BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jun 2015
ตอบ: 12666
ที่อยู่: Alexandria
โพสเมื่อ: Sat Jul 05, 2025 08:54
“เบื้องหลัง ‘สงครามส่งด่วน’ ที่หนังไม่ได้เล่า: จากเด็กไม่มีรองเท้า สู่ยูนิคอร์นหมื่นล้าน!”
::เครดิตจาก:: https://www.facebook.com/share/p/1B6UCdYYpv/

ผมเพิ่งเริ่มดูสงครามส่งด่วนครับ หนังสนุกดีแต่รู้สึกว่ามันมีสิ่งที่ไม่ make sense ทางธุรกิจหลายอย่าง เลยไปเปิดดู the secret sauce ตอนที่คุณเคนสัมภาษณ์คุณคมสันต์ แซ่ลี...


***ในนี้น่าจะมีสปอยล์หนังนะครับ เพราะผมจะพูดถึงบทสัมภาษณ์ซึ่งมันมีส่วนที่ถูกเอาไปสร้างเป็นหนัง ถ้าใครกังวลเรื่องนี้ อย่าเพิ่งอ่านจนกว่าจะได้ดูนะ

ก่อนที่ผมจะได้ดูหนัง ผมฟัง the secret sauce ตอนที่สัมภาษณ์ producer และผู้กำกับก่อน ทำให้รู้ว่าการสร้างหนังจากเรื่องจริงมันมีด้วยกัน 3 level ครับ

level สูงสุดคือ documentary หรือสารคดี อันนี้จะเป็นเรื่องจริงทั้งหมดมีหลักฐาน ถ่ายของจริงให้เห็นจะๆ

level รองลงมือคือ based on true story อันนี้จริงๆก็อยากให้สมจริงแหละ แต่บางทีมันได้ข้อมูลมาจากคนโน้นคนนี้ คืออาจจะไม่ใช่ fact ทั้งหมด

level สุดท้ายคือ inspired by true story อันนี้จะมีเค้าโคลงหรือมีคนจริงเป็นฐานต่อยอดเอาไปเขียนบทเพิ่ม ซึ่งก็แล้วแต่เลยว่าจะใส่สีตีไข่ให้เมามันส์แค่ไหน

เรื่องสงครามส่งด่วนเป็นรูปแบบ inspired by true story นะครับ ดังนั้น เนื้อเรื่องเขียนเพิ่มเยอะมาก

สิ่งที่ผมว่าไม่ make sense เช่น เป็นไปไม่ได้หรอกครับที่คุณจะเล่าไอเดียสั้นๆแค่ว่าจะขายตัดราคาคู่แข่งให้นักลงทุนระดับประเทศฟังแค่นี้ แล้วเขาจะตัดสินใจร่วมเป็น partner ทางธุรกิจกับคุณเลย...

หรืออย่างตอนที่พระเอกถูกกดดันจากนักลงทุนว่า "อะไรคือความต่างของคุณ จะเอาอะไรไปสู่กับเจ้าใหญ่" แล้วพระเอกก็ตรัสรู้ขึ้นมาได้เลยทันทีว่าจะใช้เรื่องของการเข้าไปรับพัสดุถึงบ้าน key success factor แบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในเสี้ยววินาทีครับ...

หรือแม้แต่ CTO สุดเทพของพระเอกที่โคตรสถุล คือผมเชื่อว่าคนเก่งที่ดุ โหด tough มีจริง แต่คุณไม่สามารถถ่อยได้ ไม่งั้นไม่มีใครทำงานด้วยแน่นอน

หนังสนุกนะครับ แต่ยังมีอีกหลายตอนไม่ realistic เท่าไหร่ เลยอยากไปฟังคุณคมสันต์เล่าแล้วล่ะ ว่า flash มีที่มาที่ไปยังไง

คลิปสัมภาษณ์คุณคมสันต์กับ the secret sauce ผมว่าเป็นคลิปที่คนทำธุรกิจควรดูอย่างมาก คือผมฟัง podcast ทุกเช้า แต่จัดให้คลิปนี้เป็นติด top 3 ของ podcast ที่ชอบที่สุดเลย





=======

ผมอยากเล่าเรื่องที่ผมชอบมากๆให้ฟัง 13 ข้อ ไปเรียนรู้จากมนุษย์ระดับ unicorn คนนี้พร้อมๆกันครับ...

1. ข้ามเรื่องต้นกำเนิดจากเด็กชาวดอยไปนะครับ เอาเป็นว่าแกเกิดมาจนมากๆละกัน แน่นอนว่านั่นเป็นแรงขับให้ประสบความสำเร็จ...

Ali Abdaal ซึ่งเป็น youtuber และนักเขียนชื่อดังเคยบอกไว้ตรงๆว่า ที่เขารวยมาได้เพราะเขา obsess เรื่องเงินครับ คือคิดตลอดเวลาเกี่ยวกับการหาเงิน และคมสันต์ แซ่ลีเป็นคนแบบนั้นแหละ



2. competitive advantage อย่างแรกที่คุณคมสันต์มีเลยคือ พูดภาษาจีนได้ (แม่เป็นครูสอนจีน) ตอนเข้ามาเรียนมหาลัยฯ มีนักศึกษาแลกเปลี่ยนชาวจีนหลายร้อยคน แกก็เริ่มทำธุรกิจนำเข้าสินค้าจีนมาขายให้นักศึกษาเหล่านั้น

แกเรียนคณะบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ ก็คือเรียนไปแล้วก็ลงมือทำจริงไปด้วยเลย OMG!

3. เท่านั้นไม่พอ พอเริ่มเก็บเงินจากธุรกิจแรกได้ แกเอาไปลงทุนต่อโดยการซื้อวัตถุดิบอาหารส่งให้ร้านอาหารที่มหาลัย โดยที่แกจะรับออร์เดอร์แล้วไปซื้อของมาให้ก่อน จากนั้นตอนเย็นค่อยมาเก็บตังค์แล้วรับออร์เดอร์วันต่อไป

คุณคมสันต์บอกว่า นี่คือธุรกิจ finance เพราะสิ่งที่แกทำคือแกให้ร้านค้าได้หมุนเงินก่อน จะได้ไม่ต้องไปกู้เงินนอกระบบเพื่อซื้อวัตถุดิบแล้วเอามาทำอาหารขายก่อนแล้วค่อยจ่ายคืนเงินกู้ดอกเบื้ยราคาสูง

คือ... การไปซื้อของมาขาย อันนี้ใครๆก็ทำได้ คนหัวการค้าที่ขยันหน่อยก็น่าจะเริ่มธุรกิจแบบนี้ แต่สิ่งที่คุณคมสันต์ทำมันล้ำไปอีกขั้น เพราะเขาเลือกทำด้วยโมเดลที่แตกต่าง

นี่คือวิธีคิดของเด็กอายุ 20 ที่ยังเรียนไม่จบ

4. คุณคมสันต์เล่าว่า แกรู้จักคนเยอะมากและชอบคุยกับรุ่นพี่ รู้จักคนหลายคณะ พอรุ่นพี่เรียนจบไปแกก็จะคอยโทรหา สอบถามว่าไปทำงานเป็นไงบ้าง เพื่อที่แกจะได้รู้ว่าคนที่จบไปทำงานจริงๆในแต่ละสายจะต้องเจอกับอะไร

5. ตอนที่คุณคมสันต์อยู่ปี 3 มีเพื่อนทาบทามให้ไปช่วยบริหารเหมืองทรายที่กำลังจะเจ๊ง ติดลบปีละ 10 ล้าน แกเข้าไปแล้วพบว่าคอรับชั่นเละ คือผู้บริหารเหมืองเป็นคนจีนแต่ไม่เคยมาดูหน้างาน คนงานไทยก็ไปเอาพี่ป้าน้าอามาทำงานกัน ไร้ประสิทธิภาพสุดๆ แกเข้าไปถึงไล่คนออกเกือบครึ่ง แล้วก็บริหารจนหนึ่งปีถัดมากำไร 10 ล้าน

หลังลาออกจากเหมืองทราย แกได้เงินสดก้อนใหญ่เป็นค่าตอบแทน ก็คือมีเงินล้านตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา

6. พอเรียนจบมหาลัยก็ไปทำธุรกิจที่เชียงใหม่ คือไปเป็นนายหน้าขายคอนโดฯให้คนจีน แต่พวกนายหน้าเนี่ย คนจะไม่ค่อยอยากคุยด้วย กลัวโดนขาย ทีแรกเลยหาคอนแทคลูกค้ายากมาก

7. คุณคมสันต์เห็นว่า เอ้อ คนจีนพอมาอยู่ไทยเขาก็อยากใช้ของจีน และก็อยากส่งของไทยกลับไปให้คนที่จีน ดังนั้น ก็เลยเปิดอีกกิจการนึงที่เป็นกิจการนำเข้าส่งออกสินค้าไทย-จีน แล้วก็ tie-in การขายคอนโดฯไปด้วย

คือที่เปิดธุรกิจขนส่งอ่ะ ที่จริงจะได้เก็บคอนแทคลูกค้ามาขายคอนโดฯนะ ลูกค้าพอมาส่งของหลายๆรอบก็เกิดความเชื่อใจ คราวนี้พอขายคอนโดฯก็ขายง่ายเลย ธุรกิจนายหน้าอสังหาฯทำกำไรมหาศาล

8. แต่... ธุรกิจขนส่ง เสือกรวยกว่าอี๊ก! ทำไปทำมาเปิดสาขาไป 4 - 5 ประเทศ เห้ย!! แบบนี้มันต้องมี something ละ! นั่นก็เลยเป็นที่มาที่ทำให้คุณคมสันต์อินและคลุกวงในเข้าสู่อุตสาหกรรม express เต็มตัว

9. คุณคมสันต์ศึกษาตลาดจนทะลุปรุโปร่ง ได้เดินทางไปจีน และอีกหลายประเทศที่ e-commerce เติบโตถึงขีดสุด จนได้พบว่าไทยมีช่องว่างอีกมาก ค่าขนส่งในไทยตอนนั้นเริ่มต้นเฉลี่ย 65 บาท แต่ที่จีนซึ่งประเทศใหญ่กว่าไทย 18 เท่าค่าขนส่งเริ่มที่ 15 บาท แสดงว่ามี gap มหาศาล

พอศึกษาตลาดอย่างละเอียด ก็เลือกที่จะไปดีลกับแบรนด์ขนส่งของจีน กะว่าให้เขาเข้ามาลงทุน และใช้เทคโนโลยีที่เขามี ส่วนเราก็ลงแรงทำงานในไทย

10. ที่ไหนได้พอทำการบ้านให้เขาเรียบร้อย ปรากฎแบรนด์จีนถีบคุณคมสันต์ทิ้งแล้วก็มาเปิดเอง (ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ในไทยนะครับ เดากันออกไหมว่าแบรนด์ไหน?) คุณคมสันต์จึงได้เบิกเนตรสังสาระ... เดี๋ยวๆๆ คือได้สั่งสมความแค้นเป็นอีกแรงขับเคลื่อนหนึ่งของการสร้าง flash express



11. ตอนนั้นจริงๆคุณคมสันต์รวยแล้วนะ แต่นั่นแหละด้วยความที่ศึกษาตลาดมาดีมากมายแล้ว ก็เลยมั่นใจว่าธุรกิจนี้มันรุ่งแน่ อยากทำจริงๆ เลยตั้งใจจะ all in คือทุ่มเงินทั้งหมดที่มีมาสร้าง flash คุณคมสันต์บอกว่าตอนที่ปรึกษาแฟน เกือบเลิกกัน!

แฟนบอกว่า ตอนที่เจอกันเนี่ยคมสันต์ยังไม่มีรองเท้าใส่เลยนะ ตอนนี้เรากินดีอยู่ดีแล้ว จะให้กลับไปเท้าเปล่าอีกหรือไง?

คุณคมสันต์บอกว่า คือถ้าเขาไม่ทำ flash เนี่ยครอบครัวอาจจะมีความสุข แต่คมสันต์อาจจะไม่มีความสุขเลยตลอดชีวิต สุดท้ายก็เลยตกลงที่จะกันเงินส่วนหนึ่งไว้ให้ลูก แล้วที่เหลือค่อยเทหมดหน้าตัก ขายทั้งบ้าน ขายทั้งรถ มา bootstrap ตัวเองด้วยเงินราวๆ 300 ล้าน

12. คุณคมสันต์บอกว่า ผมต้อง all in ถ้าไม่งั้นผมจะมีทางถอยได้ แล้วธุรกิจนี้มันก็จะไม่สำเร็จครับ

13. สุดท้าย คุณคมสันต์บอกว่าในประเทศที่ e-com มัน growth มากๆ ไม่มีที่ไหนที่ลูกค้าต้องเดินทางมาหาผู้ให้บริการขนส่งที่สาขา ตัวผู้ให้บริการนั่นแหละต้องไปหาลูกค้า

ในตอนนั้นที่ไทยเจ้าใหญ่แบรนด์ดังมีจุดเด่นเรื่องสาขาเยอะเข้าถึงง่าย แต่พอ flash เข้ามาด้วยโมเดลแบบเข้าไปรับถึงหน้าบ้าน flash มีต้นทุน physical store ต่ำทำให้เล่นราคาได้ ในขณะที่แบรนด์ใหญ่ที่เคยมีจุดเด่นเรื่องสาขาเยอะ จุดเด่นนั้นแม่งกลายเป็นจุดอ่อนเลยทันที เพราะถ้าจะเลียนแบบไปรับสินค้าที่บ้านบ้าง ไอ้สาขาก็จะกลายเป็นต้นทุนจมทันที

โหดสาดดด!!!


เอาแค่นี้นะครับ... ไปฟังคลิปเต็มต่อเอง แปะลิงก์ไว้ให้ในเม้นต์นะ ควรค่าแก่การฟังมากๆ เอาเป็นว่าถ้าคุณอยากพัฒนาตัวเองทางด้านธุรกิจแล้วตลอดทั้งปีนี้มีโควต้าสามารถดูคลิปยาวได้แค่ 1 คลิป ให้ดูคลิปนี้

ผมว่าคมสันต์ แซลี ผู้ชายคนนี้เก่งแบบยอดมนุษย์ ทั้ง mindset / hard skill / soft skill

mindset ที่แบบ obsess เรื่องเงินจัดๆ แถมมองหาการสร้างความแตกต่างทางธุรกิจอยู่ตลอด (อันนี้ส่วนหนึ่งเดาว่าเพราะคบค้าสมาคมกับคนจีนเยอะด้วย)

hard skill ที่แบบวิเคราะห์ตลาดขาด หาจุดต่างแม่น

soft skill ที่แบบ connect กับคนไปได้ทั่ว จนกว้างขวาง เปิดโอกาสให้ตัวเองได้มากมาย แถมกล้าได้กล้าเสีย

ลองไปฟังเขาดูครับ แล้วจะรู้ว่าทำไมอาณาจักรของเขาถึงมีมูลค่าระดับหมื่นล้าน...

======

ลืมไปอีกอันที่ชอบมาก... ชื่อ flash ที่สื่อถึงสายฟ้า หลายคนจะนึกว่ามาจากความตั้งใจที่จะให้แบรนด์แสดงออกถึงความรวดเร็ว

แต่ที่จริงคุณคมสันต์บอกว่าสายฟ้าจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีพายุฝน ซึ่ง flash เกิดขึ้นได้จากมรสุมอันรุมเร้า ก่อนจะฝ่าฟันกับสิ่งเหล่านั้นจนได้เปล่งประกายในที่สุด

โคตรต๊าซซ!!!

Spoil








 
แก้ไขล่าสุดโดย bearberryz เมื่อ Sat Jul 05, 2025 10:18, ทั้งหมด 5 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jun 2015
ตอบ: 12666
ที่อยู่: Alexandria
โพสเมื่อ: Sat Jul 05, 2025 09:25
[RE: “เบื้องหลัง ‘สงครามส่งด่วน’ ที่หนังไม่ได้เล่า: จากเด็กไม่มีรองเท้า สู่ยูนิคอร์นหมื่นล้าน!”]
ชีวิตจริงคือมีแฟนอยู่แล้ว..


แต่ในหนังเพิ่มตัวละคร 'เสี่ยวหยู' มา




พระเอกของเรา เลยกลายเป็น 'เดอะมุ่ง' ไปเลย
แก้ไขล่าสุดโดย bearberryz เมื่อ Sat Jul 05, 2025 09:27, ทั้งหมด 2 ครั้ง
4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ก.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Jan 2009
ตอบ: 5671
ที่อยู่: Chiang Mai
โพสเมื่อ: Sat Jul 05, 2025 10:11
[RE: “เบื้องหลัง ‘สงครามส่งด่วน’ ที่หนังไม่ได้เล่า: จากเด็กไม่มีรองเท้า สู่ยูนิคอร์นหมื่นล้าน!”]
ขอเห็นต่างกับ จขกท นิดหน่อยครับ ที่ว่าบางเรื่องไม่ Make sense เช่นเรื่องการคิดอะไรออกในเวลาสั้นๆ

CEO บริษัทผม เคยทำงานด้วยนี่คือคิดได้เป็น 10 อย่างครับ ในเวลาสั้นๆ แต่ผมไม่รู้นะว่าเค้ามีไอเดียอะไรในหัวแล้วรึยัง ผมไม่แปลกใจว่าทำไมเค้าถึงได้เป็น CEO

ส่วน C Level อีกคน ด่าเก่งแบบรุ่ยเจี๋ยเลย อาจจะไม่หยาบเท่า แต่คำด่าที่ออกมานี่กรีดแทงใจกว่าเยอะครับ นั่งเงียบกันทั้งห้อง แต่คือเค้าโคตรเทพเลยนะ เทพจนผมรู้สึกว่าเพราะความเทพของเค้า เค้าเลยมีอภิสิทธิ์​นี้

ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครลาออกเพราะเจออะไร Toxic ครับ อาจจะเพราะงานหายากกับ บ ไม่ได้ลดเงินแบบในหนัง แล้วก็ไม่ได้เป็น บ Startup
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Jun 2007
ตอบ: 45988
ที่อยู่: บ้านนอก
โพสเมื่อ: Sat Jul 05, 2025 10:11
[RE: “เบื้องหลัง ‘สงครามส่งด่วน’ ที่หนังไม่ได้เล่า: จากเด็กไม่มีรองเท้า สู่ยูนิคอร์นหมื่นล้าน!”]
แบรนด์ที่ว่าคือเจ้าไหนว่า เห็นมีคนบอก SCG
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
ขาประจำ18+
Status: "ความเงี่ยน" ทำให้เรา "หายง่วง"
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jan 2020
ตอบ: 13233
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Jul 05, 2025 10:13
[RE: “เบื้องหลัง ‘สงครามส่งด่วน’ ที่หนังไม่ได้เล่า: จากเด็กไม่มีรองเท้า สู่ยูนิคอร์นหมื่นล้าน!”]
ผมดูเอาสนุก แล้วมันก็สนุกจริงๆนะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Oct 2019
ตอบ: 924
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Jul 05, 2025 11:06
[RE: “เบื้องหลัง ‘สงครามส่งด่วน’ ที่หนังไม่ได้เล่า: จากเด็กไม่มีรองเท้า สู่ยูนิคอร์นหมื่นล้าน!”]
เรื่องจริงคือบริษัทขาดทุนมาโดยตลอด market cap ก็สู้เจ้าใหญ่ๆไม่ได้ บริการก็ห่วยแตก มีแต่ปัญหา

พอจะเอาเข้าตลาดปุ้ป พลิกกลับมาทำกำไรทันที แม่มมม ใครซื้อ ipo นี่ไม่ใช่ต้องมีตังค์อย่างเดียวนะ

ขนาดเจ้าตลาด Kerry ดูสภาพซิ 555
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 May 2009
ตอบ: 3325
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Jul 05, 2025 11:52
[RE: “เบื้องหลัง ‘สงครามส่งด่วน’ ที่หนังไม่ได้เล่า: จากเด็กไม่มีรองเท้า สู่ยูนิคอร์นหมื่นล้าน!”]
สิ่งเล็กๆที่คนทั่วไปเอาไปใช้ได้จากหนังเรื่องนี้คือ ภาษา ถ้าได้ภาษาก็เดินนำคนอื่นไปแล้วหลายช่วงตัว

อาจไม่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่ทำงานทั่วไป คือมีใบเบิกทางชั้นดี
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
When does telling the truth ever help any body ?
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jun 2015
ตอบ: 12666
ที่อยู่: Alexandria
โพสเมื่อ: Sat Jul 05, 2025 12:54
“เบื้องหลัง ‘สงครามส่งด่วน’ ที่หนังไม่ได้เล่า: จากเด็กไม่มีรองเท้า สู่ยูนิคอร์นหมื่นล้าน!”
proximity_30 พิมพ์ว่า:
สิ่งเล็กๆที่คนทั่วไปเอาไปใช้ได้จากหนังเรื่องนี้คือ ภาษา ถ้าได้ภาษาก็เดินนำคนอื่นไปแล้วหลายช่วงตัว

อาจไม่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่ทำงานทั่วไป คือมีใบเบิกทางชั้นดี
 

ภาษาดีๆ เงินเดือน 40-50k+ ไม่ยากเลย
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
แก้ไขล่าสุดโดย bearberryz เมื่อ Sat Jul 05, 2025 14:19, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 4651
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Jul 05, 2025 13:06
[RE: “เบื้องหลัง ‘สงครามส่งด่วน’ ที่หนังไม่ได้เล่า: จากเด็กไม่มีรองเท้า สู่ยูนิคอร์นหมื่นล้าน!”]
เวลามีใครคนนึงทำอะไรใหม่ๆ สำเร็จและรวยมาก คนที่มองเขาจะคิดแตกต่างกัน 4 กลุ่ม คือ
1. แม่ง.. คิดได้ไงวะ ทำไมเราคิดไม่ถึง เสียดายๆๆ
2. แม่ง.. ดีว่ะ กรูจะก้อปปี้
3. เออ.. แล้วไง
4. โธ่.. ฟลุ้ค เป็นไปไม่ได้หรอก เดี๋ยวก็เจ๊ง


ระดับความรวยหรือระดับความสำเร็จของแต่ละคนวัดได้จากความคิดพวกนี้แหล่ะ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


AVB Flooring พื้น SPC นำเข้า ราคาขายส่ง
ออฟไลน์
แข้งลีกเอิง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Sep 2010
ตอบ: 4051
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Jul 05, 2025 14:02
[RE: “เบื้องหลัง ‘สงครามส่งด่วน’ ที่หนังไม่ได้เล่า: จากเด็กไม่มีรองเท้า สู่ยูนิคอร์นหมื่นล้าน!”]
หนึ่งในตัวละครที่ใกล้เคียงความจริงที่สุดคือรุ๋ยเจี๋ยไม่ใช่หรอ

ถ้าจำไม่ผิดคือใกล้เคียงกว่าสันติอีก

สันติยังต้องมีความระห่ำในฐานะพระเอก

แต่เหว่ยเจี๋ยคือนิสัยแบบนี้เป๊ะๆ เลย

แล้วมันจะไม่มีจริงได้ยังไง?

Worldview คนเขียนแคบไปหน่อยนะผมว่า
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Apr 2010
ตอบ: 2105
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Jul 05, 2025 14:16
[RE: “เบื้องหลัง ‘สงครามส่งด่วน’ ที่หนังไม่ได้เล่า: จากเด็กไม่มีรองเท้า สู่ยูนิคอร์นหมื่นล้าน!”]
ประวัติแกเป็นแรงบันดาลใจดีมากแนวคิดแกเอาไปปรับใช้กับธุรกิจดีเลย

แต่ ถ้า ipo เข้าตลาดผมไม่ซื้อหุ้นเด็ดขาด
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Mar 2008
ตอบ: 22556
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Jul 05, 2025 19:59
[RE: “เบื้องหลัง ‘สงครามส่งด่วน’ ที่หนังไม่ได้เล่า: จากเด็กไม่มีรองเท้า สู่ยูนิคอร์นหมื่นล้าน!”]
-หรืออย่างตอนที่พระเอกถูกกดดันจากนักลงทุนว่า "อะไรคือความต่างของคุณ จะเอาอะไรไปสู่กับเจ้าใหญ่" แล้วพระเอกก็ตรัสรู้ขึ้นมาได้เลยทันทีว่าจะใช้เรื่องของการเข้าไปรับพัสดุถึงบ้าน key success factor แบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในเสี้ยววินาทีครับ...

ผมว่ามันได้นะ ไอ้การที่มันต้องคิดอะไรให้ปังนะเดี๋ยวนั้น แต่เวิรคไม่เวิรคอีกเรื่อง อาจจะ 1 ในพัน 1 ในล้าน
หนังฝรั่งก็มีนะ เยอะแยะเลย ส่วนนึงก็เพราะมันคิดได้คิดดี แล้วปัง เลยเป็นหนัง งี้ไง อีก 999 หรือ 999,999 ที่ไม่ปังก็เจ๊งไป

-หรือแม้แต่ CTO สุดเทพของพระเอกที่โคตรสถุล คือผมเชื่อว่าคนเก่งที่ดุ โหด tough มีจริง แต่คุณไม่สามารถถ่อยได้ ไม่งั้นไม่มีใครทำงานด้วยแน่นอน

อันนี้มีแน่นอนฮะ ยิ่งบริษัทลักษณะนี้ ผมเคยอยู่บริษัทในตลาด มีโรงงาน ตจว. ยังไม่ได้ดูหนังนะ แต่แม่งก็มีผู้จัดการตัวเห้ ด่าคนที่ได้ยินข้ามชั้นจริงๆ ด่ามึงกู แต่เป็นเด็กเจ้าของ เจ้าของเลี้ยงไว้เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน จะยัดใต้โต๊ะกระเป๋าเจมบอนด์ จะไปเคลียร์กรมที่ดิน พวกงานเสี่ยงๆ แต่มันก็ไม่ได้โง่เอาตัวเองเข้าแลกนะ แม่งก็จะใช้คนอื่น หาบ๋อยต่ออีกเด้งในหลายๆงาน อยู่มานานก็โตระดับ ผอ.อยู่นะ มีบ้านใหญ่ๆ มีเบนซ์สปอร์ตขับอยู่ วุฒิน่าจะไม่ถึงป.ตรีด้วยซ้ำ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
AFC Wimbledon "The Real Dons"
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel