ส่วนตัวทรัมมันรู้เรื่องเสียง ปชช ที่ด่ามันเรื่องนี้อยู่แล้ว คนระดับ ปธน มีหรือจะไม่มีทีมดูคะแนนเสียง

คุณเทียบ context ยุคโซเวียตกับยุคนี้โดยเฉพาะเมกาในยุคทรัมป์ไม่ได้

ยุคนั้นปธน.อเมริกาตั้งแต่ทรูแมนยันบุชคนพ่อ แม้จะมาจากคนละพรรคกันทั้งเดมฯและรีพับฯ แต่นโยบายเดียวกันของทั้งสองฝั่งคือสู้กับโซเวียตเต็มรูปแบบทั้งนั้น ต่อให้เข้ายุคผ่อนคลาย (Detente) ตั้งแต่ช่วงนิคสันปี 1969 แล้วก็ยังสู้กันผ่าน Proxy Wars ทั้งนั้น (สงครามเวียดนามเอย สงครามอัฟกานิสถานกับโซเวียตเอย)

คุณต้องเข้าใจก่อนว่า NATO vs Eastern Bloc ในยุคนั้นมันไม่มีใครกล้าซัดกันได้เพราะหลักการ Mutual assured destruction (MAD) มันยังอยู่ในหัวของผู้นำทั้งสองฝ่าย
หลักการนี้ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ มันคือการที่สองฝ่ายรู้ว่าถ้ามีการก่อสงคราม่ระหว่างกันเมื่อไหร่ ทั้งคู่มีอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่สามารถทำให้อีกฝั่งกลายเป็นฝุ่นได้ทั้งคู่ ซึ่งก็คืออาวุธนิวเคลียร์
ตรงนี้ทั้งสองฝ่ายก็ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่าตัวเองเป็นคนทำลายมนุษยชาติด้วยกันทั้งคู่ และตราบใดที่อีกฝั่งเขายังมีความคิดแบบนี้ในใจ เขาก็อุ่นใจได้ว่าไม่มีใครอยากกดปุ่มทั้งคู่

แต่ในยุคปัจจุบันเนี่ย ที่เขากลัวเรื่องรัสเซียขยับมาครอบงำยุโรปมันไม่ได้มีอะไรมากเลย เขาเห็นภาพเดจาวูฮิตเลอร์กับปูติน ฮิตเลอร์ก่อนจะก่อเป็นสงครามโลกครั้งที่สอง ทั้งยึดออสเตรียและเช็กฯก็อ้างความชอบธรรมว่าสองประเทศนั้นเคยเป็นเยอรมันทั้งคู่ แต่โดนหั่นเพราะสนธิสัญญาแวร์ไซร์ ซึ่งตอนแรกฝั่งสัมพันธมิตรเขาก็ยอมปล่อยให้เยอรมันยึดเพราะคิดว่าตัวเองทำรุนแรงเกินไปกับสนธิสัญญาฯ แต่ไปๆมาๆเขาเห็นว่าเยอรมันไม่จบแค่สองอันนี้ แล้วพยายามรุกรานโปแลนด์อีก เขาก็เลยขีดเส้นกันว่าถ้ายึดโปแลนด์เมื่อไหร่ก็เป็นอันว่าเริ่มสงคราม ซึ่งก็ตามนั้นจริงๆ

ตัดภาพมาปัจจุบัน ไอที่คุณเห็นรัสเซียยึดยูเครนตรงโซนดอนบาสก์ นั่นคือหลักการเดียวกับสมัยฮิตเลอร์กลืนออสเตรียเลย เอาคนของประเทศตัวเองเข้าไปแทรกซึมแล้วก็ค่อยๆกลืนประเทศเข้าไป ถ้าคนซื่อมากๆก็จะเชื่อว่าโซนนั้นเขาอยากควบจริงๆ (ซึ่งมันไม่ใช่ไง)

แล้วตอนนี้ที่เขาเปิดศึกก็เหมือนกับที่เยอรมันกินเช็กฯ สมัยเยอรมันกินเช็กฯเขาก็อ้างว่าขอบที่เขากินในตอนแรกคนเยอรมันอยู่เยอะแล้วก็อ้างว่ารัฐบาลเขาไม่มีความชอบธรรมในการบริหารแต่แรก (คุ้นไหม?)
แต่เจตนาจริงๆคือ ตอนนั้นเช็กฯเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าสูงสุดในโซนยุโรปตะวันออกและมีแหล่งแร่+ทรัพยากรในการพัฒนาประเทศสูง (คุ้นไหม??)

เขาก็เลยห่วงว่าถ้ารัสเซียได้ยูเครนตอนนี้ไปแล้ว มันมีเหตุผลอะไรเหลืออีกให้เขาไม่ขยับจากยูเครนมาเป็นประเทศข้างๆอย่างโปแลนด์หรือมอลโดวา? เพราะประเทศอย่างเบราลุสเองก็แทบจะเป็นเมืองขึ้นของรัสเซียอยู่แล้ว (ชื่อเต็มๆเบรารุสเซียด้วยซ้ำ)

โปแลนด์อยู่ใต้ NATO ก็จริง แต่ใครก็รู้ว่าถ้าเปิดศึกระหว่างรัสเซีย vs NATO แล้วเมกาไม่ช่วย ยุโรปนี่นับวันล้มได้เพราะไม่ได้มีเงินและทรัพยากรทางทหารมากขนาดนั้น ยังไม่นับอีกว่ามีอาวุธนิวเคลียร์พร้อมรบขนาดนั้น ต่อให้อังกฤษและฝรั่งเศสมีหัวรบพร้อมก็คงไม่ทัน First Strike จากรัสเซียอยู่แล้วในกรณีที่แหลกไปข้าง

กลับกันที่ผมบอกว่าในยุคทรัมป์มันเทียบไม่ได้ ส่วนนึงคือถ้าเป็นทรัมป์ ผมว่าเขาบ้าพอที่จะกดสั่งการ First Strike ใส่รัสเซียได้มากกว่าปธน.คนอื่นๆแม้แต่คนที่เกิดและผ่านยุค Cold War มาอย่างไบเดนก็ตาม
แต่ถ้าสมมติทรัมป์ไม่เอา NATO อย่างที่เขาพูดก่อนหน้านี้ รวมถึงท่าทีผ่อนคลายต่อรัสเซียตั้งแต่สมัยแรก ผมก็มองว่ายุโรปชิบหายแน่ๆถ้ารัสเซียบุกจริงๆ

ปล. ต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่ทำให้สหภาพโซเวียตใหญ่ขนาดนั้นได้ เป็นเพราะโซเวียตโต้กลับจากบ้านตัวเองไปถึงเยอรมัน แล้วอ้างว่าช่วยฟื้นฟูประเทศที่โดนเยอรมันรุกรานตอนนั้นนะครับ อ้างว่าจะให้แต่ละประเทศเลือกเองว่าจะเป็นประชาธิปไตยหรือคอมมิวนิสต์ แต่เอาทหารโซเวียตเข้าไปประจำคูหาทุกการเลือกตั้งน่ะนะ

จากเท่าที่ตามรู้สึกยูโรปกำลังมองไปที่สงครามในอนาคต
ส่วนเรื่องยื้อ ถ้าทรัมป์เเพ้เลือกตั้งกลางเทอมปีหน้า สถานการณ์อะไรหลายๆอย่างจะดีขึ้นเอง รวมถึงทั่วโลกด้วย

เค้าไม่มั่นใจในลมปากปูตินไง สัญญาที่พร้อมฉีกทิ้งได้ทันที แล้วเค้าก็มองออกว่าอเมริกาตอนนี้แค่ต้องการผลประโยชน์ ไม่ได้อยากจะช่วยยูเครนจริงจังหรอก ยิ่งเจรจากับปูตินก็ไม่รู้มีอะไรมากกว่าที่บอกรึเปล่า

แสดงชัดพอสมควรว่า ยุโรปมองข้ามทรัมป์ไปเลย ไม่เชื่อใจทรัมป์เพราะท่าทีกับปูตินจากตัวทรัมป์เองในอดีตนั่นแหละ

อีกอย่างเพราะ us ไม่มีส่วนในการรับผลกระทบใดๆ จากจุดที่มีปัญหาตรงนี้

แต่ถ้ายุโรปลอยแพยูเครน ปล่อยให้ยูเครนแพ้ ยุโรปเองเสี่ยงจะได้รับผลกระทบเต็มๆ ในอนาคต เพราะไม่มียูเครนเป็นกันชนให้แล้ว