แม้ว่าชาไทยจะมีสีสันน่าดื่มชวนให้กินอาหารได้อร่อยขึ้น จนได้ขึ้นแท่นเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตติดกระแสของคนทุกเพศทุกวัย ทว่าเจ้าชาสีส้มชนิดนี้กลับกลายเป็นประเด็นที่ผู้คนในโลกโซเชียลมีเดียต่างก็พูดถึงอันตรายและผลกระทบข้างเคียง เนื่องจากสีสันอันน่าลิ้มลองนี้ ไม่ได้มาจากใบชาโดยตรง แต่เกิดจากการใส่สีผสมอาหารสังเคราะห์ที่เรียกว่า Yellow No.6 หรือ Sunset Yellow FCF

ขณะนี้ในบางประเทศได้ห้ามใช้หรือควบคุมการใช้สีผสมอาหารนี้แล้ว เช่น เดนมาร์ก ฟินแลนด์ และประเทศในโซนยุโรป เนื่องจากข้อกังวลในเรื่องผลกระทบด้านสุขภาพ

ดร. นุติ หุตะสิงห์ หรือที่คนรู้จักในชื่อ เชฟทักษ์ เชฟและนักวิทยาศาสตร์ทางอาหาร ย้ำเตือนถึงความเสี่ยงและอันตรายจากการดื่มชาผสมสีมากจนเกินไปว่า “หากดื่มชาไทยตั้งแต่ 1 - 2 แก้วต่อวัน จะได้รับเจ้าสารสีส้มตัวนี้มากกว่าปริมาณที่มาตรฐานสากลกำหนดไว้ เกิดผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น กระตุ้นให้เกิดอาการสมาธิสั้นในเด็ก รวมไปถึงความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งหรือผลเสียต่อไต”

ดร. แก้ว กังสดาลอำไพ ที่ปรึกษานิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวถึงอันตรายของสีผสมอาหารสังเคราะห์ว่า “ไม่มีคำว่าปลอดภัยในทางพิษวิทยาของสารเคมีที่เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ มีแต่คำว่าเสี่ยง เพียงแต่จะเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อยเท่านั้น”

ในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังอนุญาตให้ใช้ Sunset Yellow FCF ในอาหารและเครื่องดื่มได้ โดยกฎหมายอนุญาตให้ใส่สีผสมอาหารนี้ได้ไม่เกิน 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (mg/kg)

กินหมดไม่สนสีไหน

ผมเลิกกินชานมมานานมากๆละ ไม่ได้กลัวเรื่องสีอะไรหรอก กลัวคอลเลสเตอรอลมากกว่า

เป็นเหตุสมควรให้ยุบพรรคที่ใช้สีส้มเป็นตัวแทน ผ่าม

ชงชาเขียวแดกเองครับจน 10 กว่าบาท ไม่มีตังไปแดกร้าน ข้อดีของความจน

เพิ่ง crack ออกมาว่า ชาไทย คือ ชาแดงเข้มๆไม่ต้องหอมมาก ผสมกลิ่นวานิลลา ผสมสีแดงส้ม + นมไขมันไม่สูงมาก แต่น้ำตาลสูงหน่อย

ตัดเรื่องสีกับนมอก ก็ทึ่งว่ากลิ่นวานิลลา เป็นสิ่งสำคํญที่ทำให้ชาไทยมีเอกลักษณ์

ก็คือพอมีบางเจ้าจะทำแบบไม่ใส่สี ช่วงนี้เลยตีฟุ้งเรื่องพวกชาใส่สีว่าเป็นอันตรายป่ะ แต่ผมเฉยๆปกติไม่กินอยู่แล้ว