ทุกวันนี้ก็เปิดรับโคตรเยอะแล้ว เหลือแค่ราชภัฏเท่านั้นที่ยังไม่เปิด คุณภาพก็กากลงทุกวัน อยากได้มั้ย หมอทำคลอดไม่เป็น คนไข้จะตาย ใส่ท่อช่วยหายใจไม่เข้า พวกที่บอกมา จบ ศิริราช รามา ด้วยช้ำ

ผลิตออกมาเยอะไม่เถียงหรอก แต่ก็ออกจากระบบเยอะเช่นกัน อยู่ในระบบเหนื่อยจะตายห่าน ไปเป็นหทออย่างอื่น หรือทำเอกชน สบายกว่าเยอะ แก้ที่ระบบไม่ได้ มันก็รั่วอยู่แบบนี้แหละ

ขาดแคลนแน่นอนโดยเฉพาะชนบท ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้แก้ง่ายๆด้วยการรับนศ.เพิ่ม

เริ่มตั้งแต่การผลิตหมอ 1 คน ไม่ใช่แค่มานั่งเลคเชอร์ 6 ปี แล้วไปทำข้อสอบ

ก็จะจบออกมาเป็นหมอได้ ก่อนจะเป็นหมอได้จริงๆ ต้องเคยทำเคยฝึกมาก่อน

จะหาอาจารย์หมอ หาคนไข้ ซัก 1 คน มาให้นศ.แพทย์ฝึก มันยากมากๆ

ไหนจะเทคโนโลยีที่ช่วยในการเรียน เครื่องมือการแพทย์ที่ต้องซื้อมาใช้ฝึก


แล้วพอจบออกมา ถ้าผลิตมาเยอะๆ ถามว่า จะเอาเงินที่ไหนจ่ายให้แพทย์

รพ.ส่วนใหญ่ให้บริการแบบขาดทุนอยู่ตลอด รักษาหลักพัน-หมื่น แต่เก็บเงินได้ 30


สมมติจังหวัดหนึ่ง คนไข้เยอะมาก กระทรวงจัดสรรหมอมาให้ปีนี้ 30 คน

แต่งบประมาณพอจ่ายค่าแรงให้หมอได้แค่ 10 คน แปลว่า หมอ 30 คนนี้

ก็จะต้องได้ค่าแรงน้อยกว่าที่ควรจะได้ เพราะมันคือการเอารายได้ 10 มาหาร 30

ซึ่งแน่นอนว่าพอทำงานไปซักพัก งานก็หนัก รายได้ก็น้อย ก็ทยอยลาออกไป

จังหวัดนี้ก็จะต้องเจอลูปการขาดแคลนแพทย์ไปตลอด ได้ใหม่มาเติมก็รอลาออกแค่นั้น


ในขณะที่ระบบเอกชนของไทย มีการเติบโตอยู่ทุกปี สามารถจ่ายค่าแรงได้มากกว่ารัฐ

4-5 เท่า ไม่ว่าจะรพ.เอกชน คลินิกความงาม แบบนี้ยิ่งจูงใจให้ลาออกง่ายมาก


ผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้ว ระบบสุขภาพของรัฐจะล่มสลายแน่นอน รอดแต่ของเอกชน

ทีนี้ภาระก็ตกไปอยู่ที่ปชช.แล้ว คนมีเงินก็สบายไป คนไม่มีเงินก็...

ประชาชนทั่วไปขาดความรู้ในการเข้าโรงบาลครับ ป่วยนิดหน่อยไปหาหมอหมด จนโรงบาล overload

หมออยากออกจากระบบไปเปิดคลีนิคกันเองเพราะรวยกว่า
โดยเฉพาะคลีนิคเสริมความงาม คลีนิค Wellness ที่ไม่ได้รักษาโรคตรงๆ
แล้วยังกีดกันการแข่งขันด้วยการไม่ให้แพทย์ต่างประเทศเข้ามาทำงานด้วยการบังคับสอบแพทย์สภาที่มีแต่เวอร์ชั่นภาษาไทย
ปัญหาจริง โครตจะ Protect กันเองแล้วก็มี Culture แบบ Sotus ที่โครตจะ Toxic

กากจริงวงการหมอไทย