตัวเองในสนามซ้อม จะทำให้รูเบน อโมริม ระงับแผนการปล่อยตัวเขาออกไป
- แต่การตัดสินใจจากฟากสโมสรเกิดขึ้นไปแล้ว เพราะฮอยลุนด์โชว์ฟอร์มได้ย่ำแย่ในฤดูกาลที่แล้ว ยิง 10 ประตูจาก 52 เกม และในลีกยิงได้แค่ 4 ลูก
- ฮอยลุนด์เลยถูกมองว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่แมนฯ ยูไนเต็ดจ่ายเงินเกินความจริง หรือถูกมองว่าเป็นนักเตะที่ซื้อมาจากบอร์ดเก่า (ก่อนยุค INEOS) ซึ่งต่างจากจอชัว เซิร์กซี ที่ทีมงานบอร์ดใหม่ ดึงเข้ามาเอง
- ฮอยลุนด์รู้สึกอกหัก หลังจากรู้ว่าฝันของการย้ายมาเล่นที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดที่เขารักต้องจบลงในช่วงอายุ 22 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาคาดหวังที่จะแก้ตัวให้ได้ในช่วงปรีซีซั่น แต่ Laurie บอกว่า เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ , คู่หูเบอร์ค็อกซ์ และ อโมริม ดำเนินการโดยตัดเรื่องอารมณ์อ่อนไหวเหล่านี้ทิ้งไป
- ตอนที่อยู่ที่ชิคาโก้ (ช่วงปรีซีซั่น) ณ เวลานั้น แมนฯ ยูไนเต็ดกำลังมองหาศูนย์หน้าคนใหม่ และตัดชื่อในลิสต์เหลือแค่ เชชโก้ และ โอลเล่ย์ วัตกิ้นส์ ในช่วงเวลานั้น ฮอยลุนด์ได้รับแจ้งว่าแมนฯ ยูไนเต็ดจะมองหาศูนย์หน้าคนใหม่ แต่เขายังไม่ได้รับสารโดยตรง ว่าสโมสรต้องการขายเขา ซึ่งสาเหตุที่สโมสรส่งสารแบบนั้นเพราะเขาถูกมองว่าเป็น 'คนดีและสงบเสงี่ยมเรียบร้อย'
- วันที่ 29 กรกฎาคมที่ชิคาโก้ วันนั้น ฮอยลุนด์ต้องออกงานอีเวนท์กับอันเดร โอนาน่า และ ลุค ชอว์ เขาทำกิจกรรมพร้อมกับรอยยิ้ม แต่หลังฉากหลังกล้อง สีหน้าของเขาเศร้าสร้อยอย่างชัดเจน เพราะเขาทราบสถานการณ์ดี คืนนั้น แมนฯ ยูไนเต็ดเดินดีลอย่างหนักกับ เชชโก้
- ค่ำวันต่อมา ฮอยลุนด์ลงสนามในเกมที่แมนฯ ยูไนเต็ดพบกับบอร์นมัธ เขายิง 2 ประตู และให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ยืนยันความตั้งใจของตัวเอง 'แผนของผมชัดเจนคือจะอยู่ที่นี่และสู้เพื่อแยกตำแหน่ง' ส่วนฟากอโมริมให้ความเห็นว่า 'ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจนกว่าตลาดจะปิดตัวลง'
- ท้ายที่สุดความตึงเครียดก็เกิดขึ้น ฮอยลุนด์ทำให้ทุกคนรู้ว่าเขาถูกปล่อยทิ้งไว้จากความตั้งใจของเขา ท้ายที่สุด หลังจากหลายสโมสรที่ยื่นข้อเสนอเข้ามา ฮอยลุนด์ตัดสินใจเลือกนาโปลี
● การคัดสรรกองหน้า
- แมนฯ ยูไนเต็ดเลือก เชชโก้ ก่อน วัตกิ้นส์ เพราะเรื่องอายุการใช้งาน และกับการการันตีเรื่องประตูในลีก พวกเขามีมาเตอุส คุนญ่า และไบรอัน เอ็มบูโม่อยู่แล้ว
- การเลือก เชชโก้ มาจากคะแนนเอกฉันท์ (จากเบอร์ค็อกซ์ และ อโมริม) โดย คริสโตเฟอร์ วิเวลล์ ผอ. ฝ่ายสรรหาคือผู้รับผิดชอบหลักจากการที่เขามีความสัมพันธ์อันยาวนานกับเชชโก้
- แมนฯ ยูไนเต็ดสอบถามไปยัง อูโก้ เอกิติเก้ หลังจากลิเวอร์พูลติดต่อเข้าไป แต่ช้าไปแล้ว และพวกเขาไปเร่งดีล เชชโก้ หลังจากที่นิวคาสเซิ่ล เร่งเจรจาพูดคุย
- ช่วงนั้น (ปลายเดือน ก.ค. - ต้นเดือน ส.ค.) บอร์ดจึงประชุมกันว่าจะเลือกกองกลาง หรือ กองหน้า มีการประชุมกันเพื่อดำเนินการสืบราคา คาร์ลอส บาเลบ้า
- บางคนในสโมสรมองว่า มิดฟิลด์เป็นตำแหน่งที่จำเป็น แต่ วิลค็อกซ์ แนะนำกองหน้ามากกว่า เพราะทีมยิงได้ 44 ประตูในฤดูกาลที่แล้ว และ เซอร์จิม ก็เห็นด้วย
- จริงๆ แล้ว ชื่อแรกในตำแหน่งกองหน้าที่ทีมเล็งไว้คือ เลียม ดีแล็ป แต่พวกเขาพลาดตัวอดีตแข้งอิปสวิชเพราะแพ้สเปอร์สในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ส่วนอีกหนึ่งสาเหตุก็คือ ดีแล็ป เป็นอดีตนักเตะแมนฯ ซิตี้ เขาลังเลที่จะย้ายไปสวมเสื้อสีแดงซึ่งเป็นคู่ปรับร่วมเมือง
- แม้คนของแมนฯ ยูไนเต็ด จะแนะ ดีแล็ปว่า ชูเอา เปโดร ก็มีโอกาสย้ายไปเชลซีเหมือนกันนะ (อาจแย่งตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้ากัน) แต่สุดท้าย เลียม ก็ตัดสินใจย้ายไปร่วมทัพสิงห์บลูส์
- หลังจากพลาด ดีแล็ป แมนฯ ยูไนเต็ดมีการพิจารณาดึงแดนนี่ เวลเบ็คด้วย ซึ่ง 'ท่านมหาเทพ' ได้รับความสนใจตอนยุคอีริค เทน ฮาก ปีที่แล้ว แต่ ณ ตอนนั้นดีลไม่เกิดขึ้น เพราะอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านผู้บริหาร และตำแหน่งของเทน ฮากตอนนั้นก็ไม่มั่นคง
- ช่วงต้นตลาดที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ดมีการเตรียมจะยื่นข้อเสนอให้กับเวลเบ็คถึงปี 2027 (สัญญา 2 ปี) ถ้าตกลงค่าตัวกับไบรท์ตันได้ ซึ่งสโมสรพิจารณาว่าจะไม่ต้องจ่ายเยอะมาก
แต่ท้ายที่สุด เซอร์จิม รู้สึกว่าการให้สัญญา 2 ปี กับนักเตะที่จะอายุ 35 ในเดือนพฤศจิกายนนี้ มันไม่สมเหตุสมผล เลยมีการพูดถึงสัญญา 1+1 ปี แต่ท้ายที่สุด ก็ไม่มีการยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการ และเจ้าตัวก็ออกมายอมรับว่ามีความสุขดีกับไบรท์ตัน
- วิลค็อกซ์ รู้สึกว่า โดมินิค คาลเวิร์ต ลูวิน ที่มีชื่อเป็นอีกหนึ่งแคนดิเดต เป็นตัวหมุนเวียนที่น่าสนใจ แต่แมนฯ ยูไนเต็ดปฏิเสธที่จะยื่นข้อเสนอ ก่อนที่นักเตะจะย้ายไปลีดส์
- ส่วนดีลไบรอัน เอ็มบูโม่ จริงๆ แล้วสโมสรมีการพูดคุยดีล อ็องตวน เซเมนโย่ เป็นดีลทางเลือกตอนที่ยังตกลงกับเบรนท์ฟอร์ดไม่ได้ แต่ราคา 70 ล้านปอนด์ แมนฯ ยูไนเต็ดมองว่าสูงเกินไป
● แนวทางการสรรหานักเตะ
- มีการประชุมใหญ่บอร์ดครั้งแรก 2 วันก่อนเกมนัดสุดท้ายของซีซั่นก่อนพบ แอสตัน วิลล่า (หลังแพ้นัดชิงยูโรป้า) ที่บ้านพักของเซอร์จิม กับมุมมองว่าจะเสริมทีมอย่างไรเมื่อไม่ได้ไปยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
- วันนั้น อโมริม ไปเข้าประชุมด้วย โดย 'คู่หูเบอร์ค็อกซ์' เป็นคนวางกลยุทธ์ให้กับเซอร์จิม , โจเอล และอัฟราม เกลเซอร์ รวมถึงบอร์ดบริหารของ INEOS
- ทั้งจิม , อโมริม และคู่หูเบอร์ค็อกซ์ เห็นตรงกันว่าจะต้องดึงนักเตะที่ 'มีประสบการณ์ในลีกก่อน' เป็นเริ่มต้น หลังจากการดีลกับผู้เล่นจากลีกอื่น ส่วนมากล้มเหลว และหารือกันว่า การขายนักเตะออกเป็นสิ่งจำเป็นในการสนับสนุนดีลต่างๆ
- อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารมีมุมมองในการเดินตลาดที่แตกต่างกันไป การ 'ตัดเงินพนักงาน' ของเซอร์จิม เป็นการเตรียมงบไว้ให้สโมสรเสริมทัพได้เต็มที่ (ถ้าเป็นเรื่องในสนาม เซอร์จิมพร้อมทุ่ม) แต่ก็ต่างจากฟากเกลเซอร์ที่ระยะหลังๆ ในตลาดยุคที่พวกเขายังดูแลทั้งหมด พวกเขาดูจะระมัดระวังในการจ่ายเงินมากขึ้น
- แมนฯ ยูไนเต็ดใช้จ่ายเงินไปมากกว่า 200 ล้านปอนด์ (215 ล้านปอนด์โดยประมาณ) แต่ยังอยู่ในสถานะที่ดีตามกฎการเงินทั้ง FFP และ PSR เมื่อปีหน้ามาถึง
- นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ในสโมสรยังทำงานหนักเพื่อ 'Project 90' กับการปรับตัวเลขในบัญชีสโมสรให้ดีขึ้น ปีละ 90 ล้านปอนด์ ซึ่งมาจากการต้องประหยัดมากขึ้น หรือ ขายสปอนเซอร์ หรือมีรายได้เชิงพาณิชย์ให้ได้มากขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือ เดินตลาดซื้อขายให้ดีขึ้่น (ดีลปังมากขึ้น ดีลแป้กน้อยลง) ซึ่งจะนำไปสู่ผลงานที่ดี และลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดที่มากขึ้น
- และอย่างที่ทราบ มีการขยายวงเงิน ในเครดิตระยะสั้น (ก่อนหน้านี้วงเงินมากสุดใช้ได้ที่ 300 ล้านปอนด์) แม้แมนฯ ยูไนเต็ดต้องจ่ายดอกเบี้ย แต่พวกเขาก็ตั้งเป้าจะล้างหนี้ และต้องการเก็บเงินสดสำรองไว้ในสโมสรให้ได้เยอะๆ หลังจากนั้น
แต่นั่นก็เป็นเรื่องระยะไกล แต่การขยายวงเงินก็ทำให้มีงบพอสมควรสำหรับการสนับสนุน อโมริม
- 'ทริปตกปลา' ที่ไอซ์แลนด์ Laurie ยืนยันว่า เป็นปฏิกิริยาเร่งในการเดินตลาด หลังจากดีลเอ็มบูโม่ชะงักไม่ไปไหนอยู่นาน ในที่สุดพอไปตกปลากันวันนั้น สโมสรก็ปิดดีลเอ็มบูโม่ได้ ตามด้วย เชชโก้
- ***ยูไนเต็ดนำโดยเซอร์จิม ตัดสินใจให้แมนฯ ยูไนเต็ดเซ็นเชชโก้ให้ได้ ส่วนเรื่องปัญหาการเงินไว้ว่ากัน ยังเชื่อว่าสโมสรจะหาเงินมาได่เพิ่มหรือจัดการเรื่องเงินเอาหลังจากนั้น
โจเอล และอัฟราม เกลเซอร์ ก็อนุมัติกับแนวทางนี้ จนในที่สุดก็ปิดดีลเชชโก้ได้
● คาร์ลอส บาเลบ้า และดีลกองกลาง
- ในโลกอุดมคติ อโมริม ก็น่าจะได้ คาร์ลอส บาเลบ้า ด้วยเช่นกัน กลางพลังงานสูงเป็นเป้าหมายของทีมมาตลอดทั้งซัมเมอร์ แต่สุดท้ายเงินกลับเอาไปใช้ในส่วนอื่น
- อโมริม ผลักดันดีล บาเลบ้า เป็นการภายใน และเซอร์จิมก็อยากให้แมนฯ ยูไนเต็ดลอง แต่สุดท้ายเรื่องราคาเป็นเหตุผลสำคัญที่สโมสรไม่สามารถเดินดีลได้
- ตอนแรก สโมสรรู้สึกว่า ราคาที่ไบรท์ตันตั้งอาจจะอยู่ที่เรตของเชลซีที่ซื้อชูเอา เปโดรไป (60 ล้านปอนด์) ยูไนเต็ดตกลงรายละเอียดส่วนตัวได้แล้ว ส่วนนักเตะที่เชียร์ให้บาเลบ้าย้ายมาก็มี อันเดร โอนาน่า , เอ็มบูโม่ (สองเพื่อนร่วมชาติแคเมอรูน) และ เลนี่ โยโร่ (โยโร่ และ บาเลบ้า เคยเล่นให้ลีลล์)
- แต่อย่างที่ทราบ ไบรท์ตันต้องการราคาประมาณมอยเซส ไคเซโด้ (115 ล้านปอนด์) แมนฯ ยูไนเต็ดเลยติดต่อไปหาไบรท์ตันในวันที่ 15 สิงหาคม และบอกตรงๆ ว่าคงออกจากดีล และจะกลับมาใหม่ในภายหลัง
- ชื่อมิดฟิลด์อื่นๆ ที่อยู่ในลิสต์ได้แก่ เอแดร์สัน (อตาลันต้า) , อังเกโล่ สติลเลอร์ (สตุ๊ทการ์ท) , อดัม วอร์ตัน (คริสตัล พาเลซ) และ มอร์เทน ยูลมันด์ (สปอร์ติ้ง)
อันที่จริง มีชื่อของโกร็องแต็ง โทลิสโซ่ (ลียง) ด้วย ถ้าทีมมีงบไม่มาก เพราะบอร์ดบริหารชื่นชอบเขาในเกมยูโรป้าที่ ลียง เจอกับแมนฯ ยูไนเต็ด
- เมื่อไม่มีมิดฟิลด์เข้ามา ค็อบบี้ เมนู ที่ขอย้ายออกด้วยสัญญายืมตัว ก็ไม่ได้ย้ายทีม จริงๆ แล้วถ้าจะย้ายจริงๆ ยูไนเต็ดพิจารณาดีลขายขาด แต่ทีมที่สนใจไม่มีใครยื่นข้อเสนอ
- *** อโมริม ชื่นชอบการไปกับบอลของ เมนู แต่สิ่งที่เมนูขาดคือสปีดความเร็ว (Acceleration) ซึ่งสำคัญมากกับการเล่นเป็นมิดฟิลด์ในแผนของเขา
สปีดที่เร็วมากในการไปกับบอลของบาเลบ้า ได้รับคำชื่นชมอย่างมาก แต่หลายคนที่ยูไนเต็ดก็มองว่า เมนูหน่วยก้านดีพอที่จะเล่นเบอร์ 6 ในแผนอโมริมได้ ทั้งการตัดเกม , รับบอลและตั้งเกมขึ้นมาจากคู่เซนเตอร์ ซึ่งเป็นมิติที่เขาเคยเล่นตอนขึ้นทีมชุดใหญ่ยุคอีริค เทน ฮากใหม่ๆ แม้ว่าตอนระดับเยาวชนเขาจะเคยเล่นเป็นตัวริมเส้นด้วยก็ตาม
- อย่างไรก็ตาม แฟนบอลรู้สึกว่า เมนู คือตัวอย่างและสัญลักษณ์ของการปั้นนักเตะขึ้นมาจากอะคาเดมี่ แฟนๆ ต้องการให้ศูนย์ฝึกฯ ปั้นเด็กขึ้นทีมชุดใหญ่ ไม่ใช่การปั้นมาขายเอากำไร
● ผู้รักษาประตู
- ตอนตลาดเปิด แมนฯ ยูไนเต็ดไม่ได้ตั้งใจจะเสริมตำแหน่งนี้
- แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อ โอนาน่า มารายงานตัวช่วงปรีซีซั่นพร้อมกับอาการบาดเจ็บที่แฮมสตริงตั้งแต่วันแรก และมาเจ็บโดยสิ้นเชิงในการซ้อมวันที่ 2
เรื่องนี้ ทำให้ทีมโค้ชตั้งคำถามว่า โอนาน่าไปทำอะไรตลอดทั้งซัมเมอร์ และดูแลตัวเองอีท่าไหน ทำไมพอมาซ้อมแล้วถึงเจ็บเลยทันที
- และนั่นทำให้อโมริมไม่ประทับใจ และอัลทาย บายินดีร์ ได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกทั้ง 3 นัด ส่วนโอนาน่า ไม่มีชื่อในเกมแรกกับอาร์เซน่อล แม้เขาฟิตพร้อมจะลงเล่น และโอนาน่า ยังไม่ได้เป็นตัวจริง ในอีก 2 เกมหลังจากนั้น
ซึ่งเอาเข้าจริง ความไม่เชื่อใจ โอนาน่า ของอโมริม เกิดขึ้นตั้งแต่เกมนัดส่งท้ายซีซั่นก่อนกับแอสตัน วิลล่า ที่บายินดีร์ ได้ลงสนาม , ทอม ฮีตัน เป็นตัวสำรอง ส่วนโอนาน่า ไม่มีชื่อ หลังเกมยูโรป้า ลีกนัดชิง
- **** โอนาน่า กลับมาที่แคร์ริงตัน พร้อมกับขอสัญญาฉบับใหม่ โดยเขายืนยันจุดยืนนั้น หลังจากที่โดนตัดค่าเหนื่อย 25% จากการที่ทีมไม่ได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
- ท่าทีแบบนั้น ทำให้อโมริม รู้สึกไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม แมนฯ ยูไนเต็ดก็ไม่ได้มีความพยายามที่จะขาย โอนาน่า โดยมีโมนาโกเป็นทีมเดียวที่สนใจ และแมนฯ ยูไนเต็ดก็ตั้งค่าตัวไว้อย่างน้อย 30 ล้านปอนด์ ซึ่งทีมจากฝรั่งเศสปฏิเสธที่จะจ่ายมากขนาดนั้น
- หลังจบเกมพบฟูแล่ม ตัวแทนของโอนาน่ามีการสอบถามอีกครั้งว่า พร้อมจะเปิดกว้างให้เขาและตัวอันเดร หาทีมใหม่ไหม แต่สโมสรบอกว่าไม่ต้อง โอนาน่ายังอยู่ในแผนงานของอโมริมต่อไป
- และหลังจาก บายินดีร์ พลาดจากจังหวะลูกเตะมุมเกมพบ อาร์เซน่อล แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เลยอนุมัติการเดินดีล เซนเน่อ ลัมเมนส์
คนที่เป็นโต้โผอนุมัติการเซ็นผู้รักษาประตูคนใหม่ ก็คือ เซอร์จิม
- ***ส่วนอโมริมเอง ต้องการประตูคนใหม่มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมแล้ว แต่โฟกัสของเขาคือ เอมี่ มาร์ติเนซ
อโมริมรู้สึกว่า คาแรกเตอร์ของเอมี่ , ประสบการณ์ของเขา และการเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก จะส่งผลดีอย่างยิ่งกับยูไนเต็ด เพราะหลังจบเกมเบิร์นลี่ย์ อโมริมถึงกับพูดว่า 'มันยากนะกับการเป็นผู้รักษาประตูให้กับแมนฯ ยูไนเต็ดในเวลานี้'
- หลังจบฤดูกาล เอมี่ ได้โทรหา อโมริม และ ลิซานโดร มาร์ติเนซ - เอมี่ ขอให้ลิช่า ช่วยให้เขาได้ย้ายไปที่ ยูไนเต็ด ซึ่ง ลิช่า ก็เชียร์เพื่อนร่วมชาติของเขา โดยเฉพาะคุณสมบัติความเป็นผู้นำ ส่วนอโมริมก็แจ้งกับผู้เล่นบางคนไปแล้วว่า เขาต้องการเซ็นสัญญา (กับเอมี่)
- ระหว่างเดือนกรกฎาคม และ สิงหาคม อโมริมยังคงติดต่อกับ เอมี่ อยู่ โดยที่มี ฮอร์เก้ เมนเดส ซูเปอร์เอเยนต์ เข้ามาช่วยเจรจาด้วย
- แต่ปัญหาอยู่ที่การเงิน เพราะเอมี่ ถือค่าเหนื่อย 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ มากกว่า โอนาน่า (120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์) แถมวิลล่ายังเรียกค่าตัวมากกว่า 30 ล้านปอนด์
- 'คู่หูเบอร์ค็อกซ์' เลยมอง เอมี่ เป็นแค่ทางเลือก และพวกเขาเชียร์ ลัมเมนส์ ที่สโมสรสืบฟอร์มมานาน และมองว่าจะพัฒนาได้
- แมนฯ ยูไนเต็ดมีการสอบถามวิลล่าว่า ขอยืมได้ไหม ผ่านโทรศัพท์ แต่วิลล่าปฏิเสธ ซึ่งแมนฯ ยูไนเต็ดก็คาดไว้แบบนั้นอยู่แล้ว
มีการพูดคุยดีลเอมี่ในช่วงวันท้ายๆ ของตลาด เป็นดีลทางเลือกถ้า อันทเวิร์ป ไม่ยอมลดราคา ลัมเมนส์
- ท้ายที่สุด แม้ว่าแมนฯ ยูไนเต็ดกับอันทเวิร์ปจะยังตกลงกันไม่ได้ แต่ ลัมเมนส์ ขึ้นเครื่องบินไปอังกฤษแล้ว ในสถานการณ์ที่ ทั้ง กาลาตาซาราย และ วิลล่า (ที่สนใจลัมเมนส์ ในกรณีที่เอมี่ ย้าย) ต่างเข้ามาสอบถาม
- การที่แมนฯ ยูไนเต็ดเหมือนจะเดินดีลเอมี่ ไปด้วย กลายเป็นคานงัดที่ดีต่ออันทเวิร์ป และสุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ดก็ตกลงค่าตัว 18.2 + 3.5 ล้านปอนด์ได้บนเครื่องบิน
- *** ในเวลาเดียวกัน เอมี่ รออยู่ที่โรงอาหารของวิลล่า ยังมีความเชื่อว่าแมนฯ ยูไนเต็ดจะเดินดีลของเขา แต่สุดท้าย ไม่มีข้อเสนออย่างเป็นทางการมาจากยูไนเต็ด
- ดิโอโก้ คอสต้า มีชื่ออยู่ในลิสต์เช่นกัน , ส่วน จานลุยจิ ดอนนารุมม่า Laurie บอกว่า เขาต้องการค่าเหนื่อย 13 ล้านปอนด์ต่อปี Net ซึ่งมากกว่า บรูโน่ เฟอร์นานช์อีก สุดท้าย จิโจ้ ย้ายไปร่วมทีมแมนฯ ซิตี้ อย่างที่ทราบกัน
- แมนฯ ยูไนเต็ดมีผู้รักษาประตู 4 คน (รวมฮีตัน) แต่เดี๋ยวโอนาน่าจะต้องไปสู้ศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ในเดือนธันวาคม และทั้งโอนาน่า และบายินดีร์ ยังมีโอกาสย้าย เพราะตลาดลีกตุรกีเปิดจนถึงวันที่ 12 กันยายน
- สถานะของ ลัมเมนส์ คือการ 'แย่งมือ 1' ส่วน โอนาน่า ก็ต้องการคืนสู่การเป็นตัวจริงเช่นกัน (Laurie เขียน)
● จัดการกับ 4 ยอดกุมาร
- เคสของอเลฆานโดร การ์นาโช่
ตัวนักเตะได้บอกเพื่อน ก่อนเกมนัดชิงยูโรป้า ลีก ว่าเขาต้องการย้ายไปลอนดอน และเล็งเป้าไปที่เชลซี
แต่เชลซี ก็รอถึงวันเดดไลน์เพื่อให้แมนฯ ยูไนเต็ดขายเขาออกในราคาที่ต่ำกว่าที่ 'ปีศาจแดง' เคยตั้งไว้ที่ 70 ล้านปอนด์ และต่อมาลดมาที่ 50 ล้านปอนด์
เชลซีมีการเสนอผู้เล่นคนอื่นๆ มาแลกในระหว่างตลาด และยื่นข้อเสนอ 25 ล้านปอนด์ ต่อมา ยูไนเต็ดต่อรองจนจบถึง 40 ล้านปอนด์ ในที่สุดตามที่เป็นข่าว
สถานะของแมนฯ ยูไนเต็ดต่อการ์นาโช่ ก็ตามที่อโมริมมีจุดยืนชัดเจนก็คือ ตัวนักเตะจะไม่เป็นที่ต้อนรับจากสโมสรอีกต่อไป ซึ่งก่อนเกมพบวิลล่า อโมริม บอกกับการ์นาโช่ว่า 'ขอให้เอ็งมีเอเยนต์ที่ดีในซัมเมอร์นี้่ (เพื่อให้หาทีมย้ายให้ได้)' ต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมทุกคน
การให้สัมภาษณ์ของการ์นาโช่ หลังเกมนัดชิง (ให้เขาเล่นแค่ 20 นาที) ทำให้อโมริมโกรธมาก แต่จริงๆ ไฟมันสุมมาก่อนหน้านั้นแล้ว ทั้งตอนระหว่างเกมวิคตอเรีย พัลเซ่น ที่การ์นาโช่เป็นตัวสำรอง อโมริมกำลังสั่งแผน แต่การ์นาโช่มองไปทางอื่นและไม่สนใจฟัง
นั่นยังรวมถึงการที่การ์น่า ไม่เข้ากับแผน 3-4-2-1 ของอโมริม อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องการวางตัวในโซเชียลมีเดีย และการใส่เสื้อวิลล่า ปักชื่อแรชฟอร์ด ขณะที่เจ้าตัวยังเป็นนักเตะของแมนฯ ยูไนเต็ด (แต่ช่วงเวลาดังกล่าวตอนปิดซีซั่นก็มีนักเตะยูไนเต็ดใส่เสื้อทีมอื่นอีกหลายคน : แนท)
ถึงแม้ว่าจะขายได้ 40 ล้านปอนด์ แต่การ์นาโช่ก็เป็นนักเตะที่ขายได้ราคาสูงที่สุดอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์
- แอนโทนี่
เรอัล เบติส รอจนถึงวันสุดท้ายเพื่อให้พวกเขาปิดดีลได้ในราคาที่ดีที่สุด ซึ่งก็อย่างที่ทราบ มันจบที่ 21.7 ล้านปอนด์ รวม Add-Ons และแมนฯ ยูไนเต็ดได้ส่วนแบ่งการขายครั้งต่อไป (Sell-On Clause) ที่ 50%
- ซานโช่
เจ้าตัวมีหลายสโมสรสนใจ และได้วิดิโอคอลพูดคุยกับโรม่าไปแล้วด้วย แต่เขาปฏิเสธที่จะย้ายไปเล่นในเซเรีย อา
แต่ขณะที่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้ย้ายอยู่แล้ว แต่วิลล่ายื่นข้อเสนอขอยืมตัวเข้ามา ซึ่งเขาตอบรับ อย่างที่ทราบ วิลล่าพร้อมจ่ายค่าเหนื่อยอย่างน้อย 80% ตลอดสัญญายืม 1 ปี แต่ถ้าโชว์ฟอร์มดีตามเงื่อนไข วิลล่าก็พร้อมจ่ายทั้งหมด
- แรชฟอร์ด
ฟอร์มของ 'ดร.แรช' ที่วิลล่า ดีพอที่จะทำให้เขาได้ย้ายไปเล่นให้กับทีมในฝันอย่างบาร์เซโลน่า ทำให้ 'ปีศาจแดง' ประหยัดค่าเหนื่อยไปได้ 15 ล้านปอนด์ต่อปี
● เรื่องอื่นๆ
- แฮร์รี่ แม็กไกวร์ มีทีมอย่าง โคโม่ และยูเวนตุส ให้ความสนใจ แต่ทุกสโมสรที่สอบถาม ได้รับคำปฏิเสธ
- อโมริมบอกว่า เขาต้องการนักเตะที่อุทิศตัวให้กับเกมในสนาม จากนักเตะของเขา และนักเตะที่มาซ้อมสาย ไม่มีวินัย เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
เขาไม่ได้ระบุชื่อ แต่ตลาดรอบนี้อาจจะบอกใบ้ชื่อเหล่านั้นออกมา
#แนท
#ดูบอลกับแนท
แก้ไขล่าสุดโดย El Raden เมื่อ Tue Sep 02, 2025 19:32, ทั้งหมด 1 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ