ดูยูทูปเค้าว่าเมื่อก่อนเด็กเกิดปีละล้านคน ตอนนี้เด็กเกิดปีละ4-5แสนคน เราควรลดทุกอย่างลงครึ่งนึงด้วยมั้ย

เช่นลดโรงเรียนลงครึ่งนึงหรือลดครูลงครึ่งนึง หน่วยงานอื่นๆก็ลดคนลงครึ่งนึงอะไรงี้

นั่นคือชะตากรรมที่เลี่ยงยากของประเทศที่ประชากรการเกิดลดลง ญปเนี่ยหนักเลย หลายโรงเรียนปิดกันรัวๆเพราะไม่มีนักเรียนใหม่ แต่เขายังใจดีแบบว่ารอให้เด็กคนสุดท้ายจบการศึกษาก่อนค่อยปิด (บางโรงเรียนทั้งโรงเหลือแค่ 10 คนก็มี)

ของบ้านเราก็ไล่ปิดมาสักพักละนะพี่หมี ที่ว่าครูต้องย้ายไปนู่นไปนี่กันเพราะเขาปิดโรงเรียนงี้ แต่เป็นตามขอบชนบทมากๆ แต่ของบ้านเราคือปิดแล้วย้ายเด็กแทนที่จะรอให้เด็กจบก่อน บางคนโรงเรียนใหม่ห่างจากบ้านเป็นหลักสิบหลักร้อยกิโลงี้ก็มี

ผมเคยนั่งคิดเรื่องนี้เล่นๆเหมือนกันครับ

ผมคิดว่าทุกอย่างจะปรับเข้าสมดุลเอง ตามโครงสร้างประชากร คนแก่เยอะขึ้น เด็กลดลง

เห็นชัดๆอย่างโรงเรียนจะกระทบก่อน แต่ รพ. ก็จะส่งผลตรงข้าม

ตอนนี้ผมหา รร ให้กับลูก คือ รร ที่ผมเคยเรียนลดจำนวนเด็กต่อห้อง และจำนวนห้องต่อชั้นครับ

ส่วนหน่วยงานอื่นๆผมว่า อาจจะไม่นะ เพราะต้องดูด้วยว่าประชากรที่อยู่ในไทยทั้งหมดลดลงด้วยไหม

เพราะถึงแม้ว่าเราเกิดน้อยลง แต่ประชากรจากที่อื่นเข้ามาอาศัยเยอะขึ้น คนโดยรวมก็ยังอาจจะไม่ได้ลดลงมาก

ผมคิดว่า สิ่งสำคัญคือ รัฐบาลต้องวางแผนได้แล้วว่า อนาคตจะทำยังไง เพราะอัตราเกิดมันไม่มีทางกลับไปเท่าเดิมได้

ตอนนี้น้องๆ เพื่อนๆผมหลายคนก็ไปอยู่ แคนนาดาถาวรโดยเค้ารับพวก ประชากรกลุ่มดีๆไปทำงาน เค้าก็ให้วิซ่าถาวรเลย

อัตราเกิดลด แต่กรอบอัตรากำลังกับจำนวนหน่วยงาน มันทำมาเสิร์ฟคนในวันนี้ไม่ใช่เหยอ
ถ้าไปลดเลย มันจะเป็นจำนวนที่เหมาะสมกับอนาคต แต่ไม่ได้ตอบโจทย์ของวันนี้น่ะสิ

แต่เรื่องการแก้กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ เรื่องกรอบอัตรากำลัง ปกติแล้วมันมีรอบทบทวนของมันอยู่นะแต่ละหน่วยงาน ว่ากี่ปีทีนึง

อย่างของครูนี่วัดตามจำนวนครูต่อหัวนักเรียนอัตราน่ะขาด แต่จำนวน รร มันดันล้น ความบาล้านระหว่างอัตราที่ไปลง รร บ้านนอก ซึ่งขาด กับ รร ในเมือง ที่เบียดกันแน่น มันเหลื่อมมากๆ การยุบรวมมันไม่เกิดขึ้นสักทีประวิงเวลามานานมากแล้ว

คำถามเหมือนจะง่ายแต่ยากนะ

ปัญหาเด็กเกิดน้อยในวันนี้ มันคือวัยแรงงานที่จะน้อยลงใน 20 ปีข้างหน้าครับ

แล้วอีก 20 ปีถัดจากนี้จะมีอะไรอีกก็ไม่รู้ที่จะเป็น factor ในการทำงาน/จ้างงานอีก

มันต้องทำกราฟระหว่างแรงงานในปี พศ. นี้เทียบกับ innovation ที่มีตอนนี้และจะมีในอนาคตเลย

ต้องดูหน้างานด้วยครับ บางคนเลือกเรียนเพราะใกล้บ้าน แต่ถ้ายุบต้องเดินทางไกลขึ้นอีก 10 กิโลบางทีพ่อแม่อาจจะไม่สะดวก

ครูทุกวันนี้ก็ไม่พอแล้วครับ ปีก่อนแฟนผมสอน 26 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ก็เยอะแล้วนะ เทอมนี้เหลือ 20 ก็ยังตึงๆ เพราะชั่วโมงว่างก็เอาเวลาไปทำงานโรงเรียนอีก

ควรลดแต่ลดแบบผ่านความเห็นหลายฝ่าย ผ่านการวิเคราะห์มาแล้ว

ปัจจุบันหลายๆที่ปรับลดกันมาได้สักพักแล้ว
- หน่วยงานราชการ ปรับลดการบรรจุข้าราชการ ยุบตำแหน่ง
- ราชการ เน้นจ้างลูกจ้างชั่วคราวสัญญา 1 ปี พนักงานราชการ สัญญา 2 หรือ 4 ปี เพื่อปรับลดค่าใช้จ่ายและค่าผูกพันระยะยาว
- หน่วยงานราชการ/เอกชน เน้นเทคโนโลยีมากขึ้น ทดแทนจำนวนคน เพิ่มประสิทธิภาพ

คนเกิดน้อยลงแต่เทคโนโลยีก็ทำให้เกิดการจ้างงานน้อยลงด้วยนะ ถือว่ามันก็สมดุลกันอยู่

ล่าสุดไปโรงเรียนแห่งหนึ่งใกล้ๆ กรุงเทพ ทั้งโรงเรียนมี 120 คน อนุบาลถึงมอสาม

บางชั้นมีนักเรียน 4-6 คนทั้งห้อง

ช็อคไปเลย

โรงเรียน ใน กทม ปรับตัวมาช่วงนึงแล้วนะครับ

โรงเรียนเอกชน เกรดธรรมดาไปล่าง เจ๊ง ไปหลายที่แล้วครับ สู้เจ้าใหญ่ไม่ได้

อัตราเด็กสมัครต่อปีลดลงจนไม่คุ้มค่าการดำเนินการที่จะเปิดโรงเรียนต้องตัวไปเอง


โรงเรียนเอกชน เกรดดัง ใน กทม หลายๆแห่ง ลดแป๊ะเจี๊ยะ รับนักเรียนระหว่างปีการศึกษาปกติจากที่อดีตไม่ค่อยรับ ปรับหลักสูตรเป็นนานาชาติเพื่อลดปริมาณเด็กต่อห้อง และ เพิ่มค่าเทอมต่อหัว


มหาวิทยาลัย หลายๆที่ไปลุยตลาดนักศึกษาต่างประเทศกันนานแล้ว


มันปรับกันไปเรื่อยๆหละ ถ้าคนที่ไม่มีลูกจะไม่ค่อยรู้ แต่มีลูกพอลูกเข้าเรียนสัก 3-4 ปีจะเห็นภาพเองว่า โรงเรียน แข่งกันดึงนักเรียนหนักจัดๆ ยิ่ง ม.ต้น-ม.ปลาย หลายๆที่กลัวเด็กหนีไปเรียนที่อื่นสุดๆ ต้องหาหลักสูตรมาดึงเด็กดึงผู้ปกครองตลอดเวลา

แล้วเด็กที่เกิดคือแบบ พ่อแม่ไม่พร้อมไม่รู้คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ด้วยนะ