แนะนำการทำ Money Management ก่อนเริ่มลงทุนด้วย 6 Jars
ช่วงนี้ ผมเห็นคนใน SS เริ่มลงทุนแล้ว
ก็เลยอยากจะมาแนะนำวิธีการจัดการ บริหารเงินก่อนที่จะเริ่มลงทุน ไม่ว่าจะ Long term investment (Spot หุ้น, เก็บทอง, เก็บ BTC , ฝากเงินเข้ากองทุน) หรือว่า Short term investment (Future , Forex)
เพราะผมว่า ถ้าแบ่งสรรปันส่วน เงินก่อนลงทุน เวลาล้างพอร์ต มันจะไม่ตายไปก่อนนะครับ
มันจะมี วิธีแบ่งเงินง่ายๆ เค้าเรียกว่า "6 Jars" จากหนังสือ Secrets of The Millionaire Mind ของ T.Harv Eker (หนังสือแปลไทยน่าจะชื่อ "ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน")
โดยเราจะแบ่งเป็น 6 ส่วนจาก Cashflow ของเราในแต่ละเดือน เช่นเงินเดือน(หลังหักภาษี)
โดยจะแบ่งเป็น
Jar 1: Necessities (ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน) 55%
-> ค่าใช้จ่ายจำเป็น ที่เราต้องจ่ายประจำ แบบขาดไม่ได้ เช่นพวก หนี้,ค่าเช่าบ้าน,ค่าไฟ,ค่ากิน,ค่าโทรศัพท์,ค่าเน็ต
Jar 2: Long-Term Investments (ลงทุนระยะยาว) 10%
-> แบ่งเอาไว้ลงทุนระยะยาว ไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน หรือช่วงเกษียร หรือเงินฉุกเฉินเกิดเราเจ็บป่วย เช่นพวก Providenct fund , ค่าประกัน, Spot หุ้นพื้นฐาน หุ้นปันผล, เงินฝาก , ลาพักร้อนเพื่อลดความเครียด, ค่ารักษาพยาบาล
Jar 3: Short-Term Investments (ลงทุนระยะสั้น) 10%
-> แบ่งเอาไว้ลงทุนระยะสั้นๆ แต่ผลตอบแทนสูง แบบเราสามารถเสียเงินตรงนี้ได้ เช่น Trade Future , ซื้อหุ้นซิ่งๆ
Jar 4: Education (การพัฒนาตัวเอง) 10%
-> แบ่งเอาไว้หาความรู้เพื่อ Up-skill,Re-skill เพื่อที่จะได้พัฒนาตัวเองในทุกๆเดือน เช่นไปเรียนภาษาที่ 3 หรือว่าไปเรียนการลงทุนเพิ่ม
Jar 5: Play (จ่ายตามใจเรา) 10%
-> แบ่งไปใช้จ่ายแบบ ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น เพื่อไม่ให้เราเครียดเกินไป เช่นไปเที่ยว,ซื้อเกม,ซื้อของแพงๆ
Jar 6: Give (บริจาค) 5%
-> เอาไว้ฝึกเพื่อลดความตระหนี่ ของเรา เป็นการพัฒนา Mindset เป็นผู้ให้ ลดความเห็นแก่ตัว
ยกตัวอย่าง สมมุติได้เงินเดือนหลังหักภาษี 30k
ก็แบ่งได้เป็น
Jar1 -> 16,500
Jar2 -> 3,000
Jar3 -> 3,000
Jar4 -> 3,000
Jar5 -> 3,000
Jar6 -> 1,500
ก็คือ เรา Fix ค่ากินอยู่ค่าเช่าได้และ 16,500 คือถ้ามันเกิน เราก็อาจจะต้องลดอะไรบางอย่าง เช่นหนี้เยอะ เราก็ค่อยๆแก้หนี้ ให้กลับมาน้อยหรือว่า จะมาเพิ่ม Cashflow ถ้าหนี้มันเยอะ หรืออาจจะขายของที่เราได้ใช้แล้ว เพิ่มมาแก้หนี้ ถ้าดูมันเยอะ
แล้ว Jar2 ก็คือเราเก็บเงินในความเสี่ยงต่ำ-กลาง หรือจะเป็น Cash ไว้ยามฉุกเฉินก็ได้ 3,000
ส่วน Jar3 สมมุติว่า เราอยากจะ Trade future เราก็ start port ที่ 3,000 บาท ถ้าแตกก็ช่างมันรอเดือนหน้าค่อยเข้า แต่ถ้าได้เยอะ ก็อาจจะไปเก็บเป็น ตัวStart ของเดือนหน้า ให้ไปเพิ่มสัดส่วนของ Jar อื่นๆได้ เช่นไปใช้หนี้ หรือว่า เอากำไรไปถลุงเล่น
แล้วไปหาเรียนเพิ่ม จาก Jar4 เช่นไปซื้อหนังสือการลงทุน หรือว่าไปเรียนกการลงทุนเพิ่ม หรืออยาก upskill เพื่อไปเพิ่มเงินเดือน ก็แบ่งส่วนนี้ไป หรือ course มันแพง ก็เก็บเงินไปเรียนได้ครับ แบบกันทุนไปเรียนอะไรแบบนี้
ส่วน Jar 5 เราก็รู้ว่า เราควรใช้จ่ายแบบไม่คิดเยอะได้ 3000 บาท ไปเติมเกม 3000 บาทก็ได้ หรือว่าซื้อเสื้อบอล 3000 บาท
Jar 6 เราก็แบ่งไปบริจาค อาจจะเอาไปให้โรงพยาบาลก็ได้ หรือมูลนิธิต่างๆ แถมจริงๆมันเอาไปลงภาษีได้อีก
พอแบ่งแบบนี้ เราจะเห็นภาพใหญ่แล้ว ว่าอะไรจำเป็นหรือไม่จำเป็น มันก็จะแบ่งเงินเป็นส่วนๆได้
โดยจริงๆ % เราสามารถปรับได้ตามสถานะการณ์นะครับ อย่างบางที เราค่าใช้จ่ายส่วนตัวไม่เยอะก็อาจจะเป็น
Jar1 -> 40%
Jar2 -> 25%
Jar3 -> 10%
Jar4 -> 10%
Jar5 -> 10%
Jar6 -> 5%
อันนี้เวปไว้คำนวนนะครับ
https://jarscalc.thefirstit.com/