อย่างที่ทุกคนรู้ดีฟีฟ่าของ Gianni Infantino กำลังซัดกับยูฟ่าของ Aleksander Čeferin ตรงนี้ไม่ต้องขยายความอะไร
แต่ขยายภาพรวมว่าตัวละครมีใครบ้าง แล้วใครซัดกับใคร ใครได้ ใครเสียผลประโยชน์อะไรยังไง

ซาอุ:
ซาอุเป็นพันธมิตรกับฟีฟ่าแบบชัดเจน ชัดเจนขนาดที่ว่าบอลโลกปี34 ฟีฟ่าปรับเวลาเด้ดไลน์ให้ประเทศที่จะยื่นเสนอประเทศอื่นยื่นไม่ทัน มีแคนดิเดทผู้จัดแค่ซาอุประเทศเดียว
แต่ซาอุก็เคยมีความพยายามขอไปแจมแข่งยูฟ่า แต่ Čeferin ก็ออกมาปฏิเสธทันที โดยให้เหตุผลว่าแชมเปี้ยนลีกก็ต้องแข่งที่ยุโรปเท่านั้น
ไม่เหมือนเคสคาซัคสถานที่อยู่ใกล้กับยุโรป หรืออิสราเอลที่ติดข้อจำกัดทางการเมือง
แต่อีกเหตุผลนึงคือไม่อยากให้แบ็คหลักของฟีฟ่าเข้ามามีบทบาทกับยูฟ่าโดยตรง ปิดช่องการมีอำนาจของซาอุในบ้านของยูฟ่าเอง

ซาอุต้องการใช้ sportswashing เพื่อเป็นการปรับภาพลักษณ์ของประเทศ และดำเนินการตามนโยบาย Saudi Vision 2030 ที่หาอะไรมาขายแทนน้ำมัน
ตัวอย่างที่ชัดเจนก็ ตอนปี 2023 จัด club world cupไปแล้ว เดี๋ยวก็จะมี asian cup2027
นอกจากฟุตบอลแล้ว ซาอุลงทุนกับกีฬาอื่นๆด้วย เช่น F1 ที่ก็มีจัดแข่งเหมือนกัน (สนามเจดดาห์ ได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากรัฐบาลซาอุ)
แถมมีลือว่ากำลังล็อบบี้โอลิมปิก2036 กับ club world cup ฟอร์แมทใหม่รอบหน้า 2029 เช่นกัน
เสริมนิด DAZN ที่เป็นแพลตฟอร์มถ่ายทอด club world cup ก็มีหุ้นของ pif กลุ่มทุนของซาอุ

เมกา:
ในวงการฟุตบอลใครๆก็รู้ว่าเมกาคือเหมืองทองที่ยังไม่มีใครขุดได้ลึกพอ และในยุคของทรัมป์ภาพมันชัดเจนมากว่าตอนนี้กำลังหนุนหลังฟีฟ่าเต็มสูบ
ทรัมป์ให้ฟีฟ่าเช่าสำนักงานในตึก Trump Tower เป็นสำนักงานฟีฟ่าแบบฟรีๆ แถม Infantino ก็ให้ความสำคัญกับทรัมป์มาก ถึงขนาดยอมเข้าร่วมประชุมสภาฟีฟ่าสาย เพราะมัวไปอยู่กับทรัมป์
โดยประชุมวันแรกเปลี่ยนไปจัดแบบออนไลน์ วันที่สองประธานฟีฟ่าเองดันมาสาย จนฝั่งยูฟ่าเองถึงกับออกจากห้องประชุมไปเลย ไม่รอ
แล้วฝั่งเมกาเองได้อะไร ทรัมป์เองก็รู้ดีว่าฟุตบอลคือกีฬาเดียวที่ยิ่งใหญ่กว่าอเมริกา การเป็นแบ็คให้ฟีฟ่าคือโอกาสทองของเค้าในการคืนสู่เวทีโลกโดยไม่ต้องง้อ G7 หรือนาโต้
บางทีการไปยืนขโมยซีนตอนรีส เจมส์กำลังจะชูถ้วย หรือกรณีที่ไม่คืนถ้วย cwc อาจไม่ใช่ความเด๋อ แต่เป็นหมากที่ทรัมป์ตั้งใจแสดงภาพให้เห็นว่าเมกาก็ขอมีส่วนร่วมกับเค้กชิ้นนี้เหมือนกัน

เมกาใต้ CONMEBOL:
เมกาใต้นี่แซ่บกว่าที่คิดนะ ตอนแรกอยู่ฝั่งยูฟ่า บราซิล อาร์เจน โคลอมเบียร่วมลงชื่อกับยูฟ่าต่อต้านซุเปอร์ลีกของเปเรซ แต่ช่วงหลังหันมาอยู่กับฟีฟ่าเต็มตัว เพราะเงิน เงิน เงิน
สัญญาณที่บอกว่าเมกาใต้ย้ายฝั่งคือบอร์ดบริหารของ CONMEBOL ไปประชุมกับล็อบบี้กับ Infantino อย่างเปิดเผย แถมประชุมใหญ่ของฟีฟ่าที่จัดที่ปารากวัยปีนี้ก็มีเปลี่ยนชื่อตึกที่จัดเป็น Infantino Tower
อีกอย่างวัฒนธรรมฟุตบอลเมกาใต้ไม่ถูกกับยุโรปเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอน club world cup ปี 2012 ที่โครินเธี่ยนชนะเชลซี ตอนกลับบราซิลมีขบวนแห่ด้วยซ้ำ
ฝั่งเมกาใต้เค้าก็มองเกมการเมืองหมากนี้ก็เป็นอีกช่องทางที่จะทำให้เมกาใต้มีพื้นที่โชว์ของมากขึ้น จากแต่เดิมต้องรอแค่บอลโลก

FIFPro (สหภาพนักฟุตบอลอาชีพนานาชาติ):
ตามนิยามควรเป็นกลาง แต่ความเป็นจริงอยู่ฝั่งยูฟ่า โดนฟีฟ่ากีดกันจัดๆ ขนาดงานประชุมล่าสุดก็ไม่มีตัวแทนจาก fifpro ไปร่วมด้วย เฉยเลย
ทั้งๆที่ fifpro ก็พยายามสู้เพื่อนักเตะ พยายามประท้วงฟีฟ่าให้ขยายเวลาพักนักเตะ เป็น 28วัน/ปี (ตอนนี้ฟีฟ่ายืนยันให้แค่ 21วัน/ปี)
เผื่อแฟนบอลไม่ทราบ nba นักบาสได้พัก4เดือนต่อปี ยิ่ง nfl ไม่ต้องพูดถึงแข่งแค่4เดือนต่อปี
แต่นักบอลระดับท็อป ขอยกเคสฮาคิมี่ละกัน 3-4ปีหลังไม่ได้พักเลย ทั้งบอลโลก แอฟริกันคัพ โอลิมปิก cwc
Sergio Marchi ประธาน FIFPro ถึงขั้นเปรียบ Infantino กับจักรพรรดิเนโร ที่มัวแต่จัดโชว์สร้างภาพลวงตาในขณะที่นักเตะกำลังล้าและบาดเจ็บสะสม

ฟีฟ่ามีพันธมิตรสำคัญระดับใหญ่ๆทั้งนั้นเลย ยูฟ่า สู้ไหวไหมแต่หักเหลี่ยมเฉือนคมกันเป็นหนังเลยสนุกดี

อันอื่นพอเข้าใจได้ว่าเลือกฝั่งเพราะอะไร พวกเอเชีย กับ อเมริกาใต้อยากให้มี cwc อยู่หละ เพราะได้โชว์ฝีมือ ได้เงิน ได้เตะให้ชาวโลกได้เห็น

แต่ FIFPro นี้อยู่ฝั่งยูฟ่า ที่ปรับฟอร์แมทใหม่เพิ่มเตะมากขึ้นใน Ucl บางทีมเข้ารอบต้องเพลย์ออฟ จากต้องเล่น แค่ 13 นัดจนจบนัดชิง อาจต้องเล่นเป็น 17 นัด แถมมีถ้วยคอนเฟอร์เรนซ์ลีกส์เข้ามาอีก ถ้าห่วงนักเตะ ก็ควรดักทางยูฟ่าไม่ให้เพิ่มนัดเพิ่มเติม

cwc นี้แค่ 7 นัดในรอบแค่ 4 ปี

แต่ของยูฟ่า ทั้งเพิ่มยูฟ่าเนชั่นลีกส์ ทั้งเพิ่มฟอร์เมชั่นใหม่ Ucl เพิ่มนัดเพิ่มกว่าบานเลย ย้อนแย้งจัด