นี่ขนาดยังไม่ได้ขยับเยอะ ถ้าขยับค่าแรงมันจะเละกว่านี้ไหม


ตอนนี้เวียดนามมาดี ต่างชาติสนใจตั้งฐานการผลิต เพราะค่าแรงถูก


ไทยแก้ปัญหายังไงคครับ

ส่วนตัวรู้สึกว่า ที่ต่างชาติย้ายฐานการผลิตไปเวียดนามมันมีอะไรมากกว่าค่าแรงอีกหลายอย่าง ทั้งเรื่องนโยบาย, เสถียรภาพ, โครงสร้างพื้นฐาน ถ้ายังแก้ทั้งระบบไม่ได้ก็สู้ยาก

นี่คือกับดักประเทศรายได้ปานกลาง

จากเดิมที่เป็นประเทศฐานการผลิตที่อาศัยแรงงานทักษะต่ำราคาถูก พอประเทศเริ่มเจริญถึงระดับนึง ค่าครองชีพและค่าแรงจะปรับตัวสูงขึ้น ทีนี้จะทำแบบเดิมไม่ได้แล้วเพราะค่าแรง ต้นทุนสู้ประเทศอื่นไม่ได้

ก็ต้องอัพเกรดจากประเทศฐานการผลิตที่อาศัยแรงงานทักษะต่ำ ให้กลายเป็นประเทศที่ใช้แรงงานทักษะสูง ผลิตสินค้าและบริการที่มีเทคโนโลยีราคาสูงและมีความต้องการของตลาด เช่น อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ขั้นสูง อุปกรณ์การแพทย์และยา อุปกรณ์ด้านการบินและอวกาศ และสุดท้ายเป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ

ตอนนี้ไทยติดกับดักประเทศรายได้ปานกลาง เพราะไม่มีอะไรทำให้เราข้ามไปได้ ไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ไม่มีความรู้ด้านนี้ ไม่มีตลาดงานรองรับ คนที่เรียนจบหรือมีความเชี่ยวชาญด้านนี้ก็สมองไหลไปต่างประเทศหมด

มีต้นทุนด้านอื่นอีก ที่ซัพพอร์ตได้ ถ้าอยากจะทำครับ

วัตถุดิบ / ภาษี / โลจิสติก : ลดภาษีน้ำมัน ค่าน้ำมันก็ลง ค่าขนส่งก็ลง

รัฐจะทำป่าว เพราะเสียผลประโยชน์โดยตรง

เทียบกับสนับสนุนให้เกิดงานในประเทศ กว่าคนจะได้เงิน กว่าจะมาใช้จ่าย มันนานกว่าเยอะครับ รัฐรอไม่ได้ครับ

ต้อง Up Skill ก่อน ค่อยขึ้น
Up skill Labor ให้มี วิธีการทำงานที่ Smart ขึ้นมีผลลัพดี ในเวลาลดลง
อัพ AI สกิล ให้บริษัทต่างชาติ เข้ามา Match กับรายจ่ายที่เขาต้องจ่าย

ไม่ใช่ขึ้นเพราะค่าครองชีพสูง และให้เหตุผลการขึ้นค่าแรงว่า ค่าครองชีพสูงขึ้น
ต้องบอกคนในชาติว่า มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่ทำสิ่งเดิมซ้ำๆ แต่กลับหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง

สรุปคือ Re skill - Up Skill กอ่น ค่อยขึ้น และต่างชาติจะเข้ามา

productivity เท่าเดิม เงินก็เท่าเดิม
ขึ้นค่าแรงดื้อๆแบบไม่มีอะไรรองรับเลย ยังไงก็พัง

เพิ่ม productivity
-ก็ต้องผลิตสินค้า/บริการ ที่ประเทศอื่นยอมจ่ายเงินให้ประเทศเรามากขึ้น
(ซึ่งดูต้องแก้ไปทุกเรื่องเลยเพื่อให้ทำได้ การศึกษา, กฎหมาย-ความยุติธรรม, การแข่งขันเสรีลดผูกขาด)

ลด cost ให้ธุรกิจแลกกับการขึ้นค่าแรง
-กำจัดเงินใต้โต๊ะทั้งหลาย
-ลดภาษีนิติบุคคล (แลกกับรายได้รัฐลดลง แล้วก็ไปหวังเอาว่าค่าแรงขึ้นกำลังซื้อในประเทศมากขึ้นเก็บภาษีอื่นได้มากขึ้น)

การถกเถียงเรื่องการขึ้นค่าแรงในไทย มักติดอยู่ในสมการง่าย ๆ ที่ว่า: **ขึ้นค่าแรง = คนไทยพอใจ แต่ นักลงทุนย้ายหนี** เราจึงกลัวการขยับตัว จนแทบจะกลายเป็นอัมพาตทางนโยบาย ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามใช้ "ค่าแรงถูก" เป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

แต่การมองว่าเราจะแก้ปัญหานี้ด้วยการ "กด" ค่าแรงเพื่อแข่งขัน คือการเดินเข้าสู่เกมที่เราไม่มีวันชนะ

ประเด็นที่แท้จริงจึงไม่ใช่เรื่อง **"ค่าแรงถูก"** แต่เป็นเรื่อง **"ความคุ้มค่าในการลงทุน"**

นักลงทุนไม่ได้มองหาแค่ "แรงงานราคาถูก" ที่สุด เขามองหา "ผลตอบแทนต่อต้นทุน" ที่ดีที่สุด แรงงานที่ค่าตัว 600 บาท แต่สร้างมูลค่าได้ 2,000 บาท ย่อมคุ้มค่ากว่าแรงงานราคา 400 บาท ที่สร้างมูลค่าได้เพียง 500 บาท

ดังนั้น ทางออกของไทยไม่ได้อยู่ที่การพยายามเป็น "ของถูก" แต่ต้องยกระดับตัวเองไปสู่การเป็น **"ของดีที่คุ้มค่า"** ซึ่งหมายถึง:

1. **ศักยภาพแรงงานที่เหนือกว่า:** ไม่ใช่แค่ทำงานตามสั่ง แต่ต้องเป็นแรงงานทักษะสูง (Skilled Labor) ที่สามารถทำงานซับซ้อน ใช้นวัตกรรม และแก้ปัญหาได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เครื่องจักรหรือแรงงานราคาถูกทดแทนไม่ได้ง่ายๆ
2. **ระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโต:** ไม่ใช่แค่สิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่คือความโปร่งใสของภาครัฐ, ความแน่นอนทางกฎหมาย, โครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ และการสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายอย่างจริงจัง สิ่งเหล่านี้คือ "ต้นทุนแฝง" ที่นักลงทุนนำมาพิจารณาเสมอ ซึ่งเป็นจุดที่เวียดนามถูกมองว่าทำได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
3. **การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมมูลค่าสูง:** เราต้องยอมรับความจริงว่า อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น (Labor-Intensive) กำลังทยอยย้ายออกจากไทยอยู่แล้ว ไม่ว่าเราจะขึ้นค่าแรงหรือไม่ก็ตาม ภารกิจของเราคือการดึงดูดและสร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ต้องการ "สมอง" มากกว่า "แรงงาน" เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ, ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), หรือเศรษฐกิจดิจิทัล

การขึ้นค่าแรงโดยที่ศักยภาพของประเทศยังเท่าเดิม เปรียบเสมือนการ "ขึ้นราคา" สินค้าเดิมๆ ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าจะหนีหาย แต่การพัฒนาทักษะและปรับปรุงระบบนิเวศ คือการ **"สร้างมูลค่าเพิ่ม"** ให้กับสินค้าที่ชื่อว่า "ประเทศไทย"

ขึ้นค่าแรงอ่ะมันทำได้ครับถ้าไปพร้อมกันกับทักษะคนงาน

แต่ช่วยกลับไปคิดด้วยว่าทักษะคนทุกวันนี้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ หรือห่วยกว่ารุ่นก่อนๆ เอาโดยเฉลี่ยนะ

อย่าเอา Outstanding มาน่ารำคาญ

ขึ้นค่าแรงโดยที่ไม่ได้ขึ้นอย่างอื่นด้วยมันก็แค่บวกตัวเลขไปเฉยๆอะครับ

เปรียบเทียบระดับค่าแรงประเทศเหมือนงานในบริษัทก็ได้ ถ้าคุณอยู่ตำแหน่งเดิม ทำงานเท่าเดิม ได้เงินมากขึ้น คุณไม่ได้สร้างอะไรแต่บริษัทเสียเงินให้ เคสนี้ก็เหมือนกัน มันต้องยกระดับรายได้ให้ได้ทั้งระบบ ให้งานมีมูลค่า ก็ต้องขายอะไรที่คนอื่นเขาหาได้ยากอะ

แต่ตอนนี้มันก็ตันแล้ว ประเทศที่ค่าแรงสูงๆก็ปลดคน ว่างงานกันเยอะ

ขึ้นไปก็เท่านั้น เห็นขึ้นค่าแรงทีไรของกินของใช้ขึ้นล่วงหน้าไปรอตลอด

ตอนนี้ประเทศเรา ระบบเศรษฐกิจมันเสียสมดุลครับ

เมื่อพูดถึง Productivity และอำนาจในการแข่งขัน ด้านแรงงาน ของเราอยู่ที่ระดับสูงแล้ว ถ้าขึ้นอีก มีแรงงานราคาถูกที่เวียดนามรออยู่ แต่คนในชาติก็จะแย่ เพราะค่าครองชีพสูงมาก

วิธีแก้คือมันต้องยกทั้งระดับ จากประเทศรายได้ปานกลาง เป็นรายได้สูงให้ได้ หรือพูดให้ง่ายคือ เราต้องเลิกเป็นประเทศขายแรงงานได้แล้ว

แต่จะทำได้ มันไม่ง่ายเลย มันต้องยกระดับนวัตกรรม คุณภาพประชากร สร้าง Skilled labor ให้กลายเป็นส่วนใหญ่ของประเทศให้ได้ แล้วงานแรงงาน เราไปใช้แรงงานเพื่อนบ้านแทน โดยจูงใจด้วยระบบภาษี และสวัสดิการที่ดีกว่า

คุณภาพแรงงานด้วย ไม่คิดที่จะพัฒนา ก็แบบนี้แหละ