กระแสน้ำแอตแลนติกอาจหายไปใน ‘ช่วงชีวิตของเรา’
- หัวหน้าฝ่ายสภาพอากาศของคณะกรรมาธิการยุโรปเตือน หลังนักวิทยาศาสตร์ชาวดัตช์ระบุว่ากระแสน้ำแห่งนี้กำลังอ่อนลงเร็วกว่าที่คิด”
ระบบไหลเวียนกระแสน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติกเมอริเดียน หรือ AMOC (The Atlantic Meridional Overturning Circulation) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระแสน้ำกัลฟ์สตรีม ที่ไหลเวียนไปทั่วโลกช่วยกระจายสารอาหาร แร่ธาตุ และที่สำคัญที่สุดคืออุณหภูมิซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อสภาพอากาศบนแผ่นดิน อาจเริ่ม ‘ล่มสลาย’ หรือหยุดนิ่งในช่วงทศวรรษ 2060 ที่จะถึงนี้
หาก AMOC หยุดไหลเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ กระแสน้ำกัลฟ์สตรีมก็มีแนวโน้มที่จะหยุดไหลด้วยเช่นกัน ไม่เพียงเท่านั้นอาจทำให้ภูมิอากาศของทวีปยุโรปหนาวเย็นยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา นักวิทยาศาสตร์เรียกร้องให้ลดการปล่อยก๊าซเชื้อเพลิงฟอสซิลลงอย่างรวดเร็วเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
“(กระแสน้ำกัลฟ์สตรีม) พัดพาน้ำอุ่นจากเขตร้อนขึ้นเหนือ ทำให้ฤดูหนาวของยุโรปตอนเหนืออบอุ่นกว่าภูมิภาคในละติจูดเดียวกันเช่น แคนาดา มาก” วอปเคอ โฮคสตรา (Wopke Hoekstra) กรรมาธิการด้านสภาพภูมิอากาศของยุโรป กล่าว “การศึกษาใหม่นี้ระบุว่ากระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมอาจล่มสลายในช่วงชีวิตของเรา”
- เครื่องปรับอากาศของซีกโลกเหนือ
AMOC เป็นกระแสน้ำมหึมาของโลกที่ได้ฉายาว่าสายพานลำเลียงความร้อน โดยมันจะพาน้ำอุ่นจากเขตร้อนเช่น แคริเบียนและอเมริกาใต้ไหลขึ้นไปทางเหนือ น้ำเหล่านี้จะปล่อยความร้อนสู่อากาศเมื่อมันเดินทางมาถึงยุโรปตะวันตกและแถบมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ
สิ่งนี้ทำให้ทำให้ยุโรปตอนเหนืออบอุ่นกว่าอเมริกาตอนเหนือที่อยู่ในละติจูดเดียวกัน พร้อมกันนั้นน้ำที่เย็นลงแล้วจะจมลงใต้ทะเลลึกและพาคาร์บอนไดออกไซด์ที่ดูดซับจากบรรยากาศลงไปด้วย ซึ่งช่วยบรรเทาวิกฤตก๊าซเรือนกระจก
ไม่เพียงเท่านั้นการไหลเวียนเหล่านี้ยังนำแร่ธาตุสารอาหารจากใต้ทะเลลึกขึ้นสู่ผิวน้ำ ช่วยให้ระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตดำเนินต่อไปได้ นอกจากนี้ AMOC ยังทำงานร่วมกับกระแสน้ำใหญ่ ๆ ในมหาสมุทรบริเวณอื่นของโลก ช่วยให้เกิดรูปแบบสภาพอากาศที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
“การไหลเวียนของ AMOC ได้รับการระบุว่าเป็นองค์ประกอบหนึ่งของระบบภูมิอากาศ มันขนส่งความร้อนและเกลือผ่านมหาสมุทรทั่วโลก และลดผลกระทบความรุนแรงต่อสภาพอากาศในพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลก” ทีมวิจัยเขียนผ่านรายงานที่เผยแพร่บนวารสาร Journal of Geophysical Research: Oceans
พร้อมเสริมว่า “เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบระดับโลกที่อาจรุนแรงเหล่านี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ AMOC ในปัจจุบันได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิดร่วมกับอาร์เรย์การสังเกตการณ์หลายชุดในมหาสมุทรแอตแลนติก”
AMOC จึงเป็นเหมือน ‘เครื่องปรับอากาศ’ ของซีกโลกเหนือ หากมันอ่อนกำลังลงอย่างมาก ยุโรปอาจเผชิญกับสภาพอากาศหนาวเย็นขึ้นมาก ขณะที่เขตร้อนจะร้อนมากเกินไป นักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่า AMOC เป็นหนึ่งใน ‘จุดแตกหัก’ ของสภาพอากาศโลก หากมันล่มสลาย มันก็ไม่มีทางย้อนกลับได้อีกต่อไป
- การวิเคราะห์ใหม่
รายงานใหม่จากมหาวิทยาลัยอูเทรคต์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ทำการวิเคราะห์แบบจำลองสภาพอากาศ 25 แบบที่จำลองโลกในสถาณการณ์แตกต่างกันไปเช่นอุณหภูมิเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต่ำไปถึงสูง ซึ่งพบว่าหากโลกอยู่ภายใต้สถานการณ์การปล่อยมลพิษระดับปานกลาง
หรือก็คืออุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นประมาณ 2.7 องศาเซลเซียส (°C) เมื่อเทียบจากยุคก่อนอุตสาหกรรม ภาวะโลกร้อนอาจทำให้ AMOC เริ่มการล่มสลายตั้งแต่ปี 2063 นี้ โดยในปัจจุบันโลกมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1.3°C แล้ว และมีแนวโน้มที่จะเดินทางไปถึง 2.7°C ตามแผนเกี่ยวกับสภาพอากาศของรัฐบาลต่าง ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ไซเบรน ดรายฟ์ฮูต (Sybren Drijfhout) หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์มหาสมุทรและโลก มหาวิทยาลัยเซาแทมป์ตัน และนักวิจัยจากสถาบันอุตุนิยมวิทยาแห่งเนเธอร์แลนด์ ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในการศึกษานี้ ทว่าได้จัดทำในการศึกษาอีกชิ้นที่เผยแพร่ในเวลาใกล้เคียงกัน ก็ให้ผลไปในทางเดียวกัน
“จากแบบจำลองปัจจุบัน เราสรุปได้ว่าความเสี่ยงที่ AMOC ทางตอนเหนือที่จะปิดตัวลงนั้นสูงกว่าที่เคยคาดการณ์” ดรายฟ์ฮูต บอก เขาได้ข้อสรุปว่ากระแสน้ำแห่งนี้จะปิดตัวลงหลังปี 2100
หากโลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงซึ่งเป็นไปได้ยาก แต่หากเกิดขึ้นก็มีโอกาสที่ AMOC จะล่มสลายเกิน 70 เปอร์เซ็น ขณะที่สถานการณ์ระดับปานกลาง (มีความเป็นไปได้มากที่สุด) AMOC ก็มีโอกาสปิดตัวลง 37 เปอร์เซ็น และแม้จะจำกัดภาวะโลกร้อนให้ต่ำกว่า 2°C ก็ยังคงมีโอกาส 25 เปอร์เว็น
นักวิทยาศาสตร์เรียกร้องให้มีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยเร็ว เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นโดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศกลายเป็นประเด็นสำคัญน้อยลง
“มีความรู้สึกจากภายนอกว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศถูกมองข้ามไป เพราะเรามัวแต่ยุ่งกับการจัดการข้อกังวลเร่งด่วนอื่น ๆ” โฮคสตรา กล่าว “ความก้าวหน้าต้องใช้เวลา มันไม่ใช่เส้นตรง แม้จะมีเวลาที่ความสนใจลดน้อยลง”
“ดังนั้นขอขอบคุณนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้เป็นอย่างมากที่ทำให้เราตระหนักถึงปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจังอีกครั้ง”
ที่มา
https://ngthai.com/environment/79303/gulf-stream-could-collapse-lifetime/?fbclid=IwY2xjawMirR5leHRuA2FlbQIxMABicmlkETFwVVQ2TFF0NXloWEJpMFZvAR5DRQ40RRBuNQkQEZziG_7Fkstl_4VaBQm0YrxPCX7CKxw1IdO4pBvxBEq8Gw_aem_ZpGVqxzfpbiSuVNY_D_D0Q