อลัน เชียเรอร์ กล่าวถึงการเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ของ นิวคาสเซิล ว่าเป็น "ฝันร้าย" หลังจากที่สโมสรกำลังจะพลาดการเสริมทัพอีกครั้งในดีลของ เบนยามิน เชชโก้

ดาวเตะชาวสโลวีเนียเตรียมย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้ว่า “เดอะ แม็กพายส์” จะเสนอค่าตัวที่สูงกว่าและโอกาสในการลงเล่นใน แชมเปียนส์ลีก ก็ตาม

แม้ว่า เชชโก้ จะยังไม่ได้ร่วมทีม “ปีศาจแดง” อย่างเป็นทางการ แต่ทิศทางของการเจรจาในตอนนี้เป็นที่เข้าใจว่าโอกาสที่ดาวเตะวัย 22 ปีรายนี้กำลังจะย้ายไปยัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด มีค่อนข้างมาก

ข้อเสนอของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ซึ่งมีรายงานว่าต่ำกว่า 74 ล้านปอนด์นั้นต่ำกว่าข้อเสนอที่ นิวคาสเซิล เสนอเพิ่มไปที่ 78.2 ล้านปอนด์ แต่ดูเหมือนว่าความต้องการของนักเตะจะชัดเจน

ทางด้าน เชียเรอร์ ตำนานของ นิวคาสเซิล ที่ผันตัวมาเป็นนักวิจารณ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับ Betfair อย่างตรงประเด็นเกี่ยวกับช่วงตลาดซื้อขายนักเตะของอดีตสโมสร และตั้งคำถามว่าการขาดแคลนบุคลากรสำคัญเบื้องหลังว่ากำลังขัดขวางธุรกิจของพวกเขาอยู่หรือไม่

“ดูเหมือนว่า เบนยามิน เชชโก้ จะมีสองสโมสรให้เลือก คือ นิวคาสเซิล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” เชียเรอร์ กล่าว

“สโมสรหนึ่งคว้าแชมป์ได้เมื่อปีที่แล้ว และตอนนี้กำลังจะได้ไปเล่น แชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลนี้ ส่วนอีกสโมสรหนึ่งไม่ได้แชมป์อะไรเลย จบอันดับที่ 15 และมีฤดูกาลที่ย่ำแย่”

“ผมเข้าใจดีว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรฟุตบอลขนาดใหญ่ แต่พวกเขายังไม่ใช่ทีมใหญ่อะไรในเวลานี้ ผมเข้าใจ ผมเข้าใจดี ดูเหมือนว่าเขาอยากย้ายไป แมนฯ ยูไนเต็ด มากกว่า”

“มันน่าผิดหวังอีกแล้วสำหรับ นิวคาสเซิล อีกหนึ่งเป้าหมายที่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพลาดไป และผมพูดไปแล้วเมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว ดูเหมือนว่ามันจะเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายสำหรับ นิวคาสเซิล”

นิวคาสเซิล พลาดเป้าหมายสำคัญหลายราย ซึ่งรวมถึง ไบรอัน เอ็มเบอโม่, มาเตอุส คุนญ่า, เจา เปโดร และ เจมส์ แทรฟฟอร์ด และ เชียเรอร์ ได้ชี้ว่าการขาดทีมงานเบื้องหลังอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ทีมขาดความก้าวหน้า

เขากล่าวต่อว่า “ทำไม นิวคาสเซิล ถึงเสริมทัพไม่สำเร็จ? ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่มีซีอีโอหรือผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาหรือเปล่านะ”

“พวกเขารู้มาหลายเดือนแล้วว่าซีอีโอกำลังจะลาออก ผมค่อนข้างประหลาดใจที่ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ”

“ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาก็มาประกาศลาออกไปเมื่อสองสามเดือนก่อน และพวกเขาก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมากที่ตำแหน่งเหล่านั้นยังไม่ถูกเติมเต็ม”

“ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการที่ นิวคาสเซิล ไม่สามารถปิดดีลได้ รวมถึงจำนวนนักเตะที่ปฏิเสธพวกเขาไปหรือเปล่า แต่มันดูไม่ดีเอาซะเลย”

ถ้าเชียร์เรอร์​มาแมนยู​ ตอนนัันอยากเห็นสุดๆ​ เหมือนกัน

เห็นตรงข้าม นิวต้องสะสมชื่อเสียงอีกเยอะ การเสริมทัพก็เน้นไปที่ม้านอกสายตา รอจังหวะดีๆแบบตอนคว้าบอตแมน กิมาไรส อิซัค แต่เมื่อไหร่ที่แข่งเสริมทัพแย่งตัวกับบรรดาท็อปทีมหน้าเก่า จะผิดหวังก็ไม่แปลก

ไม่แสดงความทะเยอทะยานพอเปล่า

มั่นใจเลยว่า สถิติประตู ของพรีเมียร์ลีก

น่าจะถึง 400 ลูก ได้เลย

เสียดายแก ไม่เลือกแมนยู ยุคนั้น ปีก 2 ข้าง พร้อมป้อน แบบสุดๆ

ก่อนยุค โด้ เมส , รุด ยุคนั้น มาแมนยูไม่กี่ปี ได้เป็น ดาวซัลโว ยุโรปแข่งกับ ราอูล ไม่อยากคิดถ้าได้เชียร์เรอร์ มาก่อน ถ้วยยุโรป เราอาจ จะมากกว่านี้

ถ้านิวยืนระยะได้ยาวๆ เก็บตัวเก่งไว้ได้ เป็นการซื้อทีมเสริมแกร่ง ที่ไม่ใช่การซื้อมาทดแทนตัวเก่งที่กำลังจะขาย
นักเตะรุ่นใหม่ๆ ที่อาจจะไม่ได้โตมากับยุครุ่งเรืองของนิว ก็อาจจะย้ายมาได้ง่ายกว่านี้

ส่วนแมนยูเอง ก็ใช่ว่านักเตะจะอยากมาทุกคน
ช่วง 10 ปีหลัง หาได้น้อยมากที่จะมีใจ และค่าตัว ค่าเหนื่อยไม่แรง

มีอีกเคสที่นึกถึง คือดีลของหลุยส์ ซัวเรส ตอนย้ายมาลิเวอร์พูล รู้แค่ว่าจะได้มาเล่นร่วมกับ เฟอนานโด ตอเรส
แต่พอย้ายมาปุ๊บ ทีมขายตอเรสปั๊บ ซัวเรสก็เหวอเลย ว่าไหนที่จะได้เล่นด้วยกัน
คือถ้าแกรู้ก่อน ว่าจะเป็นแบบนี้ อาจจะไม่ได้อยากย้ายมาในช่วงนั้นก็ได้

ส่วนของเซสโก้ อาจจะเปรียบเทียบกันแล้ว squad ทีมฝั่งแมนยูอาจจะดูน่าสนใจกว่า
แนวรุกตัวใหม่หมด ก่อนย้ายมาฟอร์มในลีคก็ไม่ธรรมดา
ถ้าแนวทางการทำทีม เหมาะกับสไตล์จุดแข็งของผู้เล่น ก็อาจจะตัดสินใจมาแมนยูได้ง่ายกว่านิว

เหมือนลิเวิร์พูลช่วงนึงน่ะแหละ ตอนช่วง BR JK แรกๆ แต่พอยืนระยะ สร้างรากฐาน คว้ามแชมป์ ลุ้นแชมป์ เข้าชิงบ่อย ก็สร้างแบรนด์ได้เอง แต่แบบ 7-8 ปีเลยนะ

มันก็ยังตามแซะแมนยูเหมือนเดิมนั่นแหละ สมหน้ามัน

ก็ตอนนี้นิวมันไม่มีผอ.ฟุตบอลไง มิตเชลล์ออกไปยังหาคนมาแทนไม่ได้ เนี๊ยะตำแหน่งนี้คือตำแหน่งที่สำคัญมากๆ กับการซื้อขายนักเตะไม่ว่าทีมไหนก็ตามลองขาดผู้รับผิดชอบไปสิ ดีลอะไรก็ไม่ได้อยู่แบบนี้แหละ

แบรนด์เอ็งมันไม่แข็งเท่าไงล่ะไอ้เรอร์มาแซะก่อนเองนะ

เขาตั้งข้อสังเกตเรื่องไม่มีผอ.ฟุตบอลจ้ะ

ก็เพราะนายไม่มาแมนยูไง เลยต้องเป็นแบบนี้

ชื่อเสียงทีมก็คงเป็นประเด็นหลัก ทีมจบอันดับต่ำแต่รายได้ไม่เคยต่ำ แบรนด์ยังขายได้

และผมว่าแนวทางการทำทีมของอโมริมก็อาจมีส่วน

ค่อนข้างชัดเจน เอาใครไม่เอาใคร แล้วก็แสดงว่าจะเล่นระบบนี้แน่ ไม่คิดปรับตามนักเตะ แต่นักเตะต้องปรับตามแกให้ได้

นักเตะที่แกเลือกเข้าทีม คือ เอามาใช้แน่ พร้อมก้าวเข้ายุคใหม่ไปด้วยกัน จะยุคมืดหรือสว่าง ค่อยว่ากัน

เชื่อว่าค่าเหนื่อยและเบรนด์ทีมมีผลต่อการตัดสินใจ