B-2 ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น "เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์" (Strategic Bomber) ซึ่งหมายถึงภารกิจที่ต้องบินข้ามทวีป หรือโจมตีเป้าหมายที่อยู่ห่างไกลจากฐานทัพหลัก

แม้ B-2 จะมีพิสัยการบินโดยไม่เติมน้ำมันประมาณ 6,000 ไมล์ทะเล (ประมาณ 11,112 กิโลเมตร) ซึ่งถือว่าไกลมาก แต่ภารกิจบางอย่าง เช่น การโจมตีเป้าหมายลึกเข้าไปในดินแดนของศัตรู หรือการบินไปกลับจากฐานทัพในสหรัฐอเมริกาไปยังภูมิภาคที่ห่างไกลมากๆ (เช่น ตะวันออกกลาง หรือเอเชียตะวันออก) อาจต้องใช้ระยะทางรวมที่มากกว่าขีดความสามารถที่เติมน้ำมันครั้งเดียวได้

การเติมน้ำมันกลางอากาศช่วยให้ B-2 สามารถขยายพิสัยการบินได้มากกว่า 10,000 ไมล์ทะเล (ประมาณ 19,000 กิโลเมตร) ด้วยการเติมน้ำมันเพียงครั้งเดียว ซึ่งหมายความว่าสามารถเข้าถึงเป้าหมายได้แทบทุกที่ทั่วโลกจากฐานทัพในสหรัฐฯ โดยไม่ต้องลงจอดที่ฐานทัพอื่น

การที่เครื่องบินไม่ต้องลงจอดบ่อยๆ ช่วยลดภาระในการบำรุงรักษา ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุในการขึ้นลงจอด และลดเวลาที่ต้องใช้ในการเตรียมเครื่องบินสำหรับภารกิจต่อไป

ถามแบบไม่รู้เลย คือ
- เครื่องพวกนี้มันดีกว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบอื่นยังไง
- แล้วมันบินแบกระเบิดผ่านน่านฟ้าแต่ละประเทศได้ไง

แน่ๆก็คือเป็นรุ่นเดียวที่ใช้ Bunker Buster ได้ แบกระเบิดได้ทุกแบบบนโลกและก็ระบบสเตลธ์ เอาง่ายๆว่าหวงขนาดต้องจอดที่ฐานทัพอากาศ whiteman เท่านั้น

มีวลีเท่ห์ๆคือถ้าคุณเจอเครื่องบินรุ่นนี้แสดงว่าคุณไม่ใช่เป้าหมายของมัน

เอาจริงสหรัฐไม่เอาเครื่องบินลำนี้ออกมาถ้ารู้ว่ายังไม่สามารถครองอากาศได้ เค้าไม่ยอมให้มันตกเพราะแพง ไหนจะเทคโนโลยีอีก แค่บินไปตบเกรียนอิหร่านนี่ ใช้ tanker คอยเติมน้ำมัน ขนาดจะบินออกจากฐานทัพ ยังต้องใช้อีกฝูงบินล่อไปทางแปซิฟิค งดใช้วิทยุ แต่เครื่องบินขับไล่แต่ละหน่วยจะบินมาวนรอคุ้มก้นตรงจุดนัดพบที่เตรียมไว้ ยาวไปจนถึงอิหร่าน

ลองดูช่อง ltmilitary ใน yt ครับ ค่อนข้างอะิบายได้ดีเลยครับ บางคนอาจจะนึกว่าเหมือนลำไม่ใหญ่แบบเครื่องบินตามงานวันเด็กที่เราเคยเห็น f-15 อะไรแบบนี้