จากขู่คว่ำบาตร สู่การยอมตามเกมปูติน!!



ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางไปอลาสกาเพื่อเจรจากับวลาดิเมียร์ ปูติน โดยตั้งเป้าจะกดดันให้เกิดการหยุดยิงในยูเครน หากไม่ได้ผลจะมี “ผลลัพธ์ร้ายแรง” แต่หลังการพบปะ เขากลับไม่มีการลงโทษใด ๆ และยังประกาศว่า “การพบกันครั้งนี้เป็น 10 เต็ม 10”

แทนที่จะได้หยุดยิงทันที ทรัมป์กลับยอมตามแนวทางของปูติน ที่ต้องการเจรจาสันติภาพแบบระยะยาวซึ่งรวมถึงเงื่อนไขการยกดินแดนของยูเครน และการจัดระเบียบความมั่นคงยุโรปใหม่ ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ยูเครนและยุโรปจะยอมรับ ผลลัพธ์คือรัสเซียสามารถเดินหน้าทำสงครามได้ต่อไปโดยไม่ถูกกดดันเพิ่มเติม

นักการทูตและฝ่ายวิจารณ์มองว่า ทรัมป์ถูกปูติน “เล่นงาน” อีกครั้ง เปรียบกับการ “เอาใจ” เหมือนการประชุมมิวนิกปี 1938 ที่ยุโรปยอมเยอรมนี ส่วนพันธมิตรบางรายพยายามมองในแง่ดี เช่น การเปิดทางให้การประชุม 3 ฝ่าย (สหรัฐ–รัสเซีย–ยูเครน) แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณว่าปูตินยอมอ่อนข้อหรือยอมประนีประนอม

ในแง่ภาพลักษณ์ ทรัมป์ดูใกล้ชิดปูตินเหมือนการประชุมเฮลซิงกิปี 2018 และถูกโจมตีอย่างหนักจากทั้งในสหรัฐและพันธมิตรยุโรปว่าเป็นการ “ล้มเหลวทางการทูตครั้งประวัติศาสตร์”

ที่มา เพจ business tomorrow

อเมริกาไม่น่าจะยอม มีแต่ทรัมป์ที่ยอม

แล้วก็น่าจะทำเพราะอยากได้โนเบล

ก็สายลับรัสเซีย เป็นประธานาธิบดีอะ

โนเบล

อยากได้พลังงานราคาถูกรึเปล่า

เหมือนเป็นแผนล่อรัสเซียให้ตีตัวออกห่างจีนโดยเอาดินแดนยูเครนมาล่อ

ต้องดูหลังจากสงครามจบ ว่าเมกาได้อะไร บ้าง สงครามนี้ แทบไม่เสียไรเลย ได้แต่ลูกหนี้ ได้ขายอาวุธ

อยากรู้จะบินไปมอสโคตามคำเชิญมั้ย

มันหมดยุค อเมริกามหาอำนาจนำเดี่ยวไปแล้ว ชาติอื่นเค้าก็มีของเหมือนกัน โดยเฉพาะเงินทุนเศรษฐีรัสเซีย ทรัพยากรน้ำมัน ก๊าช ในไซบีเรีย ของพวกนี้รัสเชียขายให้จีนถูกๆ แบนรัสเซียที่รวยทรัพยากร เเลกกับช่วยพวกยุโรปที่ตกต่ำมีแต่พวกโลกสวย กับ แขก อิสลาม เต็มประเทศ ใครเลือกยุโรปตอนนี่ก็งั่งและ

ก็มันวางแผนมาแบบนี้อยู่แล้วจะถือว่ายอมเกินไปได้ยังไง

ทรัมป์มองจีนเป็น last boss และต้องการดึงปูตินมาเป็นพวก ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลมันก็ต้องเจรจากัน

จีนเองก็พยายามดึงยุโรปเข้ามาเป็นพวก หลายประเทศใหญ่ๆในยุโรป มันก็เห็นอยู่และเป็นข่าวอยู่เยอะแยะ

ว่าถ้าเข้าร่วมฝั่งจีนแล้วได้จีนสนับสนุนในหลายๆด้าน ประเทศจะปลดล็อกหลายสิ่งหลายอย่างได้เลย

ในขณะที่ปัจจุบันที่ค่อนไปทางเมกาเยอะ แต่กลับโดนกดขี่ในหลายๆด้านพอสมควร

ประวัติศาสตร์ถ้ามองย้อนไปซัก 500ปี มันก็เป็นแบบนี้แหละ เปลี่ยนขั้วกันไปมาได้หมด

วันนึงถ้าจะเห็นรัสเซียกับเมกาเป็นพันธมิตรกัน ส่วนยุโรปส่วนไม่น้อยไปเข้ากะจีน สลับขั้วแบบนี้มันก็เกิดขึ้นได้

ตีสองทางมันลำบาก อย่างน้อยก็ขอตีทางเดียวก็ยังดี

โลกอยู่ได้ด้วยผลประโยชน์ ส่วนประเทศเล็กๆมีไว้ให้ข่มเหงไปงั้นๆล่ะ

เรียกว่ายอมหมดได้เลยละมั้ง

- เป้ารัสเซียชัดเจนตั้งแต่อยู่แล้วว่าอยากได้ดินแดนภูมิภาคดอนบาส(ตอนนี้ที่ทำสงครามอยู่ก็แย่งพื้นที่ตรงนี้ ได้มาเยอะละแต่ก็ยังได้ไม่หมด) กับ ยังไงก็ไม่ให้ยูเครนเข้านาโต้

- ส่วนเป้าทรัมป์ตอนแรกมันคือให้รัสเซียหยุดยิง หยุดบุกมายึดพื้นที่ก่อนเลย และก็ไปเจรจากัน ให้ยูเครนแบ่งแร่หายากมาให้เพื่อช่วยรับรองความปลอดภัยให้ยูเครน

สุดท้ายทรัมป์ไปช่วยเจรจากับรัสเซ๊ย กลายเป็นว่าไม่ต้องหยุดยิงละ จะบุกก็บุกไป ส่วนยูเครนถ้าอยากให้สงครามจบ ไม่อยากโดนบุก อยากให้หยุดยิงก็ยกดินแดนให้รัสเซียไปสิ(ตอนนี้รัสเซียยังยึดได้ไม่หมดนะ ยกๆที่ยังป้องกันอยู่ให้เขาไปด้วย) และก็ไม่ยอมให้ยูเครนเข้านาโต้ ตามเป้ารัสเซียเป้ะๆ

ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคิดว่าจะจบแบบนี้แน่ๆอ่ะ ไม่เห็นวิเคราะห์จากไหนเลยที่จะมองว่าจะออกมารูปแบบนี้ ก่อนเจรจาทรัมป์-ปูติน ถึงมีคนมองว่ายังไงก็ตกลงกันไม่ได้แต่ไม่มีใครคิดแน่ๆว่าจะออกมารูปแบบนี้ ตอนเจรจาล่มกับเซเลนสกีนั้น ส่วนใหญ่ยังเชื่อกันว่าแค่อยากได้ข้อเสนอที่ดีกว่าเดิมจากยูเครนยังอยู่เลย

มันอยู่ที่ว่ามองมุมไหนไง ถ้ามุมทรัมป์ก็คือมันเป็นหนึ่งในนโยบาย พูดให้ง่ายๆ ก็คือ มีคนกลุ่มนึงเลือกเข้ามาเพื่ออยากให้จบสงครามตามที่หาเสียงด้วยทรัมป์ก็ต้องทำมันก็แค่นั้น แต่มองอีกมุมคือทรัมป์มันไม่เลือกวิธีการ บีบใครได้ บีบเร็วก็บีบคนนั้น บีบจนขนาดเซเลนสกี้ใส่สูทหล่อเลยเมื่อเช้าพูดขอบคุณทุกหัวประโยคท้ายประโยค ขนาดนักข่าวถามคิดไงกับส่งคนไปตาย ยังไม่ลืมขอบคุณคำถามอะคิดดู

ทรัมป์เก่งกับทุกประเทศ
โดยเฉพาะประเทศเล็กๆ
แต่เจอปูตินก็เป็นแค่หมาหงอย