ไม่เคยครับ แต่อยากร่วมแชร์ประสบการณ์ทำให้ผมไม่ประมาทเรื่องเงินเลย
สมัยปี 40 ตัวผมยังเรียนประถม
จำได้ว่าสมัยนั้น ก็น่าจะสบายๆ ที่บ้าน เพิ่งซื้อบ้าน มีรถ ที่ทำงานพ่อกำลังขยายกิจการ เปิดสาขาเพิ่ม ที่บ้านได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปทานข้าวนอกบ้าน เรื่อยๆ ไปโรงเรียนนั่งรถส่วนตัว ไม่ก็นั่งสามล้อ แท็กซี่ไป

พอวิกฤตเกิดขึ้น เริ่มรู้สึกว่า สิ่งต่างๆเปลี่ยนไป รถไม่อยู่ ที่ทำงานพ่อปิดสาขา ข้าวของในบ้านก็ปล่อยขายบ้าง ไม่มีไปเที่ยว ไม่มีไปทานนอกบ้าน ไม่มีแม้กระทั่งทีวีให้ดู ตอนนั้นเด็กๆจำได้ว่างอแงไม่ได้ดูการ์ตูน กับต้องเดินไปโรงเรียนแทน เหงื่ออย่างเปียก ใช้ชุดนักเรียนตัวเดิมมาแก้ มาปัก

แต่พอโตขึ้นก็เลยเริ่มเข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร

ที่บ้านเลยให้ความสำคัญมากๆเรื่องการใช้เงิน
ตัวผมเองเริ่มทำงานก็ตั้งเป้าชัดเจน ตัดส่วนนึงเก็บ ส่วนใช้
และก็ติดนิสัยมาจนถึงทุกวันนี้
ของใช้ ของกิน เลือกให้เหมาะ
ไม่ติดหรู ใช้ให้คุ้ม อะไรยังใช้ได้ก็ยังไม่เปลี่ยน
มีไม่พอก็ยังไม่ซื้อ ยอมให้เกิดหนี้แค่อย่างเดียว คือ บ้าน
นอกนั้นไม่ให้เป็นหนี้ บางรายการผ่อนจ่ายบ้าง แต่คือต้องเก็บเงินให้ถึงก่อนแล้วค่อยซื้อ แบบผ่อนไม่ให้เงินหายเป็นก้อน
ืื

ไม่ค่อยติดเที่ยวเมืองนอก
ไม่ติดแบรนด่เนม
ไม่ติดเหล้า บุหรี่
อาจจะเหลือฟุ้มเฟือยไว้อย่างนึง ติดอ่าง (ยอมจริงๆ มีครอบครัวแล้ว แต่แบบแฟนไม่ชอบเรื่องนี้ ไม่ยอมเลย ก็เลยต้องแบ่งงบไว้ จัดการตัวเองบ้าง)

ตอนนี้แหละคิดเติมเกมกำลังเลิกละพรี่โคออกมา
เกลือกมาก

ไม่เคย โดยเฉพาะบัตรเครดิต ต่อให้เดือนนั้นรูดเยอะขนาดไหนพอบิลมา ยอมจ่ายเต็มตลอด

เคยครับ เดอืนชนเดือนช่วงเริ่มทำงานใหม่ๆ ใช้กันยับรูดได้รูด
จนวันที่ตังไม่พอใช้และติดบูโรไปเพราะหมุนไม่ทัน (แต่ผมไม่ได้กูนอกระบบ)
และหน้าบางเกินจะขอความช่วยเหลือจากใคร เหลือเงินใช้วันละหลักสิบ

ผมแก้ที่ตนเองนะ ทำงานแบบแทบไม่มีวันหยุด2ปีได้มั้งปิดจนหมดยอดประมาณ 200K
หลังจากนั้นมาไม่มีปัญหานั้นอีก เงิรออม+ลงทุนอย่างน้อยต้อง 20%ของรายได้ทุกเดือน

เอ่อ จากที่ท่านเม้นมา มันขัดๆกับที่ผมจำความได้เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์การเปย์หมีและริมสระของท่านเหลือเกิน
ท่านแบ่งเงินไปปรนเปรอเยอะขนาดนั้น รึจริงๆแล้วเรทราคามันไม่ได้แพงอย่างที่คิดกันแน่นะคับ55

ตีหม้อถ้ามีตังก็ 7000-10000 ไม่มี 3500 เที่ยวริมสระค่าห้อง 7000-10000 ไม่มีตังก็ไป4000-6000 เอาจริงๆผมเอาเงินพวกนี้ไปผ่อนบ้านได้ แต่ไม่รู้จะผ่อนทำไมเอามากินเที่ยวดีกว่า เพราะ
คอม ทีวี เครื่องครัวมันก็อันเดิมแค่มีบ้านครอบทับ แถมซื้อบ้านก็ต้องรีโนเวททุก5ปี10ปีย้ายไปเช่าที่ใหม่ดีกว่าไม่ต้องเครียดเป็นหนี้10 20ปีด้วย

ได้ข้อสรุปคือ priority ท่านชัดเจนว่าปรนเปรอตนเองครับ ยอมใจจริงๆ แน่วแน่ดีมาก

ไม่เคยเป็นแบบนี้ครับ เคยแต่ใช้เดือนชนเดือนช่วงจบใหม่ๆ คือหางานได้ที่ไหนก็เอาเลย ตอนนั้นก็ประหยัดๆ จนชีวิตดีขึ้น เพิ่งมาเริ่มมีบัตรเครดิตตอน 3 ปีที่แล้วเอง แต่ก็จ่ายเต็มตลอด เพราะเจอคนใกล้ตัวชีวิตเป๋เพราะบัตรเครดิตนี่แหละ เลยเป็นอุทาหรณ์ให้ชั้นดีให้ผมเลย

ผมไม่แน่ใจกระแสเศรษฐกิจและการอนุมัติจากธนาคารในปัจจุบันนะครับ

แต่จากที่เคยอยู่ในวังวน คือเมื่อก่อนก็จะเริ่มแค่ใบเดียว วงเงินเล็กๆ การใช้วงเงินและการหมุนเงินจ่าย ทำให้ขยายวงเงินเพิ่มได้ง่าย และเมื่อวงเงินบัตรแรกสูง ไม่ว่าจะมีหนี้ค้างหรือเปล่า เมื่อก่อนสามารถอ้างอิงวงเงินจากธนาคารอื่นได้ ราวๆ 4-5 ใบแรกจะอนุมัติง่ายมาก รวมถึงสินเชื่อบุคคลวงเงินแรกๆด้วย ได้ง่ายและวงเงินสูง

หลังจากนั้นก็แล้วแต่สภาพและเหตุผลของแต่ละคนครับ อย่างของผมเอาไปโปะความเสียหายจากการรับงานฟรีแลนซ์ ยอดหนี้สูงกว่านี้นิดหน่อย ส่วนรายได้ก็ใกล้เคียง บางคนก็เพลินกับชีวิตเกินตัว แล้วแต่เหตุผลคน และที่เห็นบ่อยในเคสแบบนี้บางคนใช้วิธีสร้างหนี้ทับเพื่อไปจ่ายบัตรซึ่งทำให้หนี้ซ้ำซ้อนหนักขึ้นไปอีก เป็นวิธีที่ไม่ควรทำ ส่วนตัวดิ้นรนแก้/เจรจา/กัดฟันจ่ายหนี้อยู่หลายปี
ปัจจุบันปลอดทั้งหนี้ และไม่มีทั้งเครดิตครับ ธนาคารไม่อนุมัติโดยสิ้นเชิง แม้จะปลอดหนี้และเครดิตบูโรเป็น 0 มาเกือบสิบปีแล้ว

รองจากหนี้นอกระบบ ก็วังวนบัตรเครดิตนี่ล่ะครับ

เคยแต่หน้ามืด เพราะหายใจไม่ทัน

นั่นละฮะที่สงสัย

ผมเข้าใจเชิงคุณ Noel นะ

เหมือนตอนรูดนี่จากในภาพคือ รูดอะไรปานนั้น แถมหลายใบด้วย

ผมงงนิดครับถ้าท่านมีเงิน 4 เท่าของบ้านค่อยซื้อผ่าน ทำไมต้องเครียดเป็นหนี้ 10 20 ปีครับ

4เท่าคือจะซื้อสดครับ แต่ที่พูดถึงตอนหลังคือซื้อผ่อนครับแบบยังไม่มีเงิน4เท่าซื้อเหมือนที่เค้าซื้อกัน

บางคน(เยอะมาก)ไม่ได้ตายเพราะแค่รูดใช้ครับ แต่ตายเพราะเอาก้อนแรกมาแบบไม่มีปัญญาจ่าย
แล้วหลังจากนั้นก็ไม่คิดต่อ สมัครเพิ่มเพื่อใช้ต่อและหมุนมาจ่าย โดยคิดแค่ว่ามันยังสมัครได้ จากนั้นก็ทบๆๆๆเข้าไปเรื่อยๆจนยอดจ่ายขั้นต่ำเกินตัว ทีนี้ละบรรลัยเกิดครับ

ที่ผ่านตากว่าครึ่งเลย เริ่มจากก้อนหนี้จริงๆแค่บัตรใบเดียว ยอดก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงมากนัก แล้วงอกมาเพื่อแค่หมุนมาจ่ายหนี้เฉยๆ ซึ่งดอกสูงกว่าอีก และทำโดยไม่อัดเงินเข้าระบบใช้หนี้อย่างจริงจัง คิดแค่ยังกดบัตรมาจ่ายได้ หนี้เลยทบจนทับเจ้าของบัตรครับ