VAGABOND มุซาชิ หนึ่งในใต้หล้า
"หนึ่งในใต้หล้า เป็นเพียงแค่คำๆ หนึ่งเท่านั้น"
ประโยคนี้สะท้อนทั้งชีวิตของ มิยาโมโตะ มุซาชิ และยังเป็นแก่นแท้ของ Vagabond โดย ทาเคฮิโกะ อิโนอุเอะ
ในช่วงเริ่มเรื่อง เขายังชื่อ ชินเม็ง ทาเกโซ เด็กหนุ่มผู้ถูกตราหน้าว่าเป็น “ลูกปีศาจ” เติบโตภายใต้เงาของบิดา ชินเม็ง มุนิไซ ผู้ที่ยึดติดอยู่กับเพียงสี่อักษร "หนึ่งในใต้หล้า" อย่างสุดโต่ง ถึงขั้นสอดแทรกความหมกมุ่นและความระแวงเข้าไปในความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก
มุซาชิก็เลยเข้าใจผิดตั้งแต่วัยเยาว์ว่า
ความแข็งแกร่ง = ความโดดเดี่ยว
ชัยชนะ = ทุกสิ่ง
ความคิดนี้ผลักให้เขาก้าวเข้าสู่วังวนแห่งการฆ่าไม่มีที่สิ้นสุด
ซากปรักหักพังจากสมรภูมิศึกเซกิงาฮาระกลับกลายเป็นสถานที่ที่เขารู้สึก “มีชีวิตชีวา” ที่สุด เพราะที่นั่นเขายกดาบขึ้นได้และใช้ความรุนแรงเพื่อยืนยันการมีอยู่ของตน เขาท้าประลองกับสำนักโยชิโอกะและสำนักโฮโซอิน สลักชื่อ มิยาโมโตะ มุซาชิ ลงบนเลือดเนื้อของผู้คนทีละคน
จนกระทั่ง "ทาคุอัน" ปรากฏตัว จับมุซาชิแขวนไว้ สอนให้เขามองเห็นต้นไม้ทั้งต้น ไม่ใช่แค่ใบไม้ใบเดียว แต่ ณ ตอนนั้นมุซาชิก็ยังไม่เข้าใจ ว่าชื่อเสียงมิใช่ตัวตน แต่มันเป็นเส้นทางที่ต้องสร้างขึ้นด้วยตนเองต่างหาก
จุดเปลี่ยนจริงๆ มาจาก “สามครูผู้ชี้ทาง”
หนึ่ง: โฮโซอิน อินชุน
ทำให้มุซาชิสัมผัส “ความกลัว” เป็นครั้งแรก เขาตระหนักว่าแรงกายเพียงอย่างเดียวไม่อาจพ้นเงามรณะได้
สอง: ยางิว เซกิชูไซ
ผู้สงบนิ่งดุจภูผา เพียงยืนเฉยๆ ก็ทำให้จิตสังหารของมุซาชิสลายลงในพริบตา เขากล่าวว่า “หนึ่งในใต้หล้า เป็นเพียงแค่คำๆ หนึ่งเท่านั้น” ประโยคนี้ได้บดขยี้เป้าหมายในชีวิตของมุซาชิลงอย่างสิ้นเชิง
สาม: ซาซากิ โคจิโร่
ผู้บริสุทธิ์ดุจสายน้ำ ไร้ความทะเยอทะยาน ไร้ซึ่งถ้อยคำ ดาบคือการดำรงอยู่ของเขา มุซาชิได้เห็น “อีกครึ่งหนึ่งที่หายไปของตน” ในตัวโคจิโร่ นั่นคือมุซาชิก่อนถูกเงาพ่อครอบงำ คือสิ่งที่เขาโหยหามาตลอด
การพบเจอทั้งสามครั้งนั้น กลายเป็นบทเรียนทางจิตวิญญาณที่จำเป็น ค่อยๆ กะเทาะเปลือกตัวตนเก่าๆ ของมุซาชิออกทีละชั้น
หลังศึกนองเลือดกับสำนักโยชิโอกะ 70 คน เขากลายเป็น “หนึ่งในใต้หล้า” แต่ก็แค่ในนาม เพราะเขากลับรู้สึกว่างเปล่า ชัยชนะไม่ได้ให้คำตอบใดๆ เขาจึงต้อง “หลงทางจนสุด” เพื่อจะค้นพบเส้นทางใหม่
แล้วมุซาชิก็มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง พบกับเด็กกำพร้า อิโอริ พบกับชาวนาผู้ชรา ชูซากุ เขาวางดาบลงและจับจอบแทน จึงเข้าใจว่าความรุนแรงไม่อาจพิชิตผืนดินได้ ผืนดินต้องการความอดทน การรับฟัง และการร่วมแรง
ในทุ่งนาแห่งนั้น เขาได้เรียนรู้ความถ่อมตนอย่างแท้จริง
เมื่อหมู่บ้านประสบภัยข้าวยากหมากแพง เขายอมวางศักดิ์ศรี คุกเข่าต่อหน้าขุนนางเพื่อขออาหาร และในชั่วขณะนั้น เขาจึงเข้าใจว่า...ความแข็งแกร่งไม่ใช่การแย่งชิง แต่คือการหล่อเลี้ยง ไม่ใช่การโดดเดี่ยว แต่คือการเชื่อมโยง
นับแต่นั้น ดาบก็ไม่ใช่สัญลักษณ์แห่งการฆ่าฟันอีกต่อไป แต่มันเป็นสิ่งที่ปรากฏกายดุจสายน้ำ สอดคล้องกับ “บทแห่งน้ำ” ใน คัมภีร์ห้าห่วง (Go Rin no Sho) ซึ่งกล่าวว่า วิถีแห่งดาบที่แท้จริงมาจากจิตใจที่ว่างเปล่า เมื่อตัวตนสลายไป ก็สามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่งได้
แม้ปัจจุบัน Vagabond จะยังคงไม่สิ้นสุด แต่ความ “ไม่สิ้นสุด” นั้น อาจคือคำตอบที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว เพราะ “วิถี” ไม่มีจุดจบ การฝึกฝนไม่ได้อยู่ที่ปลายทางหรือบทสรุป แต่อยู่ในทุกย่างที่ก้าวเดิน
สำหรับ มิยาโมโตะ มุซาชิ “หนึ่งในใต้หล้า” ไม่ใช่การยืนอยู่เหนือผู้คน แต่คือการเป็นดังท้องนภา กว้างใหญ่และว่างเปล่า ไร้สิ่งใดจะทำร้ายได้ เพราะไม่เหลือ “ตัวตน” ใดให้ถูกทำร้ายอีกต่อไป
.
ทีมอ่านเม้นต์