มีเรื่องมาแชร์+ระบายครับ อันนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวแฟนผม (ขี้เกียจอ่านลงไปอ่าน Spoil ได้เลยครับ) เริ่มพี่ชายแฟนอายุ 38 เข้า รพ.เพื่อผ่าตัดฝีหนองบริเวณสะโพกซ้าย ที่รพ.เอกชน แห่งหนึ่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ไปๆมาๆ หนองเหมือนจะไม่อยู่ที่สะโพกซ้ายที่เดียว เลยต้องทำ MRI ผลคือหนองมันลามไปถึงสะโพกอีกข้างเลย ซึ่งจุดที่อักเสบเป็นหนองเยอะมาก และพบก้อนที่ตับ 2-3 ก้อน ซึ่ง ณ ถึงตอนนี้มันเป็นเรื่องใหญ่มากแล้วในการผ่าตัด (ไม่ได้เล่าละเอียด จริงๆมีดีเทลเยอะมาก) เพราะเดิมคนไข้มีโรคหัวใจโต และไต ซึ่งค่าต่างๆ ณ ตอนนั้นก็ไม่ดี ทาง รพ.แห่งนี้ก็แจ้งญาติว่า ไม่สามารถทำการผ่าตัดได้เนื่องจากไม่มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญพอ ต้อง transfer คนไข้ไป รพ.ที่มีศักยภาพ (ซึ่งผมสงสัยมาก รพ.ที่อยู่ตอนนั้นคือก็ไม่ได้ด้อยกว่าที่ไหนแน่ๆ แม้จะอยู่ปริมณฑลก็เถอะ ค่ารักษาก็โคตรจะแพง)

ประเด็นมันอยู่ระหว่างนี้แหละ ตัวผมได้คุยกับหมอหลายคนมาก ทั้งหมอไต หมอตับ หมอศัลยฯ หมอรังสี เพื่อเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุดก่อน transfer ซึ่งในภาพรวมได้คำตอบว่าจำเป็นต้อง "ผ่าตัดด่วน" เพื่อระบายหนองออกจากร่างกายคนไข้ จากนั้นค่อยทำการหาสาเหตุ และหมอรังสีก็ตอบคำถามผมเรื่องก้อนที่ตับว่า "ยังดูไม่ออก" ว่าก้อนที่เห็นเป็นอะไร ยังไม่ฟันธงว่าเป็นเนื้องอกด้วยซ้ำ และถ้าเป็นเนื้องอกก็ยังไม่มีลักษณะบ่งชี้ว่าเป็นเนื้อร้ายแต่อย่างใด

ทีนี้มันดันมีหมอคนนึง เข้ามาพบญาติหลังผล MRI ออก แล้วดันมาเจอจังหวะที่มีแค่ พ่อ กับ แม่แฟน แล้วหมอคนนี้ก็แจ้งมาทื่อๆเลยว่า "คนไข้มีโอกาสเป็นมะเร็งสูงมาก (จากก้อนที่ตับ) แถมยังบอกอีกว่าน่าจะอยู่ได้อีกแค่ 6 เดือน" ทีนี้พอได้ยินแบบนั้นก็ลมจับกันทั้งคู่ แถมพอเจอแฟนผมยังมาย้ำเรื่องนี้อีกรอบนึงด้วย พอผมรู้เรื่องก็เฮ้ยตอนคุยกับหมอรังสีไม่ใช่แบบนี้ เลยรีบติดต่อหมอ แต่ก็ติดต่อได้แค่หมอรังสี เพราะดึกมากแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการ transfer ไปที่ รพ.เอกชนในกทม. หมอรังสีก็ย้ำคำเดิมกับผมว่าก้อนที่ตับยังไม่รู้แน่ชัดว่าก้อนอะไร แม้กระทั่งเป็นเนื้องอกหรือเป็นแค่ฝีหนองก็ยังไม่คอนเฟิร์ม โดยส่งผลตรวจทุกอย่างไปให้รพ.ปลายทางแล้ว เพื่อตรวจละเอียดอีกครั้งแล้ว "แต่โอกาสเป็นเนื้อร้ายต่ำ" จากภาพและประวัติคนไข้

จากนั้นพอทำการ Transfer ไปอีก รพ. ทำการผ่าตัดระบายหนองเสร็จสิ้น (หลังผ่าต้องเข้า ICU มีเหตุการระทึก โยนเหรียญหัวก้อย อยู่หรือไป หลายรอบ) ทีนี้พอเรื่องผ่าตัดระบายหนองจบไป มาตรวจตับผลปรากฎว่าเป็นเนื้องอกธรรมดาไม่มีอะไร (ตอนมาครั้งแรกตัวผมก็ได้ถามหมอ รพ.ที่ Transfer มาเรื่องตับ ก็ได้รับแจ้งว่าดูผล MRI เบื้องต้นโอกาสเป็นเนื้อร้ายต่ำมากๆ ลักษณะไม่มีรอยโรคของเนื้อร้าย แต่ต้องตรวจละเอียดอีกครั้ง)

เลยเกิดคำถามเป็นร้อยเป็นพันเกี่ยวกับหมอคนที่มาแจ้ง "เรื่องก้อนที่ตับ" ว่าเค้าอ้างอิงจากอะไร? ผล MRI ก็ไม่ใช่? แล้วไอการที่บอกว่าโอกาสเป็นมะเร็งสูงมาจากไหน? แล้วอยู่ได้ 6 เดือนมาจากอะไร paper ไหน? ทำไมต้องรีบแจ้งทั้งๆที่ผลยังไม่ชัด? แล้วหมอแต่ละแผนกอ่านผลแล้วไม่แชร์ข้อมูลกันเหรอ? เรื่องสำคัญขนาดทำให้ญาติช็อกตายได้มาแจ้งกันง่ายๆแบบนี้เหรอ? คิดแล้วประเมินจากประสบการณ์ล้วนๆ? กระบวนการคืออะไร? คือยิ่งคิดมันก็มีแต่ ????? เต็มไปหมด คือถ้าภาพรวมผลการตรวจทุกอย่างมันบ่งชี้ก็เข้าใจได้ แต่อันนี้แทบจะไม่มีอะไรมาอ้างอิงเลย ผลคือพ่อแม่แฟน ช็อค กินไม่ได้นอนไม่หลับ ร้องไห้กันแทบตาย

ปล.ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ อยู่ระหว่างการพักฟื้น

นี่แหละฮะ ทำไมบางเคสถึงต้องส่งต่อให้หมอเฉพาะทาง หรือหมอที่มีประสบการณ์สูงๆดู หรือมีการประชุมวินิจฉัยร่วมกับหมอเฉพาะทางสาขาต่างๆ ในการรักษาคนไข้เคสพิเศษ

เพราะหมอก็ไม่ได้รู้ลึกทุกเรื่อง เลยทำให้มีการวินิจฉัยพลาดได้


ส่วนหมอที่บอกว่าอยู่ได้ไม่ถึง 6 เดือน อาจจะมีเจตนาดี ในการบอกญาติและเจ้าตัวตรงๆไปเลย จะได้สามารถสะสางเรื่องต่างๆในเวลาที่เหลืออยู่ทัน

แต่ถ้าตัวเองไม่ชัวร์ก็ควรจะตรวจซ้ำให้ละเอียด หรือส่งต่อหมอเฉพาะทางคนอื่นแทน

ขนาดลูกผมเข้า รพ เพราะมีอะไรบาดที่เท้า xray เจอวัตถุชิ้นเล็กที่เท้า หมอห้องฉุกเฉินผ่าแล้วหาไม่เจอ ยังจะส่งต่อให้หมอศัลย์ พอไป xray อีกรอบไม่เจอแลยไม่ได้ไปต่อ เค้าก็บอกไม่แน่ใจอาจต้องให้หมอศัลย์ช่วยถ้ายังเจอชิ้นตอน xray รอบสอง

ก็มีเยอะแยะไป พวกโง่แต่มั่นหน้ามั่นโหนก

ยิ่งอาขีพนี้ยิ่งโคตรเยอะ

ลุงข้างบ้านผม kill ตัวเองเพราะแบบนี้แหละ ไม่รู้เพราะ panic มากไปหรือหมอใช้คำไม่ถูก แกบ่นกับลูกหลานไม่อยากเป็นภาระ แกเสียวันที่หมอนัดไปฟังผล

ผมนี่ช๊อคเลยเพราะแฟนแกก็เสียเพราะ kill ตัวเองเหมือนกัน

ปกติครับที่ความเห็นไม่ตรงกัน ถึงต้องใช้ความเห็นหมอหลายๆคนมาประกอบกัน อย่าเพิ่งเชื่อคนใดคนนึงทั้งหมด

ปกติการจะวินิจฉัยโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง โรค HIV พวกนี้ต้องมั่นใจมากๆก่อนแจ้งให้คนไข้หรือญาติทราบนะ
ไม่รู้ว่าหมอคนที่ให้ข้อมูลคนนั้น มั่นใจอะไรนักหนากับภาพถ่ายรังสี ซึ่ง ตาดีหรือตาไม่ดี ประสบการณ์อีก ปกติแล้วเค้ามักจะบอกเป็นข้อสงสัยไว้ก่อน ยังไม่ฟันธงอะไรจนกว่าจะได้ชิ้นเนื้อไปตรวจ ซึ่งก็เป็นเวลาหลักเดือน หรือของผมเอง แม้จะรู้ด้วยประสบการณ์ว่า ใช่แน่ๆ ก็ยังไม่บอกว่าใช่จนกว่าจะได้ผลการตรวจครบนะ เพราะเสียวว่าวินิจฉัยผิดทางเหมือนกัน เดี๋ยวเรื่องเข้าตัวเองเปล่าๆ ผมไม่มั่นหน้าขนาดนั้น

ผมเชื่อแบบท่านพิมพ์มาทั้งหมดเลย ผมเลยเอ๊ะไม่รู้กี่รอบ คำถามประเดประดังมาไม่หยุด มันคือโรคร้ายแรงถึงชีวิตมันวินิจฉัยกันง่ายๆแบบไม่ต้องมีผลตรวจที่ชัดเจนเลยเหรอ บางเคสต่อให้ผลออกแล้วหมอยังต้อง Double-Check ให้แน่ใจก่อนเลยถึงจะกล้าบอกญาติคนไข้ในเรื่องสำคัญร้ายแรงขนาดนี้ อันนี้บอกเป็นมะเร็งไม่พอ แถมบอกอยู่ได้ 6 เดือน แสดงว่าสิ่งที่หมอเห็นคือมะเร็งระยะ 3-4 เหรอ

สำหรับเรื่องนี้ ผมมองจุดสำคัญหลายประเด็นนะครับ
- ถ้าไม่ได้รับฟังเอง หรือ record ไว้ ต้องแบ่งใจเรื่องข้อมูลนิดนึงนะครับ เจอประจำ อธิบายยาวยืด ออกมาญาติบอกว่าหมอไม่เห็นอธิบายอะไร หรือฟังแล้วเลือกจับประเด็นซักเรื่องมาแล้วไม่ถูก ไม่ครบ ถ้าเอาเท่าที่อ่านหมอก็แค่บอกมาว่าโอกาส ไม่ใช่ฟันธง
- ถ้าสงสัย นัดหมอคุย สอบถามได้ครับ ไม่ใช่เก็บอะไรค้างคาไว้ สุดท้ายฟังจากหมอเอง อาจจะคนละเรื่องกับที่ฟังมา ผมเจอประจำ
- xray ต่างๆ มันเหมือนดูเงา สุดท้ายตัดกันที่ผลชิ้นเนื้อ ยกเวัน Xray ในโรคบางอย่างที่มันมีลักษณะเฉพาะจริงๆ
- ค่ารักษา ไม่ได้เป็นตัวบอกศักยภาพ รพ
- รพ ทำถูกแล้ว ที่ส่งต่อเคสที่ไม่แน่ใจไปที่ที่พร้อมกว่า
- เคสนี้เดาจากข้อมูล ถ้าก้อนที่ตับ + ลักษณะก้อนแพร่กระจายไปนอกตับ ก็ระยะแพร่กระจาย ข้อมูลสมัยก่อนจะบอกว่า 3-6 เดือนไม่แปลก แต่ปัจจุบันคงต้องถามหมอมะเร็ง มียาใหม่ๆ การักษาใหม่ๆ เยอะครับ ตามไม่ทันแล้วถ้าไม่อยู่ในแวดวงนั้น
- ดีใจด้วยครับ ที่ไม่เป็นมะเร็ง

หมอที่เข้ามาคุยเป็นหมอเฉพาะทางไหมครับ ด้านไหน และมีส่วนอย่างไรในกระบวนการรักษาหรอครับ
ปกติคนนอกทีมรักษาไม่มีสิทธิในการคุยกับคนไข้และญาติครับ รวมถึงควรจะประชุมให้ได้ความเห็นในทีมก่อนด้วยว่าจะคุยกับคนไข้และญาติอย่างไรครับ จะได้ไปในทำนองเดียวกัน

หมอมั่วๆหรือชุ่ยๆก็มีเยอะแยะครับ บางคนเป็นเฉพาะทางแล้วก็มี การขอ second opinion ในการรักษาเรื่องสำคัญๆเป็นสิ่งที่ทำได้และควรทำเป็นเรื่องปกติเลยครับ

เยอะแยะครับ คนส่วนใหญ่คิดว่า หมอเอกชนจะเก่ง หรือ หมอจบจาก สถาบันดังๆ จะเก่ง



ความจริงคือ หมอถ้าไม่ใช่ระดับอาจารย์แพทย์ พวกหมอทั่วไปที่อยู่เอกชน ส่วนนึงคือพวกที่ทำงานรัฐบาลไม่ไหว หรือ จบจาก...ที่หางานรัฐบาลไม่บรรจุให้ ก็ไปหารับจ้อบเอกชน ส่วนใหญ่ (ไม่ใช่ทั้งหมด) ขีดความสามารถต่ำกว่า แพทย์ที่ฝึกในภาครัฐ



ส่วนหมอที่จบจาก สถาบันดัง ที่ผมเจอมา ศิ.... รา... รุ่นหลังๆ ทักษะ การทำงานจริง ตกต่ำลงไปมาก คาดว่า ในรรพ พวกนี้ มี อาจารย์ เดนท์ เฟลโล่ บลาๆ ทำให้ นศพ จบมาประสบการณ์น้อยกว่ารุ่นก่อนๆ ถ้าเรื่องอ่านหนังสือทำข้อสอบวิชาการเรื่องทำเกรดอาจจะแน่น แต่ประสบการณ์ การตัดสินใจอะไร ดูดรอปลงเยอะ

ปล การจะบอกว่า ผลอ่านเจออะไร หมอรังสีเป็นคนบอก การจะผ่าตัดหรือไม่ผ่า หมอศัลยเป็นคนบอก ต่อให้คุณเป็นศัลยแพทยื แต่ผลอ่านออกมา คุณก็ต้องยึดตามนั้น ไม่ตรงกันด้านไหนโทรไป consult ครับ


หมอที่ไม่ใช่ field ด้านนั้น แล้วไปตัดสินใจแทน สำหรับผมคือ พวกไม่มีมารยาท คุณเป็นหมอแผนกอื่น แต่มีสิทธิ์มาบอกคนไข้ว่าจะต้องผ่านั้นผ่านี้ โดยที่คุณไม่ใช่หมอศัลย หรือ ต่อให้เป็นศัลยแต่คุณไม่ใช่เจ้าของไข้ คือเสียมารยาทมากๆ

เป็นหมอคนแรกที่มากรีดระบายหนองเฉพาะส่วนครับ(ผ่าตัดเล็ก) แกประเมินว่ามีหนองลึกประมาณ 3 ซม. แต่พอกรีดจริงลึกกว่านั้นเยอะมาก เลยต้องไป MRI แล้วเจออย่างที่เล่าด้านบน จากนั้นก็เป็นที่มาในการ Transfer เพราะแพทย์ไม่พร้อมผ่าตัด และหลังจากผล MRI ออก แกก็มาพูดแบบนี้ ทั้งๆที่หมอรังสี กับ หมอตับ ยังไม่คอนเฟิร์มเลยว่ามันคือก้อนอะไร

ผมบอกเลยว่าคนที่บอกว่าเป็นนั่นนี่แน่นอน ย้ำว่าแน่นอนในขณะที่รอผลตรวจ เป็นหมอที่ใช้ไม่ได้ครับ เกลียดมากพงกแบบนี้ เป็นคนไม่รับผิดชอบคำพูด แต่ถ้าในรายละเอียดที่พูดเค้าพูดว่าจากประสบการณ์ หรือยกตัวอย่างเคสอื่น แันนี้ผมเข้าใจได้

ส่วนของการฟัง ถ้าเป็นแค่ พ่อ กับ แม่แฟน อย่างเดียวผมคงเผื่อใจ 50/50 แต่หมอมาย้ำกับตัวแฟนผมเองอีกรอบนึงด้วยคำพูดแบบนี้ครับ ซึ่งแฟนผมโทรหาผมทันทีแล้วร้องไห้ ส่วนเรื่องนัดหมอคุยตอนนั้นอยู่ระหว่างการ transfer และสถานการณ์ตอนนั้นไม่เอื้ออำนวยเลย ส่วนลักษณะก้อนอะไรต่างๆหมอท่านอื่นพูดเหมือนดูคนละภาพกันเลยครับ