เช่นเวลาอยู่คนเดียวแล้วป่วย หน้ามืด เป็นลมงี้

แล้วมีลูกมันช่วยยังไงถ้าเกิดเหตุข้างต้น

ป้าข้างบ้านน่าจะมาช่วยก่อนด้วยซ้ำ

อย่างมากก็แค่ตาย ไม่ซีเรียส

ถ้าอยู่บ้านเดียวกันอะใช่ แต่เอาเข้าจริง ส่วนมากลูกทำงานคนละ

จังหวัดกับพ่อแม่ และลูกน้อยคนที่จะมีตังซื้อบ้านแล้วพาพ่อแม่ไป

อยู่ด้วย ส่วนมากก็ส่งตังให้แล้วให้อยุ่กันเอง2คนและวานญาติๆ

ช่วยดู ผมคงกลับดาวก่อนแก่อะ เน้นใช้ชวิตไม่เน้นอยู่นาน แก่

แล้วทำไรได้อะ จะยิ้มก็ไม่ไหว กินอาหารก็รับรสไม่ดีไม่อร่อย

ไปเที่ยวก็เดินลำบาก เล่นเกมรีเฟร็คก็เกินเยียวยา

ผมมีแฟน แต่ไม่มีลูกนะ ไม่ได้หวังให้ลูกเลี้ยงอยู่ละ
แล้วก็ไม่คิดว่าจะอยู่ถึง 70 ด้วย

หวังว่าอนาคต คงแก้กฏหมายให้บินไปได้ตามความสมัครใจนะ

ลูกหลานเต็มบ้าน สุดท้ายเวลานอนตายก็ตายคนเดียวอยู่ดี

อันนี้จากเคสคนที่จากไปในบ้านผมเลย มีหลับตาย หัวใจวายตาย ล้มหัวฟาดตาย

สุดท้ายตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

Swanlake เขาใหญ่

ไม่ได้วางแผนอะไร เพราะผมมั่นใจว่าตัวเองร่างกายแข็งแรงพอจะดูแลตัวเองได้จนถึงอายุ80+สบายๆ
เหล้าบุหรี่ผมไม่แตะ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารมีประโยชน์ ไม่ใส่ใจเรื่องเครียด ๆ (ยิ่งการเมืองยิ่งไม่ใส่ใจ) ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในแต่ละวันก็พอ

สมัยนี้การแพทย์ก้าวหน้า อาหารเสริมสุขภาพมีเยอะ คนแก่ที่ดูแลตัวเองดี แม้จะอายุ80+แล้วก็ยังแข็งแรงในระดับนึง
แล้วในอีก40-50ปีข้างหน้ามันก็คงดีกว่านี้อีก

ส่วนหลัง80+ ไปแล้ว ถ้าอยู่ถึงค่อยไปวางแผนเฉพาะหน้าตอนนั้นเอาก็ได้ ผมถือเป็นกำไรชีวิตแล้ว

เลิกค่านิคมเลี้ยงลูกเพื่อหวังให้ลูกมาคอยเช็คขี้ให้ตอนแก่สักทีเหอะ

ควรเลิกทัศนคติมีลูกมาช่วยตอนแก่ ผมไม่ยอมแก่แบบง่อยให้ลูกมาลำบากแน่ๆ

1.ออกกำลังกาย ประจำสร้างกล้ามเนื่อ บริหารหัวใจ แก่ไปมีแรงทำเองทุกอย่าง
2.รักษากายภาพ ตา หู หลัง ข้อ เข่า ให้ใช้งานได้นานที่สุด
3.เก็บเงินรวยๆมีตังไปอยู่ wellness center ดีๆ
4.เลือกกินอาหารถนอมอวียวะภายใน

มีเงิน มีสมบัติ หลานๆรักแน่นวล

(อย่าเผลอไปยกให้หมดก่อนตายล่ะ)

ใช้เงินให้หมด ซื้อปืนไว้หนึ่งกระบอก ละก็ยิงตัวตาย ไม่ก็เก็บตังส่วนนึงไปการุณยฆาต ที่สวิตส์ กรณีแบบเบื่อโลกหรือเป็นโรคร้ายเเรงละนะ

ผมว่าคนมีลูกวางแผนง่ายกว่าคนไม่มีลูกครับ มีหลักยึดเหนี่ยวชัดเจนคือลูก

ผมมีลูก 3 คน ลูกคนแรกมีตอนเงินเดือน 5,700 ทำงานสารพัด 2คนผัวเมียเงินประจำรวมๆ 12,000 รายได้พิเศษ 10,000 บางวันเหนื่อยแทบขาดใจ พาไปเที่ยวตามโอกาส ตามสภาพเงินในกระเป๋า ปีที่แล้วลูกๆเรียนจบหมดแล้วทุกคน งานรวมญาติมีคนมาพูดว่าต่อไปสบายแล้วละสิ ลูกๆทำงานช่วยใช้หนี้แล้ว ลูกๆก็มองหน้าผม ผมก็บอกญาติคนนั้นในวงข้าวเลยว่า เหนื่อยเหมือนเดิม เพราะผมให้ลูกๆไปใช้ชีวิตของตัวเอง เลี้ยงตัวเองให้รอดก็พอแล้ว ไม่ต้องมาเลี้ยงดูพ่อแม่
ลูกชาย 2 คน บอกเค้าว่าไม่ต้องมาบวชเพราะอยากบวชให้ แต่ถ้าจะบวชก็ให้บวชเพราะอยากศึกษาธรรมะ แล้วก็ไม่มีเงินช่วยค่าสินสอดแต่งงานนะ (แต่ความจริงก็เตรียมไว้ให้)
ลูกสาว 1 คน ก็บอกเค้าว่าถ้าจะแต่งงานพ่อกับแม่จะไม่เรียกค่าสินสอดนะ แค่มีคนรักจริงดูแลกันได้ก็พอแล้ว และไม่ต้องมาดูแล

ผมปลูกบ้านในที่ตัวเองใกล้ชุมชนใกล้โรงพยาบาล ทั้งที่สมุทรปราการ และ ตจว. ซื้อประกันชีวิต-ประกันสุขภาพ-ประกันแบบออม ให้ตัวเอง ผัวเมีย และลูกๆ 3 คน มีรถเก่าๆ ให้คนละคัน อยากได้ใหม่ก็เอาไปเทิร์นคันใหม่เอง คนโตก็ไปซื้อคันใหม่แล้ว แต่คันเก่าขอเก็บไว้ดูเล่น

บอกลูกๆ ว่าพ่อ-แม่ บริจาคร่างกายให้ที่ไหน แล้วก็บอกว่าเงื่อนไขคืออะไรเรียบร้อย เขียนพินัยกรรมเรียบร้อย ทุกวันนี้ก็ทำงานไปด้วย เที่ยวด้วย มีความสุข

แต่น้องชายผมที่แต่งงานมาแล้ว 12 ปี วางแผนว่าจะไม่มีลูกทุกวันนี้เค้าทำตัวเป็นวัยรุ่น ชิลด์ๆ ซื้อมอไซต์ทัวริ่งขี่ไปเที่ยวกับเดอะแกงค์ ใช้เงินเก็บเกือบหมดแล้วมาทำงานใหม่ ชิลเกิน มาบอกผมว่าขอสร้างบ้านในที่เราเผื่อตอนเกษียนจะมีคนดูเพราะกินเหล้าหนักจนเป็นหลายโรค เค้าเป็นศิลปิน วาดรูปมั่ง เล่นดนตรีมั่ง เขียนหนังสือมั่ง ทั้งๆที่ก็จบสายสถาปัตย์

การมีลูกทำให้ชีวิตมีความหมายและเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมายมากขึ้นอยากอยู่ดูเค้าเติบโตไปเรื่อยๆมั้ยครับ

แน่นอนครับ น้ำตาซึมตอนรู้ว่าเมียท้อง น้ำตารึ้นตอนอุ้มเค้าครั้งแรก โทรไปบอกเมียว่าวันนี้ไปส่วลูกที่โรงเรียนอนุบาลแล้วลูกไม่ร้องให้แล้ว อะไรๆก็มีครั้งแรกตั้งแต่มีลูก ทุกวันนี้ก็ไหว้ขอโทษพ่อแม่ที่อยู่บนฟ้าแทบทุกวัน เพราะตอนเด็กๆเราดื้อมาก พอเป็นพ่อแม่เองถึงรู้ว่าทำไมเค้าทำแบบนั้น พูดแบบนี้

ของผม 39 เท้าซ้ายหักล่าสุด ขับรถเกียร์กระปุกไปหาหมอเอง นิ่วในท่อไตขับรถไปโรงบาลเอง นินในโรงบาลคนเดียวไม่มีใครมาเยี่ยมครับ คงเป็นแบบนี้ ถ้าเกิดคนที่คุยยังไม่ชัดเจนอีกสองเดือนเลิกครับ