ทรัมป์นี่ต้องบอกว่าเป็นประธานาธิบดีแห่งสีสันจริง ๆ

ตั้งแต่แกขึ้นตำแหน่งมา ตามมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงคราม หรือว่าเรื่องภาษี

ซึ่งเรื่องภาษีเองก็เป็นเรื่องที่เกือบทุกประเทศจับตามอง

แรก ๆ เรียกว่าหุนหันพลันแล่น รีบประกาศขึ้นภาษีไป ไม่ได้เตรียมพร้อมไว้ว่าราคาสินค้าในประเทศจะเพิ่ม ต้องแก้เก้อสั่งชะลอไว้ แล้วหาทางแก้

ตอนนี้เตรียมตัวพร้อมแล้ว แกก็เอาจริง

และอย่างหลาย ๆ กระทู้ที่ผมเคยตอบเอาไว้ว่า ประเทศที่เรากำลังพูดถึงอยู่คือเมกา คือประเทศที่ขาดดุลการค้ากับเกือบทุกประเทศของโลก ประเทศที่กำลังต่อรองสูงปรี๊ด

ทีนี้ลองมาคิดตามนะครับ ในระหว่างที่ประเทศอื่นที่ยังเจรจาไม่สำเร็จโดนภาษีขั้นสุด คิดว่าคนในประเทศเมกาเขาจะต้องใช้สินค้าจากประเทศไหน

แน่นอนครับต้องใช้ของประเทศที่เขารีบเข้าไปคุย และ ประเทศพวกนี้แหละที่จะได้ครองหัวหาดในสินค้าแต่ละชนิดก่อนใคร

ซึ่งหลาย ๆ ประเทศอ่านเกมออก รีบเข้าไปหมอบการ์ด ยอมตามข้อเรียกร้องของเมกา คนเข้าก่อนก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไปก่อน (ย้ำนะครับประเทศที่ขาดดุลกับเกือบทุกประเทศบนโลกต้องมาใช้สินค้าของคุณเป็นหลัก ลองคิดถึงผลประโยชน์สิครับ)

ทีนี้พอมีหลาย ประเทศที่อ่านเกมออกและยอม ประเทศอื่นเดี๋ยวก็ต้องยอมตาม ๆ กันไป เป็นเรื่องปกติ

สุดท้ายมันก็เข้าแผนของทรัมป์ ที่รู้ตัวดีว่าเขามีอะไร และ เล่นตามแผน ทั้งที่ตอนแรก ๆ ใคร ๆ ก็หัวเราะเยาะทรัมป์ว่าทำไปก็เข้าตัวเมกา ตอนนี้เห็นค่อนข้างชัดว่าเมกาจะได้ประโยชน์

และพอหันกลับมามองเรา ก็ได้แต่คิดว่า ต้องรออีกเมื่อไหร่นะ ถึงจะเจรจาสำเร็จสักที เราจะไม่มีจุดเด่นตรงไหนหรือจะไม่ฉกฉวยอะไรเลยเหรอ

ผมไม่เห็นเลยว่าประเทศไทยจะมีจุดเด่นอะไรไปต่อรอง ขายข้าวก็แพ้อินเดีย ขายเทคโนโลยี?? ไม่มีไม่เคยคิดจะทำ ท่องเที่ยวหรอ ??

ผมเห็นด้วยนะว่าเราไม่มีจุดเด่นจริง ๆ

แต่ก็นั่นล่ะครับ หน้าที่ของรัฐบาลคือถ้าเราไม่มีจุดเด่นก็ต้องมีแผน ถ้าไม่มีของก็ต้องขายเป็นฝัน

มันต้องเป็นการวาดแผนในอนาคตแล้วก็เสนอ ให้เขาเห็นว่ามาเข้าร่วมกับเราจะมีดียังไง ทำไมต้องลดภาษีให้เรา

ซึ่งก็นั่นแหละครับ นอกจากไม่มีของแล้วเราก็ไม่มีแผน มันก็น่าเซ็งจริง ๆ นี่แหละครับ

อ่านผ่านๆ ไม่แน่ใจนะครับ....
เหมือนจะใช้การท่องเที่ยว บวกกับ เงินดิจิทัล
ไปในการขอลดภาษีนะครับ ยังไม่รวมบางส่วนที่เสนอไปก่อนหน้านี้แล้ว

แค่รองนายก บอกว่า อยากให้มัน 0 แล่ะ หรือเทียบเท่าเวียดนามที่ 20

ปอลิง. รอผู้รู้มาตอบอีกทีละกัน

ก่อกำแพงภาษีไว้เผื่อกระตุ้นให้่มีโรงงานผลิตสินค้า made in USA แล้วก็ส่งออกไปประเทศที่ยอมเปิดรับสินค้า USA ไม่มีภาษีนำเข้าแล้ว

แต่โรงงานผลิตสินค้า made in USA พร้อมเมื่อไรละ

ส่วนตัวไม่ชอบทรัมป์ แต่นโยบายภาษีมันทำให้เกิดผลประโยชน์สินค้า made in USA ที่ผมเดิมก็ซื้ออยู่แล้ว ได้ผลประโยชน์ ผลประโยชน์มากองตรงหน้า จะรออะไรครับ ช้อนสิ

ท่องเที่ยว ส่งออก แรงงาน

ส่วนเทคโน อันนี้ตราบใดคนไทยยังขี้เหยียดก็ยากหน่อย สมองไหลหมดอ่ะครับ เพราะทำในไทยแล้วโดนเหยียด พอทำในต่างประเทศบอก คนเก่งอยู่ไทยไม่ได้

แต่ตอนนี้ท่องเที่ยว ลูกค้าหลักๆคือจีนหายไป 50/50 ลูกค้าหรั่ง เกรดต่ำลง ส่วนมากมาปุ้น

ส่งออก พวกอาหารแช่แข็งบางอย่างก็ยังดี และจะมีผลกระทบก็ต่อเมื่อภาษีพุ่ง พวกผลไม้อะไรงี้ทางเลือกมีอีกเยอะ ที่ราคาดีกว่า

แรงงาน มุมมองนักลงทุน เขาไปเวียดนามอินโดกัน

รุ่นผมอ่ะทนอีกสัก 4-5 สมัยก็ไม่อยากอยู่แล้วตอนนี้หาทางเก็บงานลงทุนคละๆกันไป แต่ที่แน่ๆ ไม่น่าอดตายมั้ง

เรื่องภาษีนี้โคตรน่ากลัวเลยครับในอนาตค บีบญี่ปุ่นให้ลงทุนในอเมริกาซะขนาดนั้น ไหนจะบีบประเทศเล็กๆเป็นภาษี0%อีก

สมมุตินะครับ พวกบริษัทรถยนต์ในญี่ปุ่นไปลงทุนในอเมริกาทั้งหมดและส่งออกทั่วโลกแทน รถยนต์อเมริกาน่าจะถูกที่สุดในโลกนะครับ เพราะภาษีนำเข้าเป็น0% สรรพสามิตเป็น0% ภาษีอื่นๆเป็น0% บริษัทรถในไทยแทบจะจบเลยนะ

และบริษัทโรงงานต่างๆน่าจะลงทุนในอเมริกาเยอะขึ้นเพราะสามารถส่งออกทั่วโลกเป็น0% แถมขายในอเมริกาเป็น0%อีกต่างหาก โรงงานสมัยใหม่ของจีนใช้คนน้อยมากใช้เครื่องจักรและโรบอทเยอะ เทคของอเมริกาน่าจะดีกว่าของจีนซะอีก ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าแรงแพงเลย

ผมว่าทรัมป์มันคงรอให้ผู้นำสูงสุดของเราไปเจรจาด้วยตัวเองหล่ะมั้ง เห็นประเทศต่างๆที่เค้าดิวได้ ผู้นำเค้าก็ไปอเมริกาทั้งนั้น ในส่วนของประเทศเราผู้นำยังไม่ได้ไปอเมริกาเลย มันเลยดูเหมือนไม่ให้เกียรติด้วยหรือเปล่า แล้วส่งจดหมายมา2ฉบับ ผู้นำต้องไปทั้ง 2คนไหมนะ

พวกประเทศที่เจรจาสำเร็จยกเว้นจีน คือ ประเทศที่อเมริกามองให้ความสำคัญมากกว่าไทยทั้งนั้นในด้านทำเล