ตามนี้แหละ

ประเด็นมันมีแค่ว่าในฐานะโรงพยาบาล/รัฐ คุณไม่สามารถประกาศอะไรที่มันเป็นการ discrimination แบบนี้ได้
ต่อให้จะมาแก้เก้อทีหลังว่าจริงๆก็รับนะ แต่หลักฐานเอกสารมันตำตา ยิ่งเป็นบันทึกราชการมีตราครุฑด้วย เป็นฟุตบอลก็คือชูเสื้อแล้วอะ จะมาแก้เก้อว่า อ๋อชูเสื้อเล่นๆงี้ก็ได้เหรอ

คนอื่นหลงประเด็นกันเยอะจนไม่น่าเชื่อ ไปโฟกัสกับแค่ทหารที่ส่งมารักษา

ถ้าลองอ่านข้อ 3 ในบันทึกอีกที เขาเขียนสั้นๆเลยว่า "ไม่รับผู้ป่วยใหม่ชาวกัมพูชา"
ซึ่่งเขียนแบบนี้เท่ากับไม่รับคนกัมพูชาทุกกรณี แล้วคนกัมพูชาแบ่งใหญ่ๆได้เป็น 3 กลุ่ม
1. คนกัมพูชาที่ไม่ได้อยู่ในไทยแต่ข้ามชายแดนมา อันนี้ไม่มีอยู่แล้วเพราะชายแดนปิด
2. คนกัมพูชาที่ทำงานอยู่ในไทย จะเข้าระบบประกันสังคมถูกต้อง หรือเป็นผีน้อยก็ไม่รู้ล่ะ
3. ทหารที่กัมพูชาขอส่งมารักษา

ประเด็นมันอยู่ที่ข้อ 2 กับ 3 แต่คนไปโฟกัสข้อ 3 กันหมด ทั้งที่จริงๆแล้วคนที่โดนกระทบจากประกาศนี้หนักที่สุดคือกลุ่ม 2


เทียบให้เห็นภาพอีกเคส
เคยได้ยินเรื่องบ.ยักษ์ใหญ่เลือกรับเด็กแค่บางมหาวิทยาลัย หหรือคัดแต่เด็กมหาวิทยาลัยชั้นนำไหมครับ
เรื่องแบบนี้มีจริง แต่เคยเห็น HR ลงประกาศรับสมัครงานโดยเขียน Qualification ว่ารับเฉพาะคนจบมหาวิทยาลัย A B C ไหมล่ะ
นี่แหละคือวิธีที่ถูกต้องถ้าจะทำ คือให้เป็นอันรู้กันหลังบ้าน แล้วก็หาเหตุผลบ่างเบี่ยงอะไรไปซะ ไม่ใช่มาประกาศอะไรที่มันขัดจรรยาบรรณแพทย์หรือสิทธิมนุษยชนกันโจ่งแจ้ง

โคตรดี วัดความเจริญของประชาชนได้ดี อยากประเทศพัฒนา หลักการไม่ควรทิ้ง แต่ต้องมีแนวทางเชิงป้องกันยังไงมากกว่า

ถ้ายึดหลักการง่ายๆไม่ได้ ใช้แต่อารมณ์นำหน้าทุกอย่าง แล้วจะไม่เลือกส้มอีกแล้ว ก็สมควรอยู่แบบเดิมกันไป

ผมไม่อินกะการที่ต้องไปรักษาคนที่มายิงเรา แต่จุดยืนการรักษาข้อตกลงระหว่างประเทศก็ตามนั้น

จะเอาหล่อไปถึงไหนจริงๆนะ เขามายึดของเคลมของเรายังจะไปดีกับเขา

กุละงึดความคิด ใช่อยู่ว่าเห็นคนเท่ากันแต่โฟกัสประเทศตัวเองก่อนไหม

บางทีอธิบายอะไรตามหลักการให้คนบางจำพวกไปก็เหมือนคุยกับหมากับแมวนะ ถ้าจะหาข้อตำหนิก็อาจจะเป็นเรื่องของไทม์มิ่งที่มันไม่ค่อยดี แต่ถ้าจะเอาตีนรื้อสนธิสัญญากูไม่เอาไม่อะไรทั้งนั้นอันนี้ไม่ใช่เรื่องตราบใดที่ไทยยังต้องคบค้าสมาคมกับประเทศอื่นๆทั่วโลกต่อให้มันไม่ถูกใจคุณก็ต้องกัดฟันทำไปจะหาข้อแม้อะไรก็อีกเรื่อง เรื่องนี้ต้องตำหนิโรงพยาบาลด้วยที่สร้างประเด็นคนเขมรมันเอาไปเล่นต่อ กลายเป็นสร้างภาระให้กต.ต้องทำคำชี้แจงไว้อีกถ้าเกิดมีคำถามขึ้นมา

เวลาคนประเทศอื่นบางคนบอกไทยล้าหลังนี่จะเป็นจะตายจะเอาทัวร์ไปลงให้ได้ แต่พอเรื่องที่มันเป็นสากลที่ชี้วัดความเจริญด้านจิตใจของคนในประเทศนี่จะไม่เอา ก็เลือกเอาว่าอยากอยู่ระดับเดียวกับเขมรหรือระดับเดียวกับชาติที่เจริญแล้ว

อยากรักษาพวกเขมร สส พรรคส้ม ไปรักษาเองไม๊
เริ่มจาก เอาเงินเดือนตัวเอง ก่อน เสียสละมั่ง

แล้ว ไอ้ สส พรรคส้ม นะ ไปแหกตาดูคลิปหมอพยาบาล ของโรงพยาบาลเค้าโพสต์ ดูหลายๆรอบ ให้ขึ้นสมอง
ให้สมองมันจำ ว่าเค้ารู้สึกกับ ทหารเขมรยังไง

เค้าต้องหนีตายยังไง โรงพยาบาลเค้าโดนกระสุนอะไรบ้าง

ไปโพสบอกให้เค้าต้องรักษาบลาๆๆๆๆ ตามอนุสัญญาเจนีวา
รักษาพ่อง สงสารหมอพยาบาลชิบหาย
มีพรรคการเมืองเวรๆแบบนี้ ไม่ได้สนใจจิตใจพวกเค้าเลย

1.เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับคนที่เขมรจะส่งตัวมาหาเราแยกกันก่อน คนละเรื่อง

2.การประกาศว่าไม่รับรักษามันผิดอนุสัญญา คุณจะปรับอะไรหน้างานก็อีกเรื่อง ไม่ใช่ประก่ศเป็นเอกสารราชการ มันเป็นหลักฐานได้

3.เรื่องที่ประกาศคือคนเขมรที่อยู่ในไทยล้วนๆ ยังไม่เกี่ยวกับคนที่เขาจะส่งเข้ามาใหม่ อันนั้นเราดูเคสบายเคสได้ เคสไหนเร่งด่วนถึงรับไม่ใช่รับหมด หรือไม่รับเลยแค่ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นด้วยสาเหตุอะไรก้ได้ ก็ไม่มีใครว่าอะไรได้

ถูกต้องแล้ว สนับสนุนการยืนบนหลักการความถูกตต้องครับ

1. โดยพรรคประชาชนอ้างสนธิสัญญาเจนีวา ภาค 2 ข้อ 12 สนธิสัญญา เจนีวา ที่พรรคประชาชนอ้าง ให้ดูข้อ 12 13

https://blogs.icrc.org/th/wp-content/uploads/sites/104/2017/06/GenevaConventions_2017_FInal1.pdf

แต่ในรายละเอียด ข้อ 12 ประโยคสำคัญระบุว่า จะต้องได้รับการปฏิบัติและรักษาพยาบาล... #โดยคู่พิพาทซึ่งตนตกอยู่ในอำนาจ

ข้อความที่ระบุนี้หมายถึงกรณีที่สู้รบกันแล้วพบทหารฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บ ป่วย เรามีหน้าที่อุ้มเขาไปรักษา ซึ่งตรงนี้ยังไม่เห็นว่าทหารไทยทำผิดสัญญาเจนีวาตรงไหน

2. สัญญานี้ภาค 2 ข้อ 13 ยังระบุอีกว่า บรรดาผู้บาดเจ็บและป่วยไข้ ที่ต้องดูแลรักษาตามสัญญา คือทหารในกองทัพ อาสาสมัคร บุคคลใดๆที่ทำงานกับกองทัพ และพลเรือนที่ถืออาวุธ

ไม่ได้ระบุว่า จะต้องดูแลรักษาพลเรือนทั่วไปของประเทศภาคีคู่พิพาท

สัญญาเจนีวาเป็นสัญญา สำหรับให้ทหารที่กำลังรบกันปฏิบัติต่อทหารฝ่ายตรงข้าม ไม่ได้กำหนดมาตรฐานมนุษยธรรมของพลเรือน

3. สนธิสัญญาเจนีวา ไม่ได้มีอำนาจในการบังคับโรงพยาบาลของพลเรือน

โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีเอกสิทธิ์ในการตัดสินใจ ออกกฎระเบียบต่างๆ เพื่อดูแลผู้ป่วยส่วนใหญ่ของตน ให้ได้รับการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุด

รายละเอียดในประกาศ 4 ข้อของโรงพยาบาล ระบุว่าจะงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา แต่ไม่ได้ระบุว่าหากเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน จะไม่รักษา หรือปฏิเสธหลักจรรยาบรรณของแพทย์

อย่าลืมว่าขนาดนี้ชายแดนไทย อยู่ในสภาวะการสู้รบ มีโอกาสที่จะมีทหารและประชาชนไทย ได้รับบาดเจ็บและอันตรายจากผลของสงคราม โดยเฉพาะเมื่อกัมพูชาเป็นผู้ละเมิดสนธิสัญญาเจนีวาเสียเอง การที่โรงพยาบาล สำรองพื้นที่ เพื่อดูแลผู้ป่วยชาวไทยและงดรับเคสผู้ป่วยทั่วไปใหม่ชาวต่างชาติก็เป็น สิทธิอันชอบธรรมของโรงพยาบาล

4. พรรคประชาชนได้อ้าง International humanitarian law. หรือที่เรียกว่า Law of war ว่าหากไม่รับการรักษาคนกัมพูชาแล้ว ไทยจะผิดกฎแห่งมนุษยธรรมระหว่างประเทศนี้ แล้วจะสร้างความเสียหายในเวทีระดับโลก

ชื่อของกฏนี้บอกอยู่แล้วเป็นกฎระหว่างการเกิดสงคราม เป้าหมายเพื่อให้กองทหารได้แยกแยะระหว่างพลรบกับพลเรือน

เมื่อไปสืบค้นในเว็บไซต์สภากาชาดสากล และสภากาชาดของประเทศชั้นนำในโลก รายละเอียดของกฏนี้ ส่วนใหญ่จะระบุว่า เป็นไปเพื่อควบคุมพฤติกรรมของฝ่ายต่างๆที่ใช้อาวุธ เมื่อความขัดแย้งได้เริ่มต้นขึ้น ไม่มีรายละเอียดใดของ กฎแห่งมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ที่ระบุว่า โรงพยาบาลของพลเรือนจะต้องทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยพลเรือนของประเทศคู่สงคราม

และแน่นอนกดนี้อ้างที่มาจากสนธิสัญญาเจนีวา ซึ่งได้เขียนอธิบายแล้วในข้อ 1-3
.......
ประเด็นการดูแลผู้ป่วย ทั้งทหารและพลเรือนกัมพูชา เกิดขึ้นเมื่อเว็บไซต Cambodianess รายงานว่า ผู้บัญชาการกองทัพภาค 4 ของกัมพูชา ได้ร้องขอต่อแม่ทัพภาค 2 จะนำทหารและพลเรือนที่บาดเจ็บข้ามมารักษาในไทย ซึ่งในการเจรจานั้นแม่ทัพภาค 2 ได้แจ้งว่าไม่สามารถตัดสินใจได้

ส่วนการที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกมาตรการควบคุมผู้ป่วยกัมพูชาและล่าม ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการร้องขอ ขอแม่ทัพภาค 4 ของกัมพูชาแต่อย่างได

ผมไม่เข้าใจพรรคประชาชน ทำไมถึงอ้างสนธิสัญญาเจนีวา ได้ผิดถึงขนาดนี้ และไม่ทราบว่าเคยนำเรื่องสนธิสัญญาเจนีวามาวิจารณ์ ผู้นำของประเทศกัมพูชา แค่ไหน

รายละเอียด กฏ International humanitarian law การชาดอังกฤษ

https://www.redcross.org.uk/about-us/what-we-do/protecting-people-in-armed-conflict/international-humanitarian-law

รายละเอียด กฏ International humanitarian law กาชาดสากล

https://www.icrc.org/en/document/what-international-humanitarian-law

อนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 : คุ้มครองพลเรือนในเขตสงคราม

ฉบับนี้เน้นคุ้มครอง ประชาชนพลเรือนที่อยู่ในพื้นที่ขัดแย้ง รวมถึงเขตยึดครอง สาระสำคัญ ได้แก่

ห้ามใช้ความรุนแรงต่อพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ
ห้ามทำลายทรัพย์สินโดยไม่มีเหตุทางทหาร
ต้องให้การดูแลเด็ก ผู้ป่วย หญิงมีครรภ์
ต้องปฏิบัติต่อพลเรือนอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ
ห้ามบังคับย้ายถิ่นหรือจับตัวเป็นตัวประกัน

มันก็เข้าอยู่นะกับอนุสัญญา ตอนนี้เขาอะผิดเต็มๆ ของเราอย่าไปทำผิดตาม

แต่มันจะส่งทหารเข้ามารักษายังไงล่ะครับ อีกอย่างคือ ไม่ได้มีอำนาจในการบังคับโรงพยาบาลของพลเรือน

ที่สำคัญอาจจะเป็นตัวชี้เป้าให้ยิงมาโรงพยาบาลอีก เรามีโรงพยาบาลเสียหายไม่น้อยนะครับ

เราต้องรักษาบุคลากรทางการแพทย์เราไว้ก่อน

ซึ่งพอไม่มีเขมรมารักษา โรงพยาบาลก็โล่ง หมอ พยาบาลก็ไม่เหนื่อย

แถมพวกนี้ เก็บเงินไม่ได้เยอะ

มันคนละเรื่องกันเลยครับ พวกที่เขาจะส่งมาเรารับหรือไม่รับก็ได้ตามความเหมาะสมและอาการฉุกเฉินจริงๆ เคสบายเคส

แต่การประกาศไม่รับรักษามันทำไม่ได้มันผิดทั้งจรรยาบรรณแพทย์ ทั้งอนุสัญญา แล้วประกาศเป็นหนังสือมันยิ่งเป็นหลักฐานว่าเราเลือกปฏิบัติ