เพิ่งไปดู Imax หนัง F1 รอบส่งท้ายมาครับ เป็นหนังที่ชอบมากก (ดูไป 4 รอบ) ดูเพราะแบรตพิตกับผู้กำกับ ไม่รู้เรื่องรถแข่งเลย

ฟีลหนังมันออกไปทางหนังคาวบอยมากกว่าหนังกีฬานะผมว่า พอใช้สูตรนี้ + ความเท่เบรตพิต ผมโคตรชอบเลย

แต่สิ่งที่น่าสนใจนอกจากหนัง ก็คือพวกนักแข่งตัวเป็น ๆ ที่มาปรากฎในเรื่อง ซึ่งดูครั้งแรกผมก็ไม่รู้จักหรอก เพราะผมไม่เคยดูแข่ง F1

อยากถามแฟนกีฬา F1 ว่าหนังพูดถึงใครบ้าง ละเขาเก่งยังไง เทียบกับวงการฟุตบอลก็ได้ครับ แบบคนนี้คือมาราโดน่าแห่งวงการแข่งรถ

ปฏิกริยาของนักแข่ง F1 แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างมาก เนื่องจากกีฬานี้ต้องการทักษะและความสามารถทางร่างกายและจิตใจที่เหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป ดังนี้:
1. ความเร็วในการตอบสนอง (Reflexes): นักแข่ง F1 มีเวลาในการตอบสนองที่รวดเร็วมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.2-0.3 วินาที เทียบกับคนทั่วไปที่อาจอยู่ที่ 0.5-1 วินาที หรือมากกว่า การฝึกซ้อมในสถานการณ์จำลอง (เช่น simulator) และการแข่งจริงทำให้พวกเขาสามารถตัดสินใจได้ในเสี้ยววินาที เช่น การหลบหลีกอุบัติเหตุหรือการเข้าโค้งที่ความเร็วสูง.
2. ความสามารถในการประมวลผลข้อมูล: นักแข่ง F1 ต้องประมวลผลข้อมูลจำนวนมากในเวลาเดียวกัน เช่น ความเร็วของรถ ตำแหน่งคู่แข่ง สภาพสนาม และข้อมูลจากทีมผ่านวิทยุ คนทั่วไปมักไม่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องจัดการข้อมูลในระดับนี้พร้อมกันภายใต้ความกดดันสูง.
3. ความทนทานต่อความเครียดและ G-Force: นักแข่ง F1 ต้องรับมือกับแรง G สูง (ถึง 4-6G ในบางโค้ง) ซึ่งร่างกายต้องแข็งแกร่งโดยเฉพาะกล้ามเนื้อคอและแกนกลางลำตัว คนทั่วไปอาจหมดสติหรือรู้สึกไม่สบายเมื่อเจอแรง G ในระดับนี้ นอกจากนี้ พวกเขายังต้องรักษาสมาธิในสภาวะที่หัวใจเต้นสูงถึง 150-200 ครั้งต่อนาที ต่างจากสถานการณ์ปกติของคนทั่วไป.
4. การควบคุมอารมณ์: นักแข่ง F1 ถูกฝึกให้ควบคุมอารมณ์ได้ดีเยี่ยม แม้ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด เช่น การแซงในโค้งแคบหรือการแข่งขันที่สูสี คนทั่วไปอาจตื่นตระหนกหรือเสียสมาธิในสถานการณ์ที่คล้ายกัน.
5. การฝึกฝนและการปรับตัว: นักแข่ง F1 ผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มข้นทั้งด้านร่างกาย (เช่น การฝึกความแข็งแรงและความทนทาน) และจิตใจ (เช่น การฝึกสมาธิและการตัดสินใจ) ซึ่งทำให้ปฏิกริยาของพวกเขาถูกปรับให้เหมาะสมกับการแข่งขันในระดับสูงสุด ต่างจากคนทั่วไปที่ไม่ได้ฝึกในลักษณะนี้.
ตัวอย่างข้อมูลสนับสนุน:
• การทดสอบปฏิกริยาของนักแข่ง F1 เช่น ลูอิส แฮมิลตัน หรือแม็กซ์ เวอร์สตัปเพน มักแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น (เช่น แสงหรือเสียง) ได้เร็วกว่าคนทั่วไปถึง 2-3 เท่า.
• การศึกษาทางวิทยาศาสตร์กีฬา เช่น จาก Loughborough University พบว่านักแข่ง F1 มีความสามารถในการรับรู้เชิงพื้นที่ (spatial awareness) และการประสานงานระหว่างมือและตาที่ดีกว่าคนทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ.
สรุป: ปฏิกริยาของนักแข่ง F1 แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างชัดเจนทั้งในด้านความเร็ว ความแม่นยำ และความสามารถในการจัดการกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนและกดดันสูง ผลนี้มาจากการฝึกฝนอย่างหนักและการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของกีฬาที่มีความเข้มข้นสูง

แอบไปถาม Grok มาให้ครับ

โห ตอบยากมากครับ นักแข่งตบเท้ามาออกคนละนิดคนละหน่อยเพียบเลย

ระดับคนที่ได้แชมป์โลกไปแล้ว
Lewis Hamilton แชมป์โลก 7 สมัย เทียบเท่าชูมี้
Max Verstappen แชมป์โลก 4 สมัย พรสวรรค์สูงโคตร ๆ
Fernando Alonso แชมป์โลก 2 สมัย ที่ขับมายาวนาน

สองหน่อที่ขับเคี่ยวแย่งแชมป์กันในปีนี้
Lando Norris
Oscar Piastri

ฮันนี่แบดเจอร์ นักขับหนึ่งเดียวที่เบียดตาแม็กซ์ได้ในรถรุ่นเดียวกัน Daniel Ricciardo

คนไทยหนึ่งเดียวใน F1 Alexander Albon

และอีกมากมาย
Oliver Bearman, Valtteri Bottas, Franco Colapinto, Nyck de Vries, Jack Doohan, Pierre Gasly, Zhou Guanyu, Nico Hülkenberg, Liam Lawson, Charles Leclerc, Kevin Magnussen, Esteban Ocon, Sergio Pérez, George Russell, Carlos Sainz Jr., Logan Sargeant, Lance Stroll, Yuki Tsunoda

ส่วนบอกว่าเก่งยังไง พูดยากครับ เพราะมันมีเรื่องรถเข้ามาเป็นปัจจัยด้วย แล้วก็นักขับ F1 เขาระดับเหนือมนุษย์ทุกคน คิดง่าย ๆ ว่ากีฬานี้มีนักขับแค่ 20 คนทั่วโลก

รถวิ่งกัน 330 km/hr เร็วระดับกระพริบตาทีเดียวรถเคลื่อนที่ไป 30-40 เมตรเลย

ถ้าเทียบกับวงการฟุตบอล จะเป็นแบบนี้มั้ยนะ จัดจากความรู้สึกตัวเอง
Max Verstappen = Messi
Lewis Haminton = Ronaldo
Oscar Piastri = Yamal
Lando Norris = Mbappe
Charles Leclerc = Haaland
Fernando Alonso = Modric

ถ้าเทียบกับนักบินเครื่องบินรบ สมถรรถภาพร่างกายและจิตใจ ใครสูงกว่ากันครับ

ถ้าเอาที่มีบทคือ

max verstapen ทีม redbull ในสนามที่ jp จะแซงเอาแชมป์ก่อนรถบินแล้วไฟไหม้
แชมป์โลก 4 สมัยซ้อนจนถึงล่าสุด 2024 นักแข่งที่คนยกย่องว่าโคตรฝีมือ ปกติ f1 ค่อนข้างจะตัดสินที่ว่าทีมไหนทำรถได้แรงสุดมักชนะ แต่ max นี่คนแรงกว่ารถ แบกรถที่มีปัญหาได้

Sir lewis hamilton ทีม Mersedes benz ที่แข่งกับพระเอกสนามสุดท้าย แชมป์โลก 7 สมัย เยอะสุดตลอดการเทียบเท่า ไมเคิล ชูมักเกอ
ปัจจุบันอยู่ Ferrari อายุค่อนข้างเยอะแล้ว

ตึกที่ใช้ถ่ายทำเป็นสำนักงานของทีมพระเอก ของจริงคือตึกสำนักงานของทีม Mclalen

คนที่พูดกับ jp ตอนสุดท้ายชวนเข้าทีมคือ toto wolf หัวหน้าทีม และหุ้นส่วนใหญ่ของ Mersedes benz

คนที่มาแจมในหนังมีบทนิดหน่อยก็เป็นพวกหัวหน้าทีมจริง อารมประมาณผู้จัดการทีมฟุตบอลนั่นแหละ

นักข่าวชื่อดังที่เป็นผู้ประกาศสาย f1 อยู่แล้ว

ถ้าคุณชอบหนังเรื่องนี้อยากให้ลองไปดูใน netflix : drive to survive ต่อครับผมชอบกว่าหนังอีก ดูแบบไม่รู้เรื่องอะไรไปเลยเนี่ยแหละ

ผมดูครั้งเดียว จำได้แค่หนังมีแซวตรง นักแข่งที่สาวๆชอบคือ Carlos Sainz จากทีมีคนมาขอให้ทีมเมทแบรดพิตให้พาไปแนะนำ

ส่วนเก่งสุด หรือเทียบยังไง นาทีนี้ คน เพียวๆ ผมให้ Max Verstappen นะ ร่าง Primeสุดละถ้ารถเท่ากันเอาลงยากมาก ถึงจะมีช็อต Mad Max บ่อยก็เถอะ

คน+รถก็ Oscar Piastri กับ Lando Norris จากแมคลาเรน ที่กำลังคั่วแชมป์โลกกันอยู่เวลานี้

ถ้าให้เทียบมาราโดน่า คงเป็น Ayrton Senna ผู้ล่วงลับ จากไปไวจากอุบัติเหตุในสนาม (บางคนว่าถ้า Senna ยังอยู่ Schumacher อาจไม่ยิงยาวแชมป์มาขนาดนี้) ผมไม่ทันดูนะได้แต่ดูย้อนหลัง ความยิ่งใหญ่ ปฏิกิริยา คำพูดจากเหตุการสุดคลาสิคอย่าง “If you no longer go for a gap which exists you are no longer a racing driver” ก็ยังถูกนำมาใช้กันอยู่ตลอดๆ

อีกคนในอดีต ไม่รู้ว่า จขกท. เคยดูเรื่อง Rush รึเปล่า ถ้ายงลองไปหาดูนะครับ จะเห็นว่า Nikki Lauda เก่งแบบรอบด้านมากๆๆ ไม่ใช่แค่พรสวรรค์เพียวๆ ฟีดแบ็ครถเก่งโคตรๆ

หากพูดถึงจำนวนแชมป์สูงสุด ตอนนี้ก็เท่ากันสองคน Mochael Schumacher กับ Lewis Hamilton 7 สมัยเท่ากัน แต่ Lewis ยังแข่งอยู่ฝีมืออาจเริ่มมีแผ่วตามสังขาร+เพิ่งย้ายค่ายมา Ferrari ในปีนี้ ไม่รู้ปีหน้าเปลี่ยนกฎรถ อาจจะกลับมาได้ลุ้นทำลายสถิติขึ้นเเป็น เบอร์1 คนเดียว

ส่วนตัวถ้าให้ลองเทียบกับนักฟุตบอล ผมคิดว่า

Ayrton Senna = Diego Maradona น่าจะใกล้เคียงสุดในความคิดผม (ซึ่งไม่ทันดูทั้งคู่ 555)

ที่เหลือเทียบกับนักบอลที่ทันดูแล้วกันนะครับ
Michael Schumacher = Thomas Muller ไม่ทันSchumacher แต่เท่าที่ย้อนดู ความรู้สึกมันแนวๆ Muller

Nikki Lauda = Zinedine Zidane อ่านขาดทั้งในสนามแข่งและนอกสนาม

Lewis Hamilton = Lionel Messi ขึ้นมาก็เก่งเลย ท้าชนแชมป์เก่าทันที แล้วยืนระยะยาวนาน ทำลายสถิติเป็นว่าเล่น

Max Verstappen = Cristiano Ronaldo ต้องเป็นคนนี้เพราะให้ Ham เป็น Messi ไปแล้ว 555 เอาจริงๆก็มีความเหมือนตรงมุทะลุ ต้องเอาให้ได้ อะไรขาด ก็สร้างมันขึ้นมา ยิ่งตอนปี 2021 คือ ฟีล โด้-เมส ของฟุตบอลเลย หักเหลี่ยมเฉือนคมสุดๆ

Fernando Alonso = Xabi Alonso นอกว่านามสกุลเดียวกันแล้ว ยังเบอร์14 เหมือนกันอีก คู่แข่งคนแรกของ Hamilton อดีตผู้เคยล้ม Schumacher มาแล้ว ของจริงอ่านขาดทั้งในสนามและนอกสนาม (ปัจจุบันมีรุกกี้ฝีมือดีในสังกัดของตัวเอง)

Lando Norris / Oscar Piastri = Ousmanne Dembele / Kvicha Kvaratskhelia 2 สตาร์ในทีมที่มีทรัพยากรพร้อมที่สุดในเวลานี้

เท่าที่นึกได้จากในหนังที่พอมีบทหลักๆหน่อยก็จะมี 3 คนครับ

1. Max Verstappen


คนนี้คือแชมป์โลกคนปัจจุบันครับ แชมป์ 4 สมัยติด
สไตล์การขับจะเป็นพวกรีดศักยภาพรถไปจนถึงสุดลิมิตครับ คมทุกโค้ง
ถ้าเทียบเป็นนักบอลปัจจุบันก็คือเอมบับเป้อ่ะครับ คือสุดของยุคนี้ละ



2. Sir Lewis Hamilton

คนนี้คืออดีตแชมป์โลก 7 สมัย ครับ มากที่สุดในโลกเทียบเท่ากับชูมัคเกอร์
จุดแข็งคือจับจังหวะรถได้ดีมากครับ ขับได้หลากหลายสไตล์ ส่วนมากจะเป็นพวก late braking แต่เอาโค้งอยู่
เทียบเป็นนักบอลก็คือเมสซี่อ่ะครับ เทพที่สุดแต่อยู่ช่วงขาลงละ


3. Charles Leclerc

คนนี้ก็เป็นระดับหัวแถวของ F1 ปัจจุบันครับ แต่ยังไม่ถึงกับแชมป์โลก (ทีมแม่งกาก พูดละหัวร้อน)
จุดเด่นคือเป็นคนที่ Qualify เร็วมากครับ ได้ Pole บ่อยทั้งๆที่รถกาก ถ้าได้รถดีนี้สูสีกับ Verstappen ข้างบนได้เลย
ถ้าเป็นนักบอลปัจจุบันก็วินิซิอุสไม่ก็ฮาลันอ่ะครับ รองๆเอมบับเป้อ่ะแหละ

rotero พิมพ์ว่า:

Mirt3838 พิมพ์ว่า:

ปฏิกริยาของนักแข่ง F1 แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างมาก เนื่องจากกีฬานี้ต้องการทักษะและความสามารถทางร่างกายและจิตใจที่เหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป ดังนี้:
1. ความเร็วในการตอบสนอง (Reflexes): นักแข่ง F1 มีเวลาในการตอบสนองที่รวดเร็วมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.2-0.3 วินาที เทียบกับคนทั่วไปที่อาจอยู่ที่ 0.5-1 วินาที หรือมากกว่า การฝึกซ้อมในสถานการณ์จำลอง (เช่น simulator) และการแข่งจริงทำให้พวกเขาสามารถตัดสินใจได้ในเสี้ยววินาที เช่น การหลบหลีกอุบัติเหตุหรือการเข้าโค้งที่ความเร็วสูง.
2. ความสามารถในการประมวลผลข้อมูล: นักแข่ง F1 ต้องประมวลผลข้อมูลจำนวนมากในเวลาเดียวกัน เช่น ความเร็วของรถ ตำแหน่งคู่แข่ง สภาพสนาม และข้อมูลจากทีมผ่านวิทยุ คนทั่วไปมักไม่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องจัดการข้อมูลในระดับนี้พร้อมกันภายใต้ความกดดันสูง.
3. ความทนทานต่อความเครียดและ G-Force: นักแข่ง F1 ต้องรับมือกับแรง G สูง (ถึง 4-6G ในบางโค้ง) ซึ่งร่างกายต้องแข็งแกร่งโดยเฉพาะกล้ามเนื้อคอและแกนกลางลำตัว คนทั่วไปอาจหมดสติหรือรู้สึกไม่สบายเมื่อเจอแรง G ในระดับนี้ นอกจากนี้ พวกเขายังต้องรักษาสมาธิในสภาวะที่หัวใจเต้นสูงถึง 150-200 ครั้งต่อนาที ต่างจากสถานการณ์ปกติของคนทั่วไป.
4. การควบคุมอารมณ์: นักแข่ง F1 ถูกฝึกให้ควบคุมอารมณ์ได้ดีเยี่ยม แม้ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด เช่น การแซงในโค้งแคบหรือการแข่งขันที่สูสี คนทั่วไปอาจตื่นตระหนกหรือเสียสมาธิในสถานการณ์ที่คล้ายกัน.
5. การฝึกฝนและการปรับตัว: นักแข่ง F1 ผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มข้นทั้งด้านร่างกาย (เช่น การฝึกความแข็งแรงและความทนทาน) และจิตใจ (เช่น การฝึกสมาธิและการตัดสินใจ) ซึ่งทำให้ปฏิกริยาของพวกเขาถูกปรับให้เหมาะสมกับการแข่งขันในระดับสูงสุด ต่างจากคนทั่วไปที่ไม่ได้ฝึกในลักษณะนี้.
ตัวอย่างข้อมูลสนับสนุน:
• การทดสอบปฏิกริยาของนักแข่ง F1 เช่น ลูอิส แฮมิลตัน หรือแม็กซ์ เวอร์สตัปเพน มักแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น (เช่น แสงหรือเสียง) ได้เร็วกว่าคนทั่วไปถึง 2-3 เท่า.
• การศึกษาทางวิทยาศาสตร์กีฬา เช่น จาก Loughborough University พบว่านักแข่ง F1 มีความสามารถในการรับรู้เชิงพื้นที่ (spatial awareness) และการประสานงานระหว่างมือและตาที่ดีกว่าคนทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ.
สรุป: ปฏิกริยาของนักแข่ง F1 แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างชัดเจนทั้งในด้านความเร็ว ความแม่นยำ และความสามารถในการจัดการกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนและกดดันสูง ผลนี้มาจากการฝึกฝนอย่างหนักและการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของกีฬาที่มีความเข้มข้นสูง

แอบไปถาม Grok มาให้ครับ  

ถ้าเทียบกับนักบินเครื่องบินรบ สมถรรถภาพร่างกายและจิตใจ ใครสูงกว่ากันครับ  

เปรียบเทียบกันไม่ได้น่ะครับ

เรื่องร่างกายก็ถูกฝึกมาไม่เหมือนกันครับ เพราะ G-Force ที่นักแข่งกับนักบินเจอ มันคนละทิศกันครับ

นักแข่งรถจะเจอกับแรงในทิศแนวนอน คือเหวี่ยง ซ้าย ขวา หน้า หลัง จากการเข้าโค้ง เบรคและเร่ง

ซึ่งจะทำให้ร่างกายโดยเฉพาะหัวจะโดนเหวี่ยงให้เอนไปมา ถึงต้องเน้นกล้ามเนื้อคอ

ส่วนนักบินจะเจอแรง G-Force ในแนวตั้งครับ คือ ขึ้นบน ลงล่าง

แรงที่เจอจะเหมือนโดนกดทับด้วยแรงมหาศาลครับ เลือดทั้งตัวจะลงไปอยู่ที่เท้าได้เลย สมองจะขาดเลือดได้

ร่างกายต้องถูกฝึกมาให้ทนทานต่อแรงพวกนี้ครับ โดยเฉพาะการหายใจ ไม่งั้นบินๆอยู่หลับได้ง่ายๆเลย

ส่วนเรื่องจิดใจ นักแข่งรถถูกฝึกมาให้สู้ในการแข่งขันครับ ต้องเต็มที่ในการแข่ง

ส่วนนักบินรถก็ต้องใส่สุดเหมือนกันครับ แต่มันจะเป็นการสู้เพื่อความเป็นความตายครับ

ผมขอป้ายยาเพิ่มด้วยคลิปนี้ เป็นคลิปพาผมเริ่มดู drive to survive แล้วเป็นแฟน f1

คลิปไม่ขึ้นช่อง spin9arm ตอน f1 ดูยังไง

https://youtu.be/8R7W8ioRxIw?si=WH2LeyXLElKMb70m

จุดเด่นลูกพี่ชาร์ล คือแรปใส่เอนจิเนียร์ยาว ๆ จนกราฟฟิกขึ้นล้นจอถ่ายทอดสดครับ

แถมอีกอัน อันนี้มู้ผมตั้งถามตอนหัดดู f1 ใหม่ๆ อ่านสนุกดี

https://www.soccersuck.com/boards/topic/2562642