เมื่อปี 1975 พรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลยูนนานได้ออกประกาศสั่งให้ปิดมัสยิดทั้งหมดในมณฑลยูนนาน ทำให้ชาวหุย(เชื้อสายฮั่นเหมือนกับชาวจีนทั่วประเทศแต่นับถือศาสนาอิสลาม) โกรธแค้นอย่างมาก โดยมีชาวหุย 1,000 กว่าราย เดินทางไกลไปยังกรุงปักกิ่ง เพื่อร้องเรียนให้รัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนเสรีการนับถือศาสนาตามรัฐธรรมนูญ แต่เจ้าหน้าที่รัฐกล่าวหาว่าก่อความวุ่นวายและต่อต้านรัฐบาลจีน



ชาวหุยจากมณฑลยูนนานลงทุนไปประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน

แต่สุดท้ายเมื่อต่างฝ่ายไม่ยอมสถานการณ์ถึงรุนแรงมากขึ้นโดย กองอาสาสมัครอิสลาม และ กองบัญชาการฝ่ายบริหารมณฑลยูนนาน ได้พบปะคุยกันที่ปักกิ่งโดยตกลงกันได้ว่าจะสงบศึก แต่กลับมีเหตุยกเลิก เมื่อมีชาวบ้านในพื้นที่มีอาวุธผิดกฎหมายครอบครอง



คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้มีคำสั่งลงนามโดย เหมา เจ๋อตุง มอบหมายให้ เติ้งเสี่ยวผิง สั่งให้ กองทัพจีน เข้าควบคุมสถานการณ์ จึงเกิดสถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นจนคุมยาก เติ้งเสี่ยวผิงจึงไฟเขียน ให้กองทัพจีนเล่นอาวุธหนักด้วยการใช้มาตรการใช้ความรุนแรงเข้าควบคุม บ้านเรือน 4,000 หลังถูกทำลายทิ้ง รวมทั้งหมุ่บ้านที่ติดกับชาเดียน อาวุธที่กองทัพจีนใช้โจมตีนั้นนอกจากภาคพื้นดินแล้ว ทางอากาศก็ใช้เล่นงานชาวบ้านในพื้นที่



เมื่อสถานการณ์สงบลงได้ทางการจีนออกมายืนยันว่า มีผู้เสียชีวิต 800 คน โดยบางแหล่งรายงานว่า มีชาวจีนอิสลาม(หุย) 1,600 คน กับ เด็ก 300 คน เสียชีวิต แต่ต่างชาติประเมินไว้ว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5,000 คน



หลังเหตุการณ์สังหารหมู่ชาเดียน ก็มีการแสดงความไม่พอใจของชาวฮั่นที่นับถือศาสนาอิสลามในพื้นที่ชาเดียน มีบ้าง สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จึงสั่งให้เปลี่ยนมัสยิดใหญ่ชาเดียน จากรูปแบบศิลปะอาหรับเป็นศิลปะจีน ในปี 2023 พึ่งจะสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้ว ในปี 2024



สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในปัจจุบัน มีความพยายามเปลี่ยนรูปแบบมัสยิด สุเหร่า ทั่วประเทศจีน จากรูปแบบสไตล์อาหรับเปลี่ยนเป็นศิลปะแบบจีนให้หมด








จีนให้เสรีการนับถือศาสนาจริงหลังยุคปฏิวัติวัฒนธรรมจีน แต่เหตุการณ์นั้นจีนเริ่มก่อนนะไปสั่งปิดมัสยิด แต่แทบไม่ค่อยระบุประวัติศาสตร์นี้ต่างจากเหตุการณ์จัตรุสเทียนอันเหมิน ตอนนั้นการปฏิวัติวัฒนธรรมจีน ยังแรงมากๆอยู่ เพราะ เหมา เจ๋อตุง ยังไม่ตาย แต่ตอนนั้นเหมา เจ่อตุง ก็ป่วยหนักมากๆแล้ว จึงฝากให้เติ้งเสี่ยวผิง ไปจัดการแทน ซึ่ง เติ้ง เสี่ยวผิง ที่ได้บัญชาการควบคุมเหตุการณ์สังหารหมู่ชาเดียน ไปใช้ต่อในเหตุการณ์จัตุรัสเทียนอันเหมิน

ขนาดชาวหุย เป็นชาวฮั่น เหมือนกันกับ เหมา เจ๋อตุง กับ เติ้งเสี่ยวผิง แต่ต่างตรงที่การนับถือศาสนา ยังโดนทั้ง เหมา เจ่อตุง กับ เติ้งเสี่ยวผิง เล่นงานขนาดนั้น ยิ่งอุยกูร์ที่ไม่ใช่ฮั่น จีนเล่นเชือดไม่เลี้ยง ถ้าก่อเหตุวุ่นวาย สงสัยคนไหนจับเข้าคอร์สล้างสมอง โดยไม่สืบสวน พวกทิเบต มองโกล ถึงจะไม่ใช่อิสลาม ก็โดนไม่น้อยเหมือนกัน

ทุกวันนี้จีนคุมพวก อุยกูร์ หรือ ชาวหุย ได้ไม่ใช่เพราะเสรีนับถือศาสนา แต่ด้วยเพราะอาวุธและความโหด เพราะจีนเอาจริง ฆ่าจริง แต่ชาวหุยไม่เท่าไหร่เพราะไม่ได้ต้องการแบ่งแยกดินแดนเป็นฮั่นเหมือนกัน แต่อุยกูร์ที่ไม่ใช่ชาวฮั่น จีนเล่นงานหนักกว่าเยอะ และหาเรื่องจะแบ่งแยกดินแดนจากจีน ยิ่งทำให้จีนไม่ยอม ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ หรือ ไปแอบในมัสยิด สุเหร่า จีนก็บอมทิ้ง แต่ถ้าไม่ได้สงสัยทำตัวดีๆจีนก็ปล่อยไปถ้าไม่ยุ่งพวกพรรคคอมมิวนิสต์จีนหรือเริ่มก่อตัวใต้ดินที่จะก่อเหตุ และจีนไม่มีทางยอมได้เลยคือเอยประเด็นแบ่งแยกดินแดนแยกตัวออกจากจีน ซึ่งจีนถือว่าหนักกว่าแตะต้องพรรคคอมมิวนิสต์อีก

เกิดในช่วงปลายยุคปฏิวัติวัฒนธรรมด้วยแหละ (ยุคปฏิวัติฯจบตอนปี 1976 ตอนเหมาตายพอดี)

ยุคนั้นอย่าว่าแต่เป็นชาวฮั่นเหมือนกันเลย ขนาดพวกระดับรองหัวหน้าพรรคอย่างหลิวเช่าฉียังตายในคุก
เต้งก็เกือบคว่ำ โดน purge 2 รอบดันรอดมาได้เฉย พ่อของหมีพูก็โดน เอาไปใส่เครื่องประจาน (ไอที่ให้มือกับหัวออกมานั่นแหละ) เลยด้วยซ้ำไป ยุคนั้นรอดเหมาล้างบางมาได้คือโคตรเก่งแล้ว

พวกหลุมศพฮ่องเต้หรือหน้าพระพุทธรูปหายไปในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมนี่แหละ โดนกันแหลกราญช่วงนั้น
อิสลามนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ตอนนั้นคริสต์ยังโดนกวาดล้างกระจุยกระจาย

เป็นยุคดำเถื่อนจะตายช่วงนั้น เหมาเป่าหูทีเดียวเชื่อกันทั้งประเทศ

แอบตกใจที่ว่าเข้ายุคพี่หมีพูแล้วเขายังจัดการเรื่องมัสยิดเนี่ยแหละ

แล้วที่ตลกก็คือ มันจะมีประเทศนึง ดันเอาไปเลียนแบบ การปฏิวัติวัฒนธรรมจีนด้วย

แถมเหมาก็เตือน(หลังพี่แกคิด ยุคใกล้สิ้นสุดปฏิวัติวัฒนธรรม) ประมานว่า ไม่สำเร็จหรอก แถมจะโดนประจานเอาง่ายๆ

นั้นก็คือ กัมพูชา นี้เอง แถมโหดกว่าจีน 10 เท่าอีก

เออจริง ตอนไปจีนว่าอยู่มัสยิด แปลกๆ

คิดเล่นๆนะ ถ้าเหตุการณ์แบบ3จังหวัดชายแดนใต้ เกิดขึ้นที่จีน เชื่อว่าจบได้จริงๆนะ
ใครก่อเหตุ ใครรู้เห็น คงเก็บเรียบ

อุยกูร์ ก็ไม่ได้ดีนะครับ.
ก่อนจะเข้มงวดกับชาวอุยกูร์ จีนเคยปล่อยปละระดับนีงมาก่อนครับ.
ช่วงปฏิวัติ วัฒนธรรมตอนแรกก็เว้นอุยกูร์ ให้ครับ.
ช่วงปฏิวัติ วัฒนธรรมเริ่มปี 2509-2519 ครับ ตอนนั้นยังเว้นอุยกูร์อยู่ครับ.
แต่ช่วงปี 2513-2514 ชาวอุยกูร์สังหารคนจีนนอกแดนอุยกูร์มากกว่า 100-300 รายโดยการก่อการร้าย.
มีทั้ง ขับรถพุ่งชนประชาชนที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปักกิ่ง หรือเหตุการณ์ใช้มีดโจมตีประชาชนที่สถานีรถไฟเมืองคุนหมิง อย่าเห็นว่ามีดนะครับ ตายเกิน 30 เจ็บเกิน 100 เพราะฝึกมาเพื่อฆ่าเลยครับ ไม่ใช่เอาชาวบ้านมาทำ.
ในแดนอุยกูร์เองมีการสังหารคนจีนมากกว่า 100-1000 รายในช่วงปี 2515-2530 ครับ ระบุไม่ได้เพราะส่วนมากหาศพไม่เจอครับ.

ในปี 2552 ที่อุยกูร์ได้มีการจลาจลครั้งใหญ่ในเมืองอุรุมชี มีผู้เสียชีวิตกว่า 200 คน เป็นจุดเริ่มต้นการส่งทหารเข้าอุยกุร์และมีการควบคุมอย่างเข้มงวดในอุยกูร์ครับ.

ลองดูปี พศ.ดูครับ จีนอดทนกับอุยกูร์อยู่เกือบ 40 ปีจนเห็นว่าไม่ไหวแล้วถึงได้ปราบจริงจังครับ.
อย่าดูข่าวแค่ช่วงเดียวแล้วสรุปครับกรณีนี้.

แต่กลุ่มที่เสี้ยมอุยกูร์หลักๆก็ขบวนการอิสลามเตอร์กิสถานตะวันออก (ETIM) ครับ.
ซึ่งตอนนี้อุยกูร์ก็สงบกว่าก่อนมีทหารเข้าไปครับ มองมุมคนจีนนะครับ เพราะเมื่อก่อนคนจีนตายกันบ่อย.

องุ่นดามัสคัสก่อนหน้านี้ที่มีปัญหา ก็อุยกูร์นี่ละครับคนปลูก แล้วก็โดนเสี้ยมให้ใส่ยาเกินขนาดจนส่งออกไม่ได้ครับ.
เขตุอื่นใกล้เคียงกันที่ได้รับการส่งเสริมให้ปลูกพร้อมกันไม่มีปัญหาอะไร.
แต่คนไทยด่าจีนตามระเบียบครับ.

ถ้าเป็นงั้นจีนปูพรมล้างบางไปแล้วครับ แต่น่าอนาถที่ในกรณีของเรา พวกโจรใต้ออกมาก่อเหตุฆ่าคนบริสุทธิ์วันนึง วันต่อมาก็กลับเข้าชุมชน ใช้ชีวิตปกติอยู่แถว ๆ นั้นแหล่ะ แล้วมันจะไปจัดการกวาดล้างได้ยังไง เผลอๆเป็นกันทั้งหมู่บ้าน อย่างเคสครูจูหลิง ตอนนี้จับมือใครดมได้ไหมล่ะ?