‘บิ๊กเต่า’ จัดหนัก! ฟาดสำนักพุทธฯ มีหลักฐานเยอะ แต่ไม่ทำอะไร แถมช่วยเหลือพรรคพวก ที่ผ่านมาร่วมงานทุกครั้ง ล้มเหลวตลอด

วันที่ 16 ก.ค.68 พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากรณีเรื่องเสพเมถุน เรื่องทำผิดวินัยสงฆ์ รวมทั้งคนภายนอกที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับพระ ไม่ถูกต้องและไม่ได้รับการแก้ไขให้มันถูกต้องตามระเบียบและวิธีปฏิบัติ

ส่วนตัวมองว่า เรื่องจะปล่อยให้สำนักพุทธฯ ทำไปฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะว่า “สำนักพุทธฯ ก็เรียนเปรียญธรรมจากพระทั้งหมด ก็ต่างมีคอนเน็คชั่นกัน เป็นพวก เป็นเพื่อนกัน เกิดเหตุขึ้นมาก็ช่วยเหลือกัน ซึ่งเรื่องแบบนี้แก้ไขไม่ได้ ต้องให้คนนอกขึ้นมาร่วมแก้ไข ดังนั้นข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดของสำนักพุทธฯ ที่วางใต้โต๊ะ จะต้องเอาขึ้นมาวางบนโต๊ะให้หมด เนื่องจากฝีระเบิดแล้วก็ต้องจริงใจในการแก้ปัญหา

สิ่งหนึ่งที่สำนักพุทธฯ ต้องทำคือ มาร่วมมือกับกองปราบ และตนเองไม่ได้ปรามาสสำนักพุทธฯ แต่ทุกครั้งที่ร่วมงานกับสำนักพุทธ คือความล้มเหลว ทำให้ตำรวจเหนื่อยมากขึ้น ต้องมีการสังคายนาสำนักพุทธฯ และวัดด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การกล่าวเช่นนี้ มองว่าสำนักพุทธฯ บ่อนทำลายศาสนาหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตนเองไม่ได้ว่าบอกว่าเป็นการบ่อนทำลาย แต่ว่าสำนักพุทธมีแนวทางที่ไม่เข้มงวดกวดขัน เป็นการกลบปัญหาเอาไว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องยังคับใช้กฏหมาย ถึงจะเดินหน้าต่อไปได้ จะปล่อยให้มันเป็นมะเร็งร้าย และลุกลามบานปลายจนคนไม่เข้าวัด ไม่ทำบุญก็คงไม่ใช่ จนเสื่อมแบบนี้ ดังนั้นสำนักพุทธจะต้องแสดงความจริงใจอย่างมากในการที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้

ส่วนที่สำนักพุทธฯ ระบุว่าหลักฐาน ‘พระปวรเมธี’ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ยังไม่เพียงพอต่อการลาสิกขา ยังเป็นเพียงอาบัติสังฆาทิเสส สามารถออกจากอาบัติได้โดยเข้าปริวาสกรรมนั้น ตนยืนยันว่า สิ่งที่สำนักพุทธมี กับตำรวจมีนั้น แตกต่างกัน แต่เชื่อว่าสำนักพุทธมีหลักฐานมากกว่า ซึ่งตำรวจมีข้อมูลยืนยันว่า พฤติกรรมของพระวัดประยุรฯ ผิดวินัยสงฆ์ชัดเจน ซึ่งพรุ่งนี้มีการประชุมร่วมกัน และเราจะชี้ให้เห็น ว่ามันเน่าเฟะตรงไหน และมีผลประโยชน์ร่วมกันหรือไม่

พร้อมยืนยันว่า สำนักพุทธฯ มีเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติดีจำนวนมาก แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ที่กระทำผิด ดังนั้นเรื่องนี้จะต้องมีการแก้ปัญหากันอย่างจริงจัง

https://www.facebook.com/share/16mHF7NbDQ/

มันแตะต้องได้ที่ไหนวงการนี้ แตะนิดแตะหน่อยดราม่า มาละใครจะอยากยุ่ง

สำนักพุทธฯ ก็เหมือนสภาวิชาชีพ มีหน้าที่ปกป้องซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าเคสไหนมีมูลชี้มาก็ตรวจสอบ
เอาง่ายๆคือทำงานเป็น Passive

สังคมไทยเองด้วยที่ไม่ยอมชี้มูลพระผู้ใหญ่ คนที่ควรทำก็ไม่ยอมทำ มันถึงเละเทะมาอย่างทุกวันนี้
ส่วนตัวคิดว่า พระก็เป็นอาชีพหนึ่งไปแล้ว การกระทำผิดคสรมีการตรวจสอบได้ง่ายกว่านี้

อันนี้เห็นด้วย จะทำหนังยังโดนเซนแล้วเซนอีก

จัดให้หนักๆสักทีเถอะ องค์กรที่ควรจะต้องรักษา และทนุบำรุงศาสนาแต่ใส้ใน โคตรเละ

แหม่วงการนี้ก็หัวคะแนนดีๆนี่เอง

กระดูกเหล็กแห่งกองทัพธรรมก็ไม่ค่อยฮึกเฮิมเท่าไหร่เคสนี้ ได้แค่โพสเบาๆผ่านโซเชียล แต่ที่แปลกคือเคสนี้เล่นหลายวันมากส่วนเคสวัดไร่ขิงทำไมเงียบไปแล้ว ยังไม่เห็นเอาผิดใครได้เลยเคสนั้น

เอาเวลาไปโวยวาย ไปแบนขนมทรงพระเครื่องอยู่ แต่ละเรื่องสาระชิบหาย

องค์กรที่หากินกับความเชื่อ หากินกับศาสนาของแท้

ที่ดูมาสำนักพุทธประมาณมัคทายกอ่ะ คอยจัดการงานสนองงานทางโลกให้มหาเถรสมาคม

มหาเถรสมาคมจะคล้ายสภาวิชาชีพ

และแน่นอนไม่มีมัคทายกวัดไหนใหญ่กว่าเจ้าอาวาส

แล้วพวกพระผู้ใหญ่ก็เลียมหาเถระทั้งนั้นด้วยน่ะสิ

ทีไอ้พวกปัญญาอ่อนอย่างทำขนมรูปเศียรพระมึงทำไมอ่อนไหวง่ายกันจังวะ

เอาหลักฐานที่มีไปโหนกระแสเลย

พระที่มียศกลายเป็นพนักงานรัฐรูปแบบหนึ่งนี่แหละ

พระมีลดยศ เพิ่มยศ ด้วย ทุเรศจัดมีไปทำไม