อืม คิดงั้นเหมือนกันนะ กินเบียร์มะ ป่ะ

เปรียบเทียบตัวเองเป็นหนังสักเรื่องสิ๊

ผมเหรอ หนังไก่อ่ะพอได้
ช่วงนี้อ่ะ... หนังไก่กรอบ เนี่ย

ชีวิตมันก็เหมือน หนังไก่กรอบ นั่นแหละ...
ข้างนอกอาจดูแห้งๆ กรอบๆ เหมือนไม่มีอะไร
แต่พอได้กัดเข้าไปทีนึง... เออ!
เค็มจัดบ้าง ไร้มันบ้าง บางวันกรอบจนเหงือกพัง
บางวันเหนียวจนเคี้ยวแล้วเคี้ยวอีก ยังไม่รู้ว่ากินไปทำไม

แถมยังโดนเอาไปจิ้มซอสหลายใจ...
วันนึงก็ซอสเผ็ด วันนึงก็ซอสหวาน
ชีวิตกูก็แบบนั้นแหละ
เช้ามาโดนบอสเผ็ด เดี๋ยวบ่ายๆเจอลูกค้าหวานเลี่ยนอีก
เรียกว่าครบเครื่องเรื่องน้ำจิ้ม

บางวันโดนทอดซ้ำ...
เคยมั้ย? วันจันทร์โดนด่า วันอังคารก็โดนซ้ำอีก
นี่ชีวิตหรือหม้อทอดไร้น้ำใจ

แต่ถึงจะเป็นหนังไก่กรอบ...
ก็ยังดีกว่าเป็นหนังไก่ดิบลื่นๆ
อย่างน้อยกรูก็ยัง “กรอบ” พอจะหัวเราะให้ตัวเองได้ในวันที่ไม่มีใครเข้าใจ

อ่ะ พอใจกับคำตอบมั๊ย

พอใจอยู่แล้วววว 55555 โอ๋นะผมก็รู้สึกเเย่เรื่องงานในที่แรกๆของการทำงาน ลาออกเปลี่ยนงานเรื่อยๆจนใช่

หวังว่า จขกท.จะเป็นหนังไก่ที่ไม่โดนจิ้มเพราะหรอยอยุ่แล้ว ยะฮู้

หุ้น nvda แพงไปหรือยัง ควรเข้าซื้อเพิ่มไหม

ป่ะ กินเบียร์มะ

กินเบียร์มันอ้วน ลด นน อยู่

อืมมมมมม ขอคิดแป้บ

ตอบแบบไม่โลกสวยนะ... NVDA น่ะมันดีจริง แต่ตอนนี้แม่งขึ้นแรงจนรู้สึกเหมือนจะซื้อหุ้นไม่ใช่ซื้อบ้าน

คือราคาตอนนี้...จะบอกว่าแพงก็ไม่เชิง เพราะเขามีของจริงๆนั่นแหล่ะพี่ว่านะ
รายได้โตระเบิด GPU ขายดีเหมือนแจกฟรี ทุกบริษัทที่มีคำว่า AI ก็ต้องใช้ของมัน
กำไรก็ไม่ใช่แค่ดี — แม่ง ดีดเป็นจรวด EPS อย่างโหด
แล้วยังจะมา Split หุ้นอีก 10:1 เหมือนเรียกพวกเราสายรายย่อยเข้าแก๊ง

แต่ถามว่า ควรซื้อเพิ่มมั้ย?
กูจะบอกว่า ถ้าพอร์ตยังไม่มี ก็ ค่อยๆ สอยทีละนิด DCA ไป
อย่าใจร้อนลงก้อนเดียว เดี๋ยวดอยไม่รู้ตัว
แต่ถ้ามีแล้วจนเต็มพอร์ตแล้วอ่ะ... ใจเย็นเถอะพี่ ถือไว้แล้วไปสูดลมหายใจลึกๆ อย่าเพิ่งรีบเติม เดี๋ยวหมดลมหายใจไปซะก่อน

เพราะอะไรน่ะเหรอ?
P/E ตอนนี้แม่งสูงจนกูรู้สึกเหมือนตัวเองโดนดูดวิญญาณหายไปในหืบหอก หรือรูตรูดของมาดูเอเก้กับไข่อาร์เตต้า โทษทีว่ะน้อง กูไม่ไหวแมร่งจริงๆอ่ะ กับเรื่องนี้ขอสอดแทรกหน่อยละกันนะ
ข่าวดีก็สะท้อนไปราคาหมดละ GPU ใหม่ ลูกค้ารายใหญ่ ขายดิบขายดี — ทุกอย่างแม่งรับรู้กันหมดแล้ว
เผลอๆ จะมีเซอร์ไพรส์จากรัฐบาลแบนการขายให้จีนอีกนะ กูเตือนไว้ก่อน แต่อันนี้มัน War กันอยู่ยังไม่จบ ฝุ่นคลุ้งกันอยู่

สรุปง่ายๆแบบคนเมาอยู่หน้าจอ:
หุ้นดีจริง แต่ราคาแม่งอารมณ์เหมือนหมูสามชั้นตอนขึ้นโลละ 400
จะกินก็ต้องกิน แต่มึงต้องถามตัวเองก่อนว่า “มันคุ้มมั้ยถ้าพรุ่งนี้แม่ค้าลดราคา”

ใครจะซื้อ NVDA ตอนนี้ อย่าซื้อเพราะกลัวตกรถ
เพราะบางทีรถมันไม่ได้จอดรับมึง แต่มันกำลังจะตีลังกาลงเขาอยู่ก็ได้

ตัดสินใจเอาเองวุ้ย

ไปนวดมะ

นโยบายของรัฐบาล ที่ท่านเห็นด้วย ซัก1 เรื่อง

ทำไมแฟนปืนไม่ชอบไอ้เข้

นโยบายที่ผมเห็นด้วย: "การสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั้งผ่านการลดภาษีนำเข้า และเงินอุดหนุนจากรัฐ"

แม้จะมีข้อถกเถียงในรายละเอียด แต่โดยโครงสร้าง ถือว่าเป็นนโยบายที่ “คิดถูกทาง” และเป็นการวางรากฐานอุตสาหกรรมใหม่ในระยะยาวอย่างแท้จริง

เหตุผลเชิงลึกว่าทำไมถึง "ควรสนับสนุน EV"
1. ไทยต้องเปลี่ยนจากฐานการผลิตแบบเดิม
เราเป็น “Detroit of Asia” ที่ผลิตรถยนต์สันดาป (ICE) ส่งออกอันดับต้น ๆ ของโลก

แต่โลกกำลังเปลี่ยนไปสู่ EV แบบชัดเจน → ญี่ปุ่น จีน ยุโรป ตั้ง deadline เลิกผลิตเครื่องยนต์

ถ้าเราไม่ pivot สู่ EV ตอนนี้ เราจะเสียความสามารถในการแข่งขันทั้งหมดในอีก 10-15 ปี

2. การลดภาษี + อุดหนุน เป็นจุดเริ่มต้นให้เกิด "Demand"
EV เป็นสินค้าใหม่ คนไทยยังลังเล เพราะราคาสูง ไม่มีปั๊มชาร์จ ไม่คุ้นมือช่าง ฯลฯ

การลดภาษีนำเข้า และอุดหนุน 70,000–150,000 บาท ทำให้คนกล้าซื้อ → พอมี demand → Private sector ก็กล้าลงทุนสร้างโรงงาน ประกอบ ชาร์จ ซ่อม ฯลฯ

3. จีนแห่เข้ามาตั้งฐานการผลิตจริง
BYD, MG, NETA, Great Wall Motor, Changan ฯลฯ ประกาศตั้งโรงงานในไทย เพราะเราให้สิทธิประโยชน์ดี

ต่างชาติพวกนี้ไม่ได้แค่มาประกอบ → เขาสร้าง supply chain ตั้งแต่แบตเตอรี่ ชิ้นส่วน ไปจนถึง R&D

ในอนาคต ไทยจะเป็นศูนย์กลาง EV ของภูมิภาค ถ้าเรารักษา ecosystem นี้ไว้ได้

ข้อดีของนโยบายนี้ ที่หลายคนมองข้าม
เกิด “แรงงานใหม่” ที่มีทักษะสูงขึ้น
แรงงานประกอบ EV ต้องเรียนรู้ระบบไฟฟ้า แบตเตอรี่ ซอฟต์แวร์ → Upskill

มีผลต่อภาพรวมของตลาดแรงงานไทยในระยะยาว

เกิดเทคโนโลยี Spin-Off
ระบบจัดการพลังงาน → นำไปใช้กับโซลาร์ บ้านอัจฉริยะ

วิจัยแบตเตอรี่ → ส่งต่อไปสู่อุตสาหกรรมอื่น เช่น พลังงานหมุนเวียน, Smart Grid ฯลฯ

ลดการพึ่งพาน้ำมัน + ลดมลภาวะ
EV ใช้ไฟฟ้า → หากไทยผลิตไฟจาก renewable มากขึ้น ก็จะช่วยลดคาร์บอนจริง

และที่สำคัญ: ไทยต้องนำเข้าน้ำมันดิบจำนวนมหาศาลทุกปี การลดการใช้น้ำมัน คือช่วยลดดุลการค้าโดยตรง

แล้วนโยบายนี้มีข้อเสียมั้ย?
มีครับ — และคนที่วิจารณ์ก็ควรรับฟัง เช่น:

คนมองว่า “เอื้อจีนมากเกินไป” → แต่ต้องยอมรับว่า EV จากจีนตอนนี้ ถูกที่สุด และเดินหน้าที่สุดในโลก

รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีนำเข้า → จริง แต่ก็แลกกับการปั้น ecosystem ใหม่

โรงงานญี่ปุ่นในไทยจะได้รับผลกระทบ → ใช่ แต่ก็เป็นแรงกระตุ้นให้เขาต้องปรับตัว ไม่เช่นนั้นเราจะตกขบวนโลก

สรุป
นโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า คือ "การวางหมากระยะยาว" ที่มาถูกจังหวะ ถูกยุค และเป็นนโยบายที่สร้างโอกาสใหม่ให้ไทยในโลกอนาคต

ไม่ใช่แค่เรื่องรถยนต์ — แต่มันคือ “การเปลี่ยนประเทศจากฐานอุตสาหกรรมเก่า → สู่เศรษฐกิจพลังงานสะอาด และเทคโนโลยี”

ถ้าใครมองว่านี่คือการ “ขายชาติให้จีน” — ก็ต้องถามกลับว่า แล้วจะให้เราผลิต EV เองเหรอ?
เรายังไม่มีความพร้อมขนาดนั้น แต่ถ้าเปิดรับ และต่อยอดได้ในแบบไทยๆ เราจะได้เทคโนโลยีใหม่เข้าประเทศแบบเร็วที่สุดในรอบหลายสิบปี


จบพอใจกับคำตอบมั๊ย

ถามกลับ พอใจกับการซื้อมาดูเอเก้มั๊ย

ตอบเอ็งต้องตอบพี่ ถ้าเอ็งตอบว่า ดีครับ ผมติ่งต้าครับ เอ็งไปไกลๆจากชีวิตกรูวววว

“ทำไมแฟนอาร์เซนอลไม่ชอบไอ้เข้ ”

เพราะตอนแรก… เราเป็นไกรทอง ที่ “ล้มไอ้เข้” ลงบึงได้อย่างสง่างาม
แต่สุดท้าย… “เรากลับไปรักมัน” แล้วดัน “พามันเข้าบ้าน” เองกับมือ

เรื่องมันเริ่มจากตอนอาร์เซนอลเจอเชลซี
ไอ้เข้อย่างมาดูเอเก้ลงสนามมากับความมั่นหน้า ความจริตจัด และโชว์เกินฝีมือ
— ไกรทองอย่างเรา (อาร์เตต้า) ไม่รอช้า
จับโยนกลับบึงไปแบบหมดรูป คนดูเฮทั้งบาง

แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้น...

วันหนึ่ง เราดัน “ตกหลุมรักเข้”
อาจเพราะเห็นแวว เห็นความดิบที่น่าขัดเกลา
อาร์เตต้าหยิบยื่นโอกาส… เอาเข้ามาร่วมฝั่ง ขัดเกลามันใหม่
เราเชื่อว่า…มันจะเปลี่ยนได้

แต่ไม่ครับ…

พอเข้ขึ้นฝั่ง มันก็ยังเป็น "ไอ้เข้" เหมือนเดิม
— ยังเล่นจริต ยังเต้นข่ม ยังทำตัวเกินงา
เราเลยรู้ตัวช้าไปว่า... ที่จริง เราเปลี่ยนธรรมชาติของเข้ไม่ได้

จากที่เคยปราบ → กลายเป็นหลง → สุดท้ายเลยผิดหวัง
แฟนปืนหลายคนเลยรู้สึกว่า… “ไม่น่าไปเชื่อใจเข้เลย”

เราดันตกหลุมรักเข้ แบบชาละวันอย่างเชลละซี

แล้วเราก็เอาเข้กลับเข้าบ้านเรา

สรุปอาร์เตต้าคือไกรทอง มาดูเอเก้คือไอ้เข้

แล้วแฟนบอลคือชาวบ้าน

เข้าใจป้ะ

แค่โจทย์ยากๆ Riemann Hypothesis ครับ
รางวัล 1ล้าน usd (ชื่อเสียงจากการแก้ได้คุ้มกว่าเยอะเลย)

มันถามแค่นี้เหรอ ยากไป๊ จะตอบยังไงอ่ะ Proove สูตรเหรอ ไม่เข้าใจโจทย์อ้ะ