ก็ถึงถามไง ว่าใครรู้อธิบายที ไม่ได้บอกว่าที่พิมพ์ไปนี่ถูก

อ่อ ครับผม

เรื่องเจนีวาใช้กับทุกสถานการณ์ครับ ข้อตกลงเรื่องนี้มาตั้งแต่ยุคก่อนสงครามโลกอีก

เราติดภาพเรื่องที่ว่าอยู่ในเขตเราเพราะสงครามโลก 1-2 มันเป็นการตีรุกเข้าพื้นที่ (โดยเฉพาะ WW2) ฉะนั้นเราจะคิดไปกันเองว่าข้อตกลงนี้คือพวกที่ตกอยู่หลังจากการถอยของแนวหน้า (คือเชลยศึกน่ะแหละ) แต่จริงๆคืออีกฝั่งสามารถส่งคนเข้ามารักษาได้ครับ

เพียงแต่กฎหมายเรื่องนี้เขาไม่ได้จำกัดเรื่องการแยกพื้นที่ออกมาสำหรับรักษาโดยเฉพาะ ที่อ้างกันเรื่องกลัวเขาส่งสายลับหรือคนมาศึกษาพื้นที่อะไรพวกนี้ เราสามารถไปตั้งแคมป์พยาบาลข้างนอกพื้นที่ได้ครับ ต่างประเทศเขาก็ใช้วิธีนี้กัน

งี้สมมติ อีกประเทศหน้าด้าน ส่งเคสมา แต่ไม่มีเงินจ่าย เราก็ต้องรับไว้รักษาถูกมั้ย บรรเทิงละงานนี้

กรณีที่เป็นข่าวแยกกับกรณีทางนั้นขอส่งตัวมารักษากับเรานะครับ กรณีนั้นเรายังไม่ได้เปิดด่านอยู่แล้ว เรายังไม่รับเข้ามาได้ไม่ได้ผิดอะไร ส้มก็ไม่ได้บอกให้รับเข้ามานะครับแยกกันก่อน

แต่ของเราที่มีปัญหาคือการไม่รับรักษาคนกัมพูชาที่อยู่ในประเทศเรา ซึ่งถ้าเราประกาศแบบนั้นมันไปขัดกับอนุสัญญาเจนีวา เข้าใจว่าคำว่าตกอยู่ในอำนาจคือบุคคลในอธิปไตยของเรานั่นแหละครับ

ส่วนคนที่ทางนั้นจะส่งมาหาเรา เราก็ส่งคนไปช่วยตามที่เห็นสมควรได้ในพื้นที่อื่นที่ไม่ใช่สถานพยาบาล ถ้าเป็นเคสเร่งด่วนจริงๆ

เป็นหมอไหมล่ะครับ ถ้าใช่จรรยาบรรณวิชาชีพมีก็ตามนั้น

30 บาทก็ด่าคนไข้ว่าใช้สิทธิ์เปลือง รักษาคนไข้ก็บอกว่าเขาไม่ยอมจ่ายตัง

สรุปตอนกรอกใบสมัครสอบแพทย์กับตอนสาบานตนนี่ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะทำงานแบบนี้รึ?

ไม่ได้บอกว่าต้องกัดเกลือกิน แต่ถ้าท่านอยู่ในสายอาชีพนี้แล้วท่านเอาตัวเองออกไม่ได้ก็ทำไปครับ
เอาตัวเองออกไปได้ จะไปนั่งห้องแอร์โรงพยาบาลใหญ่ๆกินเงินเดือนถอยเบนซ์ได้รายเดือนก็ทำให้ได้ครับ

พูดในฐานะคนมีน้องสาวเรียนหมอเนี่ยแหละ เจอมาหมดละทุกชนชาติ ใช้สิทธิ์ราชการ สิทธิ์ 30 บาท สิทธิ์เหวอะไรแทบจะไม่มีตังแดกตกเบิกมาเป็นเดือนๆ แต่ก็ต้องทำเพราะมันคือวิชาชีพมัน
ผมบอกมันอดทนไป ใช้ทุนหมดมุงหาโรงพยาบาลดีๆแดกเงินเดือนเยอะๆเอาคืนไป แค่นั้นเอง

อ่อ อันนี้ชัดเจน ดูปฏิบัติตามได้ ขอบคุณครับ

ช่วงนี้ส้มก็ยับหน่อย
กระแสคลั่งชาติกำลังมา คนแม่งเสียสติกันอยู่