[RE: ภาษีน้ำตาล มันยิ่งทำให้สุขภาพคนไทยแย่ลงหรือเปล่า]
แก่นนคร พิมพ์ว่า:
bennikun พิมพ์ว่า:
- น้ำตาลทราย (Sucrose) = กลูโคส : ฟรุกโตส (1:1) << รวมโมเลกุลกันอยู่ต้องผ่านการย่อยสลายก่อน ร่างกายถึงจะดูดซึมได้
- HFCS (High Fructose Corn Syrup) = ฟรุกโตส 55% : กลูโคส 45% << แยกโมเลกุลกันอยู่แล้วร่างกายดูดซึมได้ทันที และเพราะมีฟรุกโตสสูงกว่าเล็กน้อย เสี่ยงต่อไขมันพอกตับมากกว่า เมื่อบริโภคในปริมาณเท่ากัน
ถ้าดูตรงไปตรงมา HFCS "เสี่ยงกว่า" น้ำตาลเล็กน้อย แต่แปลกที่ กฎหมายภาษีน้ำตาลของไทยกลับไม่นับรวม HFCS ทั้งที่ออกภายหลังประเทศอื่น ๆ ซึ่งหลายที่เขาเพิ่ม HFCS เข้าไปแล้ว การปรับปรุงกฏหมายก็เลี่อนแล้วเลื่อนอีก
ซึ่งก็จริงตาม จขกท.ว่าซักพักผู้ผลิตก็คงหันไปใช้ HFCS แทนน้ำตาลมากขึ้น(นำเข้าจากจีนทั้งนั้น) เพราะใส่ให้หวานได้โดยไม่ต้องเสียภาษีมาก แถมถูกกว่าควบคุมง่ายกว่าในการผลิต
ตอนนี้ก็มีข้อมูลอยู่ว่า แม้แต่อาหารคาวก็เริ่มใช้แล้ว ในอาหารสำเร็จรุป

นะ
อีกอย่างคือ เด็กสมัยใหม่จะบริโภคน้ำตาลตัวนี้จนชิน จนไม่รู้ว่ามันเป็นอันตราย ซึ่งส่วนตัวผมว่ามันจะยิ่งมาโหลดระบบสุขภาพไปอีก คนแก่ก็เยอะแล้ว เด็กรุ่นใหม่ก็ดันเป็นโรค NCDs ก่อนวัยมากขึ้น
ไม่ต้องห่วงครับ ไม่รอดหรอก เหตุของมันคือ "พฤติกรรมการเสพติดรสหวาน" เพราะสมองมันโปรแกรมมาว่า รสหวาน = ปลอดภัย, พลังงาน, ความอยู่รอด แต่พอทำเองได้ที่นี้ก็เฟ้อเลย แล้วร่างกายเราก็ยังไม่ได้วิวัฒนาการมาให้เราแก้ไขเรื่องนี้ได้ด้วย
ในความเห็นผมนิสัยมนุษย์ในการตอบสนองต่อความอยาก(กิเลส)แก้ยากมาก ต่อให้อธิบายแค่ไหนคนเราจะหาทางตอบสนองมันอยู่ดี ผมว่ามนุษย์จะไม่เลือกทางนี้จะไปออกแนวพัฒนา "สารให้ความหวานที่ไม่มีพลังงาน" มากกว่า
ยังไงเราก็มีทางออกครับ แต่ทางออกมักจะนำไปทางเข้าปัญหาใหม่แค่นั้นเอง เพราะไม่ค่อยแก้ที่เหตุกัน55