จากมู้ที่ตั้งไปเมื่อกี้ ที่ว่าอยากให้ครูสอนอย่างเดียวเพื่อให้สอนได้เต็มที่เราจะวัดผลยังไงว่าครูสอนเต็มที่ไหม พัฒนาตัวเองไหม

ถ้าให้ครูทำงานอื่นเช่นการเงิน พัสดุ อยู่เวร อาหารกลางวัน งานช่าง ภาครัฐจะได้ผลประโยชน์ชัดเจนเลยคือประหยัดเงินค่าจ้าง คนทำงานในส่วนพวกนี้ไปได้

แต่ถ้าให้ครูทำงานด้านสอนอย่างเดียวโดยอ้างว่าครูจะได้มีเวลาพัฒนาตัวเอง มีเวลาสอนเด็กเต็มที่ เราจะใช้อะไรวัดผลตรงนี้ว่าครูไปพัฒนาความรู้จริง ครูสอนเต็มที่จริง พูดง่ายๆซะว่า เราจะรู้ได้ไงว่าภาครัฐได้ประโยชน์อะไไรจากการทำแบบนี้

และในบางโรงเรียนที่เห็นมาครูบางคนที่พออายุเยอะขึ้นไม่ได้ทำพัสดุ การเงินแล้ว เพราะโยนให้ครูบรรจุใหม่ทำ ครูพวกนี้ก็ไม่ได้ตั้งใจสอนขึ้น ไม่ได้พัฒนาตัวเองอะไร ขึ้นเลยนะ ครูพวกนี้กลับสบายขึ้นด้วยซ้ำคุณจะแก้ปัญหาตรงนี้ยังไงครับว่าครู
ปล.แค่มาถามแนวทางก็กดเรื้อนแล้ว

งอแงถึงกับมาตั้งอีกมู้เลยหรอจัฟ

อ้าวมาไม่ทัน

เห็นคนอื่นเห็นใจคนอื่นแล้วผื่นขึ้นเรอะ

ก็ตั้งมาเรียกเรื้อนซะขนาดนั้น 555

อ่ะ ตั้งใจตอบหน่อย เหมือนท่านไปสมัครงาน JD เค้าบอกทำแค่นี้

แต่ทำจริงให้ท่านควบหน้าที่อื่น ที่ท่านไม่มีความรู้ความถนัดมากพอ และเสี่ยงถึงติดคุกได้

ก็ประมาณนั้นแหละ จะมาอ้างว่ารัฐได้ประโยชน์ เพราะประหยัดค่าจ้าง มันไม่ได้

รัฐได้ประโยชน์ ในขณะที่ครูเสียประโยชน์เนี่ยนะ

เอาเถอะ รู้ว่าตั้งใจตอบไป ก็คงไม่ได้สนใจอะไรหรอก 555555

กูไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนแกล้งโง่ที่โง่จริงได้ขนาดนี้

ครูมีหยุดปิดเทอม

สิ่งที่ระบบต้องให้คือ

1 ครูไปอบรมเพิ่มเติมทักษะความรู้
2 ครูสอนให้สอดคล้องความรู้กลาง
3 การออกข้อสอบไปข้อสอบกลางทั้งประเทศ
4 ผลคะแนนเกณฑ์เดียวทั้งประเทศ


ใช้ผลคะแนนสอบเด็กออกมาวัดผลว่า ครูจากท้องถิ่นใดสร้างเด็กเก่งขึ้นมาได้

ส่วนกลางก็ค่อยไปเติมในทิ้งถิ่นที่ความรู้บกพร่อง
1 เด็กอ่อน
2 ครูอ่อน
3 ทั้งครู-ทั้งเด็กอ่อน

ถ้าคะแนนเด็กเฉลี่ยทุกวิชา ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเด็กทั้งประเทศ
ให้ประเมิณว่าเด็กอ่อน

ถ้าคะแนนเฉลี่ยเด็กสูงทุกวิชา แล้วมีบางวิชาเด็กคะแนนอ่อน
และครูไม่ได้ไปอบรมเพิ่มเติม หรือไม่มีการทำเล่มพัฒนาปรับปรุงการสอน
ให้ประเมิณว่าครูบางวิชาอ่อน

ถ้าคะแนนเด็กเฉลี่ยทุกวิชา ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเด็กทั้งประเทศติดต่อกัน 2 ปี
และครูไม่ได้ไปอบรมเพิ่มเติม หรือไม่มีการทำเล่มพัฒนาปรับปรุงการสอน
ให้ประเมิณว่าอ่อนคู่

แล้วเป็นอะไรไม่คุยในมู้เดิมวะครับ?


KPI มันก็ต้องปรับปรุงให้เอามาใช้งานได้ จะวัดประสิทธิภาพครูมันก็ต้องใช้สถิติมาเป็นตัวชี้วัด


หน้าที่ของโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน คือควบคุมคุณภาพของครูเหล่านี้ด้วยการประเมินผล ก็แล้วแต่โรงเรียนว่าต้องการอะไรจากครู ก็ตั้งไปตามๆนั้น


ในเคสนี้ก็ควรจะออกมาเป็น KPI จากกระทรวงการศึกษา หากเข้าหลักสูตรการสอนของประเทศไทยได้ ก็ต้องควบคุม KPI ของบุคลากรให้ได้อยู่ในมาตรฐาน


ให้ร่ายทั้งวันก็ไม่จบ เพราะปัญหามันฝังรากลึกลงไปในกระทรวงการศึกษา และการผลิตบุคลากร ไม่ใช่แค่แต่ละโรงเรียน


ตอนนี้เท่าที่เข้าใจคือ อาชีพครู คืออาชีพราชาการทางเลือกรองของคนที่สอบไม่ผ่านจากที่อื่น คุณสมบัติค่อนข้างด้อยกว่าวิชาชีพเฉพาะทางอื่นๆอยู่เยอะ ถ้าไม่เริ่มปรับที่การผลิตบุคลากร ความสามารถของอาชีพนี้มันก็จะน้อยลงไปในทุกๆเจเนอเรชั่น

กลับไปตั้งมู้เรื่องเดิมๆที่ถนัดดีกว่างับบ