jesse pinkman พิมพ์ว่า:
Gnot พิมพ์ว่า:
มาแนวสร้างสงครามเชื้อชาติสมัยยุโรปตะวันออกเลยรึเปล่า หวังว่าคนไทยจะไม่ตกหลุมพรางง่ายๆนี้
ตกหลุมอะไรล่ะ ดูข่าวชาวบ้านอยากให้ทำรั้วกั้นเร็วๆด้วยซ้ำ ทีมันยิงมามันไม่ได้สนใจ จะเด็ก จะโรงพยาบาล ทีงี้ทำมานับสายเลือด วาทะกรรมคอมมิวนิสต์จัดๆ
ตกหลุมแบบยุโรป เป็นหลุมพรางที่ชาติตะวันตกเวลาต้องการทำลายเสถียรภาพในภูมิภาคจะใช้วิธีสร้างสงครามเชื้อชาติในประเทศเป้าหมาย หลายประเทศถูกแบ่งย่อยเป็นประเทศเล็กลงๆในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาเช่น จักรวรรดิออตโตมัน ยูโกสลาเวีย และสหภาพโซเวียต เป็นต้นครับ ผมเพียงแค่เห็นยุทธวิธีของการครอบงำด้วยความเต็มใจที่ดูคุ้นๆ
ยังไงชอบกล
กรณีศึกษาสำคัญ
เราสามารถแบ่งกรณีศึกษาออกเป็นยุคสมัยและลักษณะของความขัดแย้งได้ดังนี้
1. "คนป่วยแห่งยุโรป": การล่มสลายของจักรวรรดิออตโตมัน (ศตวรรษที่ 19 - ต้นศตวรรษที่ 20)
นี่คือตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบที่สุดของการที่มหาอำนาจภายนอกเข้ามาแทรกแซงและใช้ประเด็นเชื้อชาติและศาสนาเพื่อแบ่งแยกจักรวรรดิที่กำลังอ่อนแอ
* ฉากหลัง: จักรวรรดิออตโตมันเป็นรัฐพหุเชื้อชาติและศาสนาที่กว้างใหญ่ ประกอบด้วยชาวเติร์ก, อาหรับ, กรีก, สลาฟ (เซิร์บ, บัลแกเรีย), อาร์เมเนีย และอื่นๆ ซึ่งอยู่ร่วมกันอย่างตึงเครียด
* ผู้เล่นภายนอกและกลยุทธ์:
* จักรวรรดิรัสเซีย: ใช้แนวคิด "อุดมการณ์แพนสลาฟ" (Pan-Slavism) และการเป็นผู้พิทักษ์ชาวคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ เพื่อปลุกระดมชาวสลาฟในคาบสมุทรบอลข่านให้ลุกขึ้นต่อต้านการปกครองของออตโตมัน เป้าหมายของรัสเซียคือการหาทางออกสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและขยายอิทธิพล
* สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส: ในช่วงแรกพยายามค้ำจุนจักรวรรดิออตโตมันเพื่อต้านทานรัสเซีย (เช่น ในสงครามไครเมีย) แต่ต่อมาก็หันมาสนับสนุนขบวนการชาตินิยมต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เช่น การสนับสนุนการปฏิวัติของชาวกรีก และที่ชัดเจนที่สุดคือการสนับสนุน "การปฏิวัติอาหรับ" (Arab Revolt) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยส่งบุคคลอย่าง ที.อี. ลอว์เรนซ์ (ลอว์เรนซ์แห่งอาระเบีย) เข้าไปเพื่อแบ่งแยกดินแดนส่วนที่เป็นอาหรับออกจากจักรวรรดิ
* จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี: แข่งขันกับรัสเซียเพื่อขยายอิทธิพลในคาบสมุทรบอลข่าน โดยการผนวกบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ซึ่งเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟความขัดแย้งทางเชื้อชาติ
* ผลลัพธ์: การแทรกแซงและการปลุกปั่นอย่างเป็นระบบนี้ นำไปสู่สงครามบอลข่าน และท้ายที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จักรวรรดิออตโตมันก็ล่มสลายลง เกิดเป็นประเทศใหม่จำนวนมากในบอลข่านและตะวันออกกลาง ซึ่งหลายประเทศมีพรมแดนที่ถูกขีดขึ้นโดยมหาอำนาจผู้ชนะสงคราม สร้างปัญหาระยะยาวมาจนถึงปัจจุบัน
2. การล่มสลายของยูโกสลาเวีย (ทศวรรษ 1990)
นี่คือกรณีศึกษาในยุคสมัยใหม่ที่เจ็บปวดและชัดเจนที่สุดของการใช้เชื้อชาติและศาสนาเป็นอาวุธ จนเกิดสงครามกลางเมืองและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
* ฉากหลัง: สหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวียเป็นรัฐที่สร้างขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และรวมชาติพันธุ์สลาฟใต้ที่แตกต่างกันไว้ภายใต้การปกครองที่เข้มแข็งของยอซีป บรอซ ตีโต ประกอบด้วยชาวเซิร์บ (ออร์โธดอกซ์), โครแอต (คาทอลิก), บอสเนียก (มุสลิม), สโลวีน, มาซิโดเนีย, และมอนเตเนโกร
* ปัจจัยภายใน: หลังการเสียชีวิตของตีโตในปี 1980 อำนาจส่วนกลางอ่อนแอลง เศรษฐกิจตกต่ำ ผู้นำท้องถิ่นอย่าง สโลโบดาน มิโลเชวิช (เซอร์เบีย) และฟรานโย ทุจมาน (โครเอเชีย) เริ่มปลุกระดมแนวคิดชาตินิยมสุดโต่ง โดยใช้ประวัติศาสตร์บาดแผลจากสงครามโลกครั้งที่ 2 มาสร้างความเกลียดชัง
* การแทรกแซงจากภายนอก:
* เยอรมนี: เป็นชาติแรกๆ ที่ให้การรับรองเอกราชของสโลวีเนียและโครเอเชียอย่างรวดเร็วในปี 1991 ซึ่งนักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่าเป็นการกระทำที่เร่งให้ความขัดแย้งปะทุรุนแรงขึ้น และทำลายโอกาสในการหาทางออกอย่างสันติในระดับสหพันธรัฐ
* สหรัฐอเมริกาและ NATO: ในช่วงแรกมีท่าทีลังเล แต่ต่อมาได้เข้าแทรกแซงทางทหาร โดยเฉพาะในสงครามบอสเนียและสงครามโคโซโว การแทรกแซงนี้ถูกมองว่าเป็นการสนับสนุนฝ่ายบอสเนียกและโครแอตเพื่อต่อต้านฝ่ายเซิร์บเป็นหลัก
* รัสเซีย: ให้การสนับสนุนเซอร์เบียซึ่งเป็นพันธมิตรดั้งเดิมทางเชื้อชาติสลาฟและศาสนาออร์โธดอกซ์
* ปฏิบัติการข่าวกรอง: หน่วยข่าวกรองของชาติต่างๆ เข้าไปพัวพันอย่างลับๆ ทั้งการสนับสนุนทางการเงิน, การจัดหาอาวุธ, และการฝึกกองกำลังติดอาวุธของฝ่ายต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางภูมิรัฐศาสตร์ของตน
* ผลลัพธ์: ยูโกสลาเวียแตกออกเป็น 7 ประเทศ (เซอร์เบีย, โครเอเชีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, สโลวีเนีย, มอนเตเนโกร, มาซิโดเนียเหนือ, และโคโซโว) ผ่านสงครามนองเลือดที่โหดร้ายที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
3. การล่มสลายของสหภาพโซเวียต (ปี 1991)
แม้ว่าการล่มสลายของโซเวียตจะมีปัจจัยหลักจากภายใน (เศรษฐกิจล้มเหลว, การปฏิรูปของกอร์บาชอฟ) แต่ปัจจัยภายนอกที่ใช้ประเด็นชาตินิยมก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง
* ฉากหลัง: สหภาพโซเวียตคือ "จักรวรรดิ" ที่ประกอบด้วยสาธารณรัฐ 15 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งมีชาติพันธุ์หลักของตนเอง (รัสเซีย, ยูเครน, ลิทัวเนีย, จอร์เจีย, อุซเบก ฯลฯ) ถูกปกครองด้วยอุดมการณ์คอมมิวนิสต์และอำนาจจากมอสโก
* กลยุทธ์ของชาติตะวันตก (นำโดยสหรัฐฯ): ตลอดช่วงสงครามเย็น ชาติตะวันตกได้ดำเนินนโยบายเพื่อบ่อนทำลายสหภาพโซเวียต โดยใช้ประเด็นชาตินิยมเป็นเครื่องมือสำคัญ
* การโฆษณาชวนเชื่อ: สถานีวิทยุอย่าง Radio Free Europe/Radio Liberty ออกอากาศกระจายเสียงเข้าไปในดินแดนโซเวียตและยุโรปตะวันออก โดยเน้นย้ำถึงอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์, วัฒนธรรม, และประวัติศาสตร์ที่ถูกกดขี่โดยรัสเซีย เพื่อปลุกกระแสชาตินิยมต่อต้านมอสโก
* การสนับสนุนกลุ่มเคลื่อนไหว: CIA และหน่วยข่าวกรองตะวันตกอื่นๆ ให้การสนับสนุน (ทั้งทางการเงินและข้อมูล) แก่กลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องเอกราชและกลุ่มต่อต้านระบอบคอมมิวนิสต์ในสาธารณรัฐต่างๆ โดยเฉพาะในโปแลนด์, รัฐบอลติก (ลิทัวเนีย, ลัตเวีย, เอสโตเนีย) และยูเครน
* ผลลัพธ์: เมื่ออำนาจส่วนกลางอ่อนแอลง กระแสชาตินิยมที่ถูกปลุกปั่นมานานก็ระเบิดออกอย่างรวดเร็ว สาธารณรัฐต่างๆ ประกาศเอกราช และสหภาพโซเวียตก็ล่มสลายลง กลายเป็น 15 ประเทศเอกราช
สรุปและบทวิเคราะห์
จากกรณีศึกษาข้างต้น จะเห็นได้ว่า อย่างน้อย 3 จักรวรรดิ/สหพันธรัฐใหญ่ในยุโรปและปริมณฑล (ออตโตมัน, ยูโกสลาเวีย, สหภาพโซเวียต) ได้ล่มสลายลงโดยมีปัจจัยสำคัญจากการถูกใช้เป็นเวทีปลุกปั่นความขัดแย้งทางเชื้อชาติโดยมหาอำนาจภายนอก ซึ่งส่งผลให้เกิดประเทศใหม่ขึ้นหลายสิบประเทศ
กลไกหลักที่ถูกนำมาใช้เสมอมาคือ:
* หาจุดอ่อนภายใน: มหาอำนาจจะมองหารอยร้าวที่มีอยู่แล้วภายในรัฐเป้าหมาย ซึ่งโดยมากมักจะเป็นความแตกต่าง