เหมือนทำๆ ไป มันไม่ค่อยตรงจริต หรือ nature ความเป็นตัวเราสักเท่าไหร่ แต่ต้องอยู่เพราะรายได้ดี

อยู่ในอุตสาหกรรมที่มั่นคง งานก็ค่อนข้างจะชิล ถ้าเทียบกับคนอื่นๆ ที่อยู่ใน range เดียวกัน ทั้งงานและเงิน

(ที่ชิลเพราะวางระบบไว้เรียบร้อย แค่มอนิเตอร์ให้คนรันได้ตามที่วางไว้)

ตอนนี้ไม่ค่อยจะมี Challenge กับงานสักเท่าไหร่ แบบอยู่เดิมๆ ทำเดิมๆ จะไปหา Challenge

ก็ต้องหาที่รายได้มากกว่าเยอะหน่อย ซึ่งก็ไม่ง่าย ด้วยตำแหน่ง และ เงินเดือน

ต้องอยู่ให้เป็นในหลายครั้งๆ ด้วย แบบได้ครับ ดีครับ โอเคครับ ทั้งที่บางอย่างมันก็ขัดๆใจเราอยู่

มีวิธีอย่างไร ในการฮีลใจกันบ้างมั้ยครับ หรือ ใครเป็นอย่างไรมาแชร์กันครับ

ปกติ ผมก็จะ hangout ร้านเหล้า ผับที่สาวๆงานดี เทสต์ดี (เพราะเขาไม่เอาเราแน่นอน )

ถ้ามันหนักมาก ก็อาจจะแบบที่เขารับจบบ้าง แต่ก็นานๆที ก็พอจะช่วยได้ครับ

ไม่ต้องบอกผมหาภาระเพิ่มนะ มีเยอะแล้ว ไฟที่ดีคือ ไฟแนนซ์ครับ

เส้นบางๆ ระหว่าง ไม่ชอบเนื้องาน กับ ขี้เกียจ

เนื้องานดีครับ แต่ไม่ชอบความแบบต้องอยู่เป็น สักเท่าไหร่ ซึ่งมันยาก

ส่วนเรื่องขี้เกียจ โดย nature ผม ไม่ใช่คนชอบสบายอยู่แล้วครับ ชอบหาอะไรทำตลอดเวลา

ปรับปรุง process งาน ทีม องค์กร เป็นประจำ แต่นั่นแหละ เสนอได้ แต่เราไม่ใช่คนตัดสินใจ

ถ้าเป็นงานที่ตรงข้ามกับนิสัยเรา ผมว่ามันรู้สึกอึดอัดทุกคน


อย่างผมเป็น inverter เบื่อมากที่ต้องมาเจอคนเยอะ+พูดเยอะ ยิ่งถ้าเจอคนคุยไม่รู้เรื่องจะลำไยมาก

ไม่ใช่ inverter ต้องเรียก internet ถึงจะถูก ฮรี่ๆๆ

Introvert ป่าวครับพรี่

ยิ่งถ้าเจอคนคุยไม่รู้เรื่องจะลำไยมาก อันนี้จริงครับ หัวจะปวด

เป้นอยู่ครับ ทำสายนี้มานานนแล้ว ไม่ชอบเนื้องานเลย ทำมาเป็น 10 ปีละ

แต่ดันทำหน้าที่/งานได้ดี รายได้ก้ถือว่าดีด้วย

อยากเปลี่ยนงานย้ายสาย แต่คงไม่ได้แล้ว

ล่กเลย ผมแก้ให้แล้ว ด้านบน

เป็นอยู่ ถนัดและชอบอีกแนวไปเลย

รู้สึกไม่ใช่ตั้งแต่ตอนเลือก ตอนเรียน จนถึงทำงาน แต่ต้องทำตามประสงค์ของพ่อแม่

แต่ก็ไม่ได้ทรมานมาก เพราะงานไม่หนัก เงินก็โอเค

ฮีลใจยังไงบ้างครับผม

เข้าใจเลยครับ นี่ขนาดผมเลือกทางของผม ยังขนาดนี้ครับ

ไม่ชอบคุยกับใคร แต่อยู่ฝ่ายขายมา 10+ ปีแล้ว

อยากย้ายจากสายนี้ แต่ก็ไม่เคยกล้าทำจริงๆซักที

อยู่บ้านดู series เล่นกับแมว ไปเที่ยวตจว. ตปท. กินอาหารดีๆ แต่มันก้ได้แค่นั้น วันจันทร์กลับไปทำงานอยู่ดี

เข้าสายงานขาย แล้วออกยากจริงครับ จะไปสายอื่น ก็ไม่คุ้มเหนื่อยแล้ว ผมเข้าใจเลย

เมื่อก่อนเป็น ตอนยังไม่มีลูก ตอนนี้พยายามให้ Work life balance เวลาผมทำงานอยู่ใน office เหมือนหยิบหน้าการอีกอันนึงมาใส่ จริงจังสุดๆ แทบไม่คุยเรื่องอื่นกับใครเลย นอกจากเรื่องงาน ใช้พลังงานสมองแบบเต็มที่ เรียกว่าใช้จนสมองล้า แต่ร่างกายไม่ได้เหนื่อยนะ วางแผนการทำงาน ต่างๆล่วงหน้า มี booking ใน calendar ล่วงหน้า 2-3 อาทิตย์ โดยตลอด เป็นอย่างนี้มาหลายปีแล้ว พอเลิกงานก็เหมือนถอดหน้ากากออก กลับเป็นปกติ เมื่อก่อนงานไม่เสร็จไม่กลับ เด่วนี้สี่โมงกลับแล้ว ออกไปรับลูก ไปใช้ชีวิต ตอนนี้ทำงานแบบนับวันว่าเมื่อไหร่จะวันศุกร์ วางแผนไปเที่ยว และก็นับวันรอ ก็มีความสุขแล้ว