อาจจะแค่บังเอิญ แต่ผมรู้สึกว่าหลายๆที่ทั่วโลกเริ่มใช้สงครามหรือความรักชาติมาปลุกกระแสชาตินิยม

คนเรามันมีความรักชาติอยู่ในตัว

จิง

ในอเมริกา ยุโรป พวกแขก กับ ผิวดำนี้ละ ถึงจะไม่ทุกคนก็เถอะ เพราะประชากรส่วนมากคือผิวขาว
แต่เหล่าประเทศอย่าง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ก็ชาตินิยมอยู่แล้ว
ฝั่งอิสราเอล ไม่ต้องการผู้นำสายพิราบ

ส่วนเขมรชาตินิยม เพราะต้องการใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองความมั่นคงของฮุนเซน ส่งต่อถึงฮุนมาเนต

กระแสการเมืองมันสลับกันไปมาครับ


เหมือนฟุตบอลอะ มีช่วงรับและช่วงบุก

อย่าไปคาดหวังกับกระแสในโซเชียลเยอะฮะ เพราะมันทำง่าย รักชาติผ่านโซเชียล พิมพ์ๆเคาะ 3-4 ประโยคแล้วกดส่ง

อยากวัดกันจริงๆต้องแบบตอนคนยูเครนอาสาไปเป็นทหารในสงครามกับรัสเซียนั่นอ่ะฮะ ของจริง..

ของไทยอย่าหาว่าผมดูถูกเลยนะฮะ บอกรักชาติ ฮึ่มๆอยากอัดเขมร ลองพรุ่งนี้มีกระแสว่าจะเรียกพล ทหารกองเกิน ฯลฯ ไปช่วยชายแดน

บ่นกันระงมอ่ะ..ไอ้ที่เพิ่งเย้วๆกันเมื่อกี๊

เลิกชาตินิยมนานแล้วว่ะ เวลาทีมชาติแข่งฟุตบอล วอลเลย์บอล ก็เชียร์ทีมตรงข้ามตลอด

ชาตินิยมจะดีได้ ถ้าประเทศให้ความสุขกับประชาชนในประเทศได้จริงๆ

แต่ก็นะ กดขี่ขูดรีดขนาดนี้ บางคนจะไม่อยากรักชาติก็ไม่แปลกครับ

เราตกขบวนไป1วงจรเต็มๆ ชาติอื่นๆหัวก้าวหน้าจนมันมากเกินไปคนก็เรียกร้องให้กลับมาชาตินิยม ของเรายังไม่ทันไปไหนเทรนด์โลกหมุนกลับมาหาละ

นึกถึงตอนจบ Attack on Titan

มันคือวิธีการปลุกระดมความนิยมในตัวรัฐบาล แนวคิด หรือกลุ่มการเมือง ที่ง่ายที่สุดแล้วครับ

นึกอะไรไม่ออก คิดอะไรไม่ออก ก็หาจุดร่วมของคนส่วนใหญ่แล้วชี้เป้าไปที่ศัตรู ศัตรูในที่นี้จะเป็นภายในหรือภายนอกประเทศก็ได้ ภายในก็เช่น ผู้เห็นต่างทางการเมือง ผู้อพยพ หรือชนกลุ่มน้อย ภายนอกก็เพื่อนบ้าน หรือประเทศฝ่ายตรงข้าม

ใน ปวศ ไทยเองนับตั้งแต่การอภิวัฒน์สยาม 2475 เป็นต้นมา เวลาทหารหรือเครือข่ายจะหาความชอบธรรมในการยึดอำนาจจากประชาชน พวกมันก็ใช้กระแสชาตินิยมเป็นตัวนำมาโดยตลอด

ผมถึงได้โคตรกลัวและกังวลในช่วงนี้ตั้งแต่มีเรื่องเขมร คนไทยนี่ปลุกชาตินิยมโคตรง่ายๆ นิดๆหน่อยๆความนิยมทหารก็กลับขึ้นมาเหมือนช่วงก่อน รปห แล้ว ไม่เข็ดไม่หลาบจำกัน

เหมือนที่ไอน์สไตน์ว่าไว้ "Nationalism is an infantile disease. It is the measles of mankind."

เค้าชาตินิยมกันทั้งโลกแหละครับ
ไปถามญี่ปุ่นเกาหลีจีนแถวบ้านเราก็ได้

ทุกประเทศมันนโยบายชาตินิยม อยู่แล้วเพราะมันง่ายกับการบริหารดูแล คนไปทางเดียวกับ ความอดทนต่อสิ่งต่างๆก็สูงขึ้น
จนความชาตินิยม มันนำความชิบหา-มาให้ ชาตินิยมมันก็จะอ่อนลงไปเองตามcycle มัน แล้วพอมีสิ่งเร้า ที่กระตุ้นคนในชาติได้ มันก็มาเป็นกระแสใหม่

มันเป็นกันทั้งโลกแหละครับ ซึ่งตอนนี้ international conflict กันทั้งโลก ไม่แปลกที่จะเห็น Nationalism เป็นปกติเช่นกัน