ทนายดังมาโพส..
เฮ่ย แบบนี้ก็ได้จริงดิครับ

คืนได้ครับ แต่ก็ติดประวัติไป

แต่ละเคสไม่เหมือนกัน แต่ทนายอะได้เงิน

ได้จริงครับ แต่ต้องไม่เคยขาดส่งนะ แลกกับถูกแบลคลิสจากไฟแนนซ์

อ่านแล้วรู้สึกคุ้มค่าน่าทำครับ

ตรงไหน 5555555

ถ้ารถแพงอาจจะคุ้ม แต่เนต้าไม่กี่แสนผ่อนๆไปเหอะ แปปเดียวก็หมด

ติดบูโรนี่หนักเลยนะ

ศาลตัดสินแบบนี้ อีกหน่อยคงไม่ทำเช่าซื้อแล้ว
ต้องไปหาสัญญาอย่างอื่นมาแทน

แต่ผมวาามันยังไม่100% กลับไปกลับมา เพราะงั้นแบงค์คงต้องฟ้องยันฎีกาให้หมด

เตสแบบนี้แม่งจะโคตรตลกเลย
กลายเป็นพวกจ่ายน้อยๆผ่อนนานๆโคตรคุ้ม เพราะจ่ายนิดเดียว
แต่พวกขยันอดออมดาว์นเยอะหรือผ่อนสั้น จ่ายไปเยอะกว่า
สุดท้ายปล่อยยึด=เซ็ต0เหมือนกัน แต่ไอ้คนจ่ายน้อยก็ได้เปรียบ

เอาตรงๆคือเคสจริงมีไม่เยอะหรอก

เพราะคนที่ผ่อนไม่ไหว มันก็ไม่มีปัญญาไปจ้างทนายสู้ไฟแนนซ์อยู่ละ

ต่อให้โอกาศชนะเยอะก็ตาม

จริงครับ ทนายแก้วก็เคยพูดไว้แบบนี้

มันไม่ต้องไปจ้างสู้ ฝั่งที่ต้องจ้างคือแบงค์
ผมก็ไม่ได้อ่านหรือติดตามอย่างละเอียด
แต่ถ้าตามข่าวตามทนายเดชาคือตอนนี้ศาลฎีกาบอกว่าคืนแล้วจบ
เพราะงั้นลูกหนี้คือเอารถไปคืนคือจบ
ถ้าขายแล้วเงินไม่พอชำระ = แบงค์ต้องไปฟ้องลูกหนี้ ถ้าศาลชั้นต้นชั้นอุทธรณ์ตัดสินตามฎีกา แบงค์ก็ต้องสู้ไปจนสุดซอยฎีกาทุกคดี

ศาลก็ตัดสินประหลาย แบบนี้คนซื้อไปอยากคืนทั้งเลย แผ่นดินไหว คอนโดนี่อยากคืนกันเพียบแน่ๆ พวกตึกที่เสียหายเยอะๆ

ส่วนตัวผมโอเคนะ เพราะที่ผ่านมาแบ๊งค์แม่มผลักภาระความเสี่ยงใส่ผู้บริโภคยับๆ

การปล่อยกู้แต่ละครั้งมันต้องคำนวนงวดเงิน+ค่าเสื่อมตามจำนวนงวดอยู่แล้วว่าคุ้มกับความเสี่ยงเมื่อเทียบกับกำไร

จากดอกเบี้ยหรือไม่ แต่พอคนเช่าซื้อผ่อนไม่ไหวแทนที่จะยึดแล้วเอาไปขายตามราคาที่เสื่อม พวกแม่มชอบตัดจบ

ขายถูกกว่าราคาที่ควรจะได้เพราะไม่อยากถือรถไว้ในมือ พอไปเร่งขายตัดจบราคาก็ต้องถูกกว่าที่ควรจะเป็นเยอะ

อยู่หล่ะแล้วค่อยมาฟ้องเอาส่วนต่างจากคนเช่าซื้อ ซึ่งแปลว่า ธนาคารจะไม่ยอมเสียอะไรเลยได้กำไรจากดอกเบี้ย

ก็ได้ไปหล่ะ

สัญญาคนละแบบกันครับ ซื้อคอนโดนี่คือกู้เงินธนาคาร ถ้าเป็นสัญญาเช่าซื้อต้องเป็นพวกคอนโดที่ผ่อนตรงกับเจ้าของบางโครงการ

เช่าซื้อคือสัญญา ถ้าไม่ซื้อก็ผิดสัญญา

เมื่อผิดสัญญา ลูกหนี้ก็ต้องชดใช้
ใช้ทั้งต้นดอก ค่าเสียหาย ค่าฤชาธรรมเนียม

กรณีคืนรถไม่ผ่อนต่อ คือผิดสัญญา
ผลของการผิดสัญญา ลูกหนี้ต้องชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด
ถ้าเอาไปขายทอดตลาดได้แสนเดียว ส่วนต่าง3 แสน ก็ต้องชดใช้3แสนรวมดอก และค่าดำเนินการทั้งปวง

มันน่าจะออกมาในรูปแบบนี้ไม่ใช่หรือ

ทำได้ครับ ผมเคยตั้งกระทู้ไปนานละ

https://www.soccersuck.com/boards/topic/1874972

แต่เงื่อนไขคือต้องไม่ผิดชำระ ต้องเข้าใจก่อนว่าผ่อนรถคือเช่าซื้อ หมายความว่าไฟแนนซ์เป็นเจ้าของรถ ลูกค้าคือคนเช่า ลูกค้าไม่ได้กู้เงินจากไฟแนนซ์ ถ้าคิดว่าไม่ไหวก็ทำหนังสือยกเลิกเช่าคืนรถ

แต่ไฟแนนซ์ก็จะฟ้องแน่นอนแต่ถ้าไม่ผิดชำระ หรือรถไม่เสียหายยังไงก็ชนะเพราะมีเคสนี้แล้ว

สัญญาเช่าซื้อยกเลิกสัญญาได้

ลองอ่านดูนะครับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5239/2561
ภายหลังจากจำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์ 2 งวดโดยยังไม่ผิดนัด จำเลยที่ 1 นำรถยนต์ที่เช่าซื้อไปส่งมอบคืนให้แก่โจทก์อันเป็นเวลาก่อนถึงกำหนดชำระค่าเช่าซื้องวดที่ 3 หนึ่งวัน แสดงว่าในขณะส่งคืนทรัพย์สินที่ให้เช่าซื้อจำเลยที่ 1 ยังหาได้ตกเป็นผู้ผิดนัดไม่ กรณีมิใช่เรื่องที่จำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อแล้วนำรถยนต์ที่เช่าซื้อไปส่งมอบคืนให้แก่โจทก์ แต่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ใช้สิทธิเลิกสัญญาเช่าซื้อในขณะที่ตนเองยังไม่ได้ตกเป็นผู้ผิดนัดตาม ป.พ.พ. มาตรา 573 อันเป็นบทบัญญัติให้สิทธิผู้เช่าซื้อเลิกสัญญาได้และส่งผลให้สัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกัน เมื่อสัญญาเช่าซื้อเลิกกันโดยจำเลยที่ 1 มิได้ประพฤติผิดสัญญา แม้ในสัญญาเช่าซื้อจะมีข้อความว่ากรณีที่เจ้าของได้รถกลับคืนมาไม่ว่าจะด้วยเหตุที่เจ้าของเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาหรือผู้เช่าซื้อเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญา หากเจ้าของนำรถออกขายได้ราคาน้อยกว่ามูลหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ ผู้เช่าซื้อตกลงรับผิดส่วนที่ขาดก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 1 มิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาและไม่ปรากฏว่าขณะที่สัญญาเลิกกันจำเลยที่ 1
มีหนี้ที่จะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เพียงใด โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดราคาจากจำเลยที่ 1 ได้
เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าขาดราคาให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ผู้ค้ำประกันย่อมไม่ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ด้วย