‘อัยการสูงสุด’ ประกาศแนวทางใหม่ ฟ้องคดี ‘เมาแล้วขับ’ ชงศาล ‘ริบรถ’ ด้วย ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่า ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนผู้อื่น
วันที่ 11 มิ.ย. 68 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการ สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่ปลอดภัย การขับรถในขณะเมาสุราก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายทรัพย์สินของผู้อื่น
สำนักงานอัยการสูงสุด จึงได้ออกหนังสือเวียน การดำเนินคดีกับผู้ขับรถขณะเมาสุราที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของผู้อื่น ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยทางถนนที่มีความรุนแรงและความเสียหายอย่างมากต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชน
จึงกำหนดแนวทางปฏิบัติ เมื่ออัยการได้รับสำนวนคดีที่มีการดำเนินคดีกับผู้ขับรถขณะเมาสุรา แล้วให้พิจารณาว่าพฤติการณ์ของผู้ต้องหาเมาแล้วขับ มีลักษณะเป็นการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร มาตรา 43 ( ด้วยหรือไม่
หากพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาได้ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือเดือดร้อนของผู้อื่น อันเป็นความผิดดังกล่าวด้วย และยังมิได้มิการแจ้งข้อหาดังกล่าวแก่ผู้ต้องหา ให้พนักงานอัยการสั่งให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาดังกล่าวเพิ่มเติมแก่ผู้ต้องหา
และในการฟ้องคดีให้พนักงานอัยการขอให้ศาลสั่งริบรถของกลางตามหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ อส (สฝปผ.) 0018/ว 380 ลงวันที่ 29 กันยายน 2549 ตามที่อ้างถึงด้วย

ขอรวมถึงพวก มอไซค์ ที่ ถอดป้ายทะเบียนด้วย

ขอรวมถึงพวก มอไซค์ ที่ ถอดป้ายทะเบียนด้วย

ทำไรไม่ได้หรอก ยิ่งไปลงกับรถนี่ผิดทางละ คนต้องโดนหนักๆดิถึงจะกลัวกัน
ตอนสงกรานต์คอนเท้นติดคุกสน.คดีเมาแล้วขับเพียบ
ติดกันเต็มคุกเลย กฏหมายอ่อนเป็นขี้ขนาดนี้ นอกจากไม่สลดแล้วแม่งยังทำคอนเท้นด้วย

อ่านดูแล้วเคสที่อัยการมองไปถึงการขอริบรถจะต้องก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตทรัพย์สินผู้อื่นด้วยครับ คือเมาแล้วไปขับชนคนชนรถคนอื่น แต่ถ้าขับมาเฉย ๆ เจอด่านพอเป่าพบว่าเมาอันนี้ไม่ได้นับด้วย

แต่ก็ดีกว่าไม่มีมาตรการอะไรครับ

มีลักษณะเป็นการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นอันเป็นความผิดตาม



ไม่ต้องถึงขั้นชนมั้งครับ ถ้าเมาหนัก แล้วมาขับ ส่ายเป็นงู น่าจะเข้าข่าย

จริงๆไม่ควรขับรถอีกเลยตลอดชีวิต ยึดรถ ยึดใบขับขี่

ขออย่างเดียว ขอมีมาตราฐานเดียวกันพอ

ปรับสัก300,000 ติดคุก1ปีไม่รอลงอาญารับรองดีขึ้นเยอะ

ไม่ริบรถ เพราะปัจจัยอื่นๆอาจส่งผลกระทบหนัก เช่นรถใช้ทำงานหากิน ผัวโดนจับ เมียก็ยังขับทำงานได้ รายได้ครอบครัวไม่สะดุด

ผมว่าริบใบขับขี่นั้นแหละดีแล้ว แต่ต้องตรวจตราแบบเข้มๆ เจอใครที่โดนแบนใบขับขี่แต่ฝ่าฝืน=ติดคุก3-6เดือน ปรับ1-2แสน ประกันตัว3-4แสน แล้วออกมาตรการณห้ามร้านสะดวกซื้อในปั้มน้ำมันขายเครื่องดื่มมึนเมา เพราะพวกเมาแล้วขับส่วนมากมันก็ซื้อจากปั้มนั่นล่ะ

พวกที่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ด้วย ถ้าไม่ยอมเป่าตั้งกฎไปเลยว่า = ให้ถือว่ามีแอลกอฮอล์ในเลือด 200 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

เรื่องกฏหมาย มันปรับเปลี่ยนได้เรื่อยๆ

แต่สิ่งที่ผมกังวลในประเทศไทยก็คือ ผู้บังคับใช้กฏหมายนี่แหละ ต้องทำให้เป็นที่ไว้วางใจกับประชาชนในมาตรฐานเดียวกัน

ไม่เอานะคำว่า ตำรวจดีๆก็มี คือ มันต้องไม่มีคำนี้สิ

ประเทศไทยตอนนี้ พวกมีอำนาจมันบิด ผิดเป็นถูกมั่วไปหมดละ อย่างล่าสุดก็ เสียงส่วนมากคือ เผด็จการ มย เอ้ย

ดีครับ จะได้กลัวกันมั่ง ไม่ต้องขับกันนั่นแหละ ผ่อนกุญแจรถไป

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่โทษร้ายแรงแค่ไหนอย่างเดียว

อีกปัญหาคือ มันต้องใช้โทษกับทุกคนรวย จน ไฮโซ ลูกคนใหญ่โต ตำรวจ ทหาร นักการเมือง ต้องโดนเท่ากัน

คนมันเมาแล้วขับ
เกิดอุบัติเหตุ

ตำรวจใช้ดมกลิ่นเหมือน... แทน
คนขับรถหนีก็ไม่ตาม ม่วิ่งหนีหายไป แล้วมาโผล่ตอนเช้า
ปฏิเสธไม่ตรวจ ก็ไม่ตรวจ

ปัญหาอยู่ที่ไหนจะแก้กฎหมาย ให้เมาแล้วขับติดคุกประหารชีวิตยึดทรัพย์ บลาๆๆๆ ก็เท่านั้น

ปั๊มน้ำมันเป็นพื้นที่ปลอดแอลกอฮอล์ตามกฎหมายอยู่แล้วครับ
ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน ถ้าเป็นร้านใหญ่แบรนด์เนมปรกติไม่มีขาย ถ้าจะซื้อจากปั๊มได้จริง ก็เป็นการลักลอบขายโดยผิดกฎหมายและขาจรทั่วไปไม่น่าจะได้ซื้อครับ...พวกนี้เจอก็จับได้เลย