แข้งดัทช์ลีก
Status:

: 0 ใบ

: 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 Apr 2021
ตอบ: 2921
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jun 19, 2025 13:35
สว. พร้อมเพรียงยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ปปช. ถอดถอนอุ๊งอิ๊ง ปัดตอบจะให้ อนุทิน เป็นนายกแทนหรือไม่
PARLIAMENT: สว ลุยลงชื่อร้องศาลรัฐธรรมนูญ-ป.ป.ช. ถอดถอนนายกฯ เหตุผิดจริยธรรมร้ายแรง อ่อนด้อยให้กัมพูชา ปัดตอบ ‘อนุทิน’ เหมาะนั่งนายกฯ หรือไม่
วันนี้ (19 มิ.ย.68) พลเอกสวัสดิ์ ทัศนา สมาชิกวุฒิสภา (สว) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา นำทีม สว อ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์พิพาทบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 คณะกรรมาธิการการทหาร ได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชา และแสดงความไม่สบายใจต่อพฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาล ที่แสดงออกถึงการด้อยความสามารถ ขาดภาวะผู้นำ โดยคณะกรรมาธิการการทหารได้เรียกร้องให้เปิดอภิปรายทั่วไป เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา
คณะกรรมาธิการการทหารคาดหวังว่า ผู้นำรัฐบาลจะรับรู้ได้ด้วยจิตสำนึก และระลึกได้ว่าตนเองคือ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อวานนี้ นางสาวแพทองธาร ได้ออกมาแถลงยอมรับว่า คลิปเสียงที่เผยแพร่ออกมานั้นเป็นคลิปเสียงของตน สนทนากับสมเด็จ ฮุน เซ็น จริง โดยมีเนื้อหาพาดพิงถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ว่า “เป็นคนของฝ่ายตรงข้าม” เป็นการด้อยค่า ไม่ให้เกียรติทหาร และกองทัพที่ทำหน้าที่รักษาอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดน
อีกทั้งการสนทนาเป็นลักษณะการยินยอมอ่อนข้อและอ่อนน้อมให้กับอริราชศัตรูผู้รุกรานต่อแผ่นดินไทย โดยได้แสดงท่าทีที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการ ที่สมเด็จ ฮุน เซ็น เรียกร้อง การกระทำของผู้นำรัฐบาลเช่นนี้ทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างใหญ่หลวง และประชาชนคนไทยหมดความเชื่อถือ ศรัทธา เพราะที่ผ่านมาพฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาล ล้วนส่อไปถึงความเป็นคนไม่รักชาติ
บัดนี้ความอดทนของคนในชาติ ได้สิ้นสุดลงแล้ว จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากผู้นำรัฐบาลที่ด้อยความสามารถ ขาดประสิทธิภาพ ขาดภาวะผู้นำ ประเทศชาติขาดความเป็นปึกแผ่น ไร้ศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิ คณะกรรมาธิการการทหาร จึงขอเรียกร้องให้ นางสาวแพทองธาร แสดงความรับผิดชอบที่ทำให้ประเทศไทยต้องเสียเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของชาติ ประชาชน และกองทัพ ด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกฯ
จากพฤติกรรมดังกล่าว คณะกรรมาธิการการทหารเห็นว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของประเทศชาติและสาธารณสมบัติของแผ่นดิน รวมทั้งป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
มาตรา 52 รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ รัฐต้องจัดให้มีการทหาร การทูตและการข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพ
มาตรา 164 ในการบริหารราชการแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ กฎหมาย รวมถึงนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา และต้องปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ เปิดเผย และมีความรอบคอบและระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดและสร้างเสริมให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรมผาสุก และสามัคคีปรองดองกัน
และประมวลกฎหมายอาญา หมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร และหมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ในมาตราต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฐานเป็นกบฏ หรือคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศหรือที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ หรือร่วมเป็นข้าศึกของประเทศ และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
นอกจากการกระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายในหลายมาตราดังกล่าวยังส่งผลต่อการดำรงตำแหน่งทางการเมือง และการตำหนิผู้นำทหาร คือ แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นคนละฝ่ายกับเรา หมายถึงเป็นคนละฝ่ายกับนายกรัฐมนตรีไทยกับประธานวุฒิสภาของกัมพูชาถือเป็นการสร้างความแตกแยกในชาติ และยังเป็นการกระทำที่เข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริต และละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ด้วยเหตุผลดังกล่าว คณะกรรมาธิการการทหาร จึงไม่อาจปล่อยนางสาวแพทองธาร ซึ่งเป็นบุคคลฝั่งเดียวกันกับกัมพูชาและเป็นฝั่งตรงข้ามกับประเทศไทย ให้บริหารประเทศต่อไปได้ วุฒิสภา จึงขอเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกจากตำแหน่งและยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที
พร้อมกันนี้คณะกรรมาธิการการทหาร ไม่อาจปล่อยให้บุคคลที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับประเทศไทยบริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้แม้แต่วินาทีเดียว กรณีจึงมีความจำเป็นต้องยื่นถอดถอนนางสาวแพทองธาร ออกจากตำแหน่งนายกฯ เนื่องจากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) เพราะไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรม
ทั้งนี้ขอให้ประชาชนทุกภาคส่วน รับฟังข่าวสารที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ อย่าหลงเชื่อข่าวสารที่เป็นข่าวปลอม เพื่อปลุกปั่นให้เกิดความเข้าใจผิดจากผู้ไม่หวังดี เพราะจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ ให้เกิดความวุ่นวายและขอให้ประชาชนร่วมกัน แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความสงบ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ประเทศชาติ ศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์
คณะกรรมาธิการการทหารและ สว ได้ตระหนักในบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบต่ออธิปไตยและความมั่นคงของชาติ ด้วยการทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชนคนไทยให้ดีที่สุด และพร้อมจะยืนเคียงคู่กับประชาชน ข้าราชการทุกหมู่เหล่า และกองทัพ เพื่อดำรงรักษาอธิปไตย และประเทศชาติอย่างสุดกำลัง “เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน”
พลเอกสวัสดิ์ ยังเปิดเผยอีกว่า สว จะลงรายชื่อคาดว่าภายในวันนี้จะดำเนินการเรียบร้อย โดยจะมีการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช. ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นจะกระทบความเชื่อถือทางการเมืองต่อตัวนายกฯ หรือไม่นั้น แม้จะเป็นการตัดสินใจของฝ่ายรัฐบาล แต่ในความรู้สึกของประชาชนคนไทย ข้าราชการ และข้าราชการทหาร นายกฯ ไม่มีความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินไทยแล้ว โดยเฉพาะที่บอกว่าแม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้เป็นพวกเรา นายกฯ ไทยกับประธานวุฒิสภากัมพูชาถือว่าเป็นอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งคงไปไม่ได้แล้ว
สำหรับเหตุผลในการเรียกร้องของ สว ให้นายกฯ ลาออกแทนที่จะยุบสภาหรือเป็นวิธีการอื่นนั้น พลเอกสวัสดิ์ ระบุว่าเราเรียกร้องให้ลาออกและดำเนินการตามกฎหมาย และบทบาทหน้าที่ที่เราจะสามารถทำได้ มันไม่นำไปสู่ทางตันทางการเมือง มั่นใจว่าถ้าเป็นคนไทยรักชาติ รักแผ่นดินมาถึงขนาดนี้แล้ว รัฐบาลจะมีหนทางในการตัดสินใจที่เป็นทางออกที่เป็นผลดีให้กับประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวจึงขอให้วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง และรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ที่มีอยู่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ และจะทำให้เดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ พลเอกสวัสดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐสภาที่ยังไม่เกิดขึ้น
เมื่อถามต่อว่าเหตุการณ์เดดล็อกทางการเมือง จะส่งผลต่อการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาหรือไม่ พลเอกสวัสดิ์ กล่าวว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นมาแล้ว หากต่อไปคงจะมีความชัดเจนมากขึ้นในการแก้ปัญหาร่วมกัน คิดว่าน่าจะเป็นผลดี
ส่วนการยื่นเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 153 ของ สว จากการประชุมวุฒิสภาเมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.68) มีมติร่วมกันว่าถ้าสถานการณ์ยังไม่มีอะไรเราก็จะรอสัก 1 เดือน หากมีสถานการณ์อะไรที่เพิ่มมากขึ้นก็อาจจะไปถึงตรงนั้นให้ไวที่สุด เมื่อมีการเปิดสมัยประชุมสภาฯ
เมื่อถามต่อว่า สว ยังไว้วางใจให้รัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องชายแดนหรือไม่ พลเอกสวัสดิ์ กล่าวว่าเราไว้ใจฝ่ายทหาร เชื่อมั่นฝ่ายทหารที่จะปกป้องรักษาอธิปไตยและดินแดน ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่การสั่งการจะต้องออกมาจากนายกฯ พลเอกสวัสดิ์ กล่าวว่า พี่น้องประชาชนสื่อมวลชนคงจะเห็นและตัดสินใจได้
ขณะที่ความกังวลการไปถึงทางตันถึงขั้นรัฐประหาร พลเอกสวัสดิ์ ระบุว่าเราอย่าเอามาเป็นกังวล เพราะฝ่ายรัฐบาลน่าจะมีทางออกที่ดี คงไม่ถึงขนาดนั้น เรื่องการปฏิวัติรัฐประหารไม่ว่าจะเป็นทหารยุคใดสมัยใด ถ้าไม่จำเป็นหรือไม่ใช่ความเสียหายของประเทศชาติจริง ๆ ไม่มีใครอยากจะทำเพราะไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ
เมื่อถามต่อว่า หากให้เทียบกรณีคลิปเสียงของนางสาวแพทองธารหลุด กับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ในปี 2557 พลเอกสวัสดิ์ กล่าวเพียงว่า “ตรงนี้ค่อนข้างชัดเจน” ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่ากรณีคลิปเสียงหลุดนี้ไม่ใช่ความเสียหายของประเทศไทยใช่หรือไม่ ทำให้นายอลงกต วรกี สว กล่าวสวนขึ้นมาว่า “แล้วจะมาแถลงข่าวทำไม”
ด้านพลเอกสวัสดิ์ กล่าวว่าเสียหายอย่างยิ่งโดยเฉพาะเกียรติภูมิของไทย ทั้งอ่อนข้ออ่อนน้อม ในคลิปเสียงยังไม่รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ฝ่ายตรงข้ามอยากได้อะไร ทุกคนฟังแล้วน่าจะใช้วิจารณญาณได้ว่ารุนแรงขนาดไหน เราเป็นคนไทยทำไมเราอ่อนด้อยขนาดนั้น ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ไม่ดี สำหรับคุณสมบัตินายกฯ คนถัดไป เป็นเรื่องของรัฐสภา คุณลักษณะของผู้นำเชื่อว่าทุกคนมีอยู่ในใจแล้ว แต่ที่แน่ ๆ ต้องรักชาติรักแผ่นดินเป็นที่ตั้ง
รายงาน: ณัฐพร สร้อยจำปา
ภาพ: ธนาภรณ์ วุฒิสนธิ์
#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #สมาชิกวุฒิสภา #แพทองธารชินวัตร #นายกรัฐมนตรี
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ