ลองไปตลาดบนแล้วไม่รอด mk live
ถ้าตลาดบนที่ว่า market size ใหญ่ กำลังซื้อคนถึงจริง วอลุ่มได้ จากราคาที่ตั้ง คงไม่ลงมาเล่นแบบนี้หรอก แสดงว่ามันไม่เวิร์ค ฝืนก็เจ๊ง

unicorn แตกเมื่อไหร่เจอ Mad Unicorn 2: สงครามหม้อร้อน แน่ๆ

ตอนนี้ภายใน บริษัทนึง กำลังจะซวยในไม่ช้า เพราะวัตถุดิบ ที่เอามาขายกำลังจะเปลี่ยนมือ วัตถุดิบไม่มี ราคาก็ต้องเพิ่ม

คนที่จับมือกันตอนนี้คือวัตถุดิบเริ่มจับมือกันเพิ่มราคา ตอนนี้พุ่งไป20-30% ใครอยู่รอดก็ชนะ พวกบุฟเฟ่ทั้งหลาย

เซียนบอกคนละตลาด

ดู mk ทำแบบนี้มืงยังคิดไม่ได้อีกหรอวะว่ามันมีส่วนแบ่งที่มันมาทับกันจน mk ดิ้นเป็นหมาอยู่เนี่ย

ผมว่า mk ควรทำแบบ neo suki มากกว่าที่ 1 แถม 1 ชุดเซ็ทเมนูที่กำหนด ของ neo เห็นฟีดแบ็คดีมาก

ก็พี่ๆ MK เล่นไม่แคร์ใจตอนนั้นเลยนิฮ่ะ ใครบอกว่า การเมืองไม่มีผลต่อการเลือกแบรนด์ดิ้ง

ไงละทั่นๆทั้งหลาน ทำงามหน้าให้รุ่นหลัง จะรีแบรนด์กลับมา จะทำยังไงละทีนี้ ในเมื่อ HI end จะลงมาตลาด mass คือโจทย์ที่ดูเหมือนง่าย แต่เอาความจริง แบรนด์ดิ้ฃสนับสนุนเผด็จการไปแล้ว

ใครจะวิเคราะห์ว่าคนละตลาด หรือ ตลาดเดียวกัน มันก็สิทธิของแต่ละคนนะเอาจริง แต่ส่วนตัวมองว่า เดิมทีเลยคนละตลาด คนที่จะเข้าไปกิน mk กับ คนที่จะเข้าไปกินตี๋น้อย มันคิดต่างกันเลยจุดขายต่างความต้องการที่จะเข้าไปกินต่างกัน แต่ปัจจุบัน ฐานลูกค้าเดิมของ mk มันลดน้อยลงกำลังซื้อมันเปลี่ยนไป ความคิดเดิมๆของลูกค้าที่เคยจะไปกิน mk เริ่มเปลี่ยนไปด้วยกำลังซื้อ ถ้าอยากกินสุกี้ก็ไปหาตัวเลือกอื่นที่ประหยัดขึ้น ในอารมณ์กินสุกี้แบบเดิม ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องของเศรษฐกิจและกำลังซื้อทำห้ฐานลูกค้าเดิมของ mk เริ่มเปลี่ยนความคิดไป พอ mk รายได้หดลูกค้าหาย ก็เลยพยายามลดเกรดตัวเองลงไปหาฐานลูกค้าเดิมที่เปลี่ยนไป และหาฐานใหม่ด้วยตลาดบุฟเฟต์เน้นความคุ้มด้วย เดิมทีเรื่องความคุ้มมันไม่ใช่จุดขาย mk เลย
ส่วนตัวมองว่าเรื่อง mk คล้ายๆกับตอนที่เบนซ์คิดทำ A-Class เลย พยายามลดเกรดตัวเองเพื่อดึงลูกค้าอีกฐานนึง แต่สุดท้ายไปไม่รอดไม่ใช่ทางก็เลิก
เห็นต่างไม่ได้หมายถึงเซียนนะ แค่เห็นต่าง การวิเคราะห์มันแล้วแต่มุมมองแต่ละคนนะ

ตี๋น้อยไม่มีทางได้ตังผมอะ ไม่ได้พิเศษอะไรเลย

ผมคงไม่ใช่ตลาดตี๋น้อยอะ กินเอาอิ่มเอาคุ้ม แต่รสชาติไม่ได้จริงๆ

คนกลุ่มเป้าหมายดีกว่า แต่ พอกำเงินกิน mk แบบอิ่มๆ หมดคนละน่าจะ 1000++ เห็นจะได้

สมัยก่อนขายเมนูอาหาร ชูรส ชูวัตถุดิบ

แต่สมัยนี้ดันขายความแพงของวัตถุดิบ ซึ่งมันไม่ตอบโจทย์คนหมู่มาก

แล้ว Signature คือเป็ด กับ หมี่หยก แค่นี้เอง

พอหันมาดูตี๋น้อยแล้ว อิ่มครบจบใน 300/คน

เป็นผมก็ไปตี๋น้อยนะ อยากกินเป็ด ค่อยสั่งแยกจาก MK มาส่งที่บ้านก็ได้

อย่างแถวบ้านก็มีร้านข้าวหน้าเป็ด รสชาติกับราคาก็สูสีกัน

สมัยก่อน 255x mk ก็มีบุฟเฟ่นะ 400-500 มั้งจำไม่ได้ละ เปิดไม่นานก็ยกเลิกไป

กะว่าบินสูงติดลมบนนานๆ ที่ไหนได้ขนเริ่มล่วงบินไม่ไหว ก็ต้องหัดเดินแล้ว รอดูหลังจากนี้ ดีกว่าน่าจะสนุกอีกเยอะ


ปล.จริงๆไม่น่าปิดบุฟเฟ่ไปตอนนั้นเลย ดีไม่ดี ครองตลาดเบอร์ 1 ไปแล้ว ทำตัวเป็น บ.yahoo ไปได้ 555+

ปล2. ไม่รู้ว่าเพราะการเมืองด้วยไหม ที่เคยไปสนับสนุนช่องๆนึงอ่ะ

ถ้าวัดกันที่คุณภาพวัตถุดิบMKมันก็ตลาดเดียวกับตี๋น้อยนี่แหละ แค่เมื่อก่อนมันไม่มีคู่แข่งมาให้คนเปรียบเทียบเฉย ถ้าของกับราคามันสมเหตุสมผลยังไงตีน้อยก็ตีไม่แตกหรอก นี่พี่ลดคุณภาพอาหารแต่ไปเพิ่มราคาจะปล่อยให้เป็ดแบกไปตลอดก็คงไม่ไหว ราคาคือแพงขึ้นเรื่อยๆแต่คุณภาพอาหารดันลดลงเรื่อยๆ แล้วพอลงมาสู้ตบสดนี้แต่ดันไม่เตรียมพร้อมแถมงกไปอีกกับของที่เอามาขาย แบบนี้ก็ตายสิ

ถ้าเล่นทุ่มตลาดแข่งกันตอนนี้ ผมว่า mk ชนะ เงินที่ไม่ได้เอามาลงทุนเยอะมาก แต่ตัวเองก็คงเจ็บหนักไปด้วย

ปล. ผมไปกินตี๋น้อยมา 3-4 รอบได้ ทุกรอบที่ไปกินรสชาติผมว่างั้นๆมากเลยนะ เป็นร้านที่ไม่มีความคิดจะไปซ้ำด้วยตัวเองเลยอะ แต่ถ้ามีคนชวนอยากกินก็ไปได้ ขนาดผมเป็นคนลิ้นจระเข้ประมาณนึงละนะ

ส่วน mk ผมไปละรูัสึกนะว่าคุณภาพ mk ดีกว่าจริงๆ แต่ราคาพี่แกก็สูงจนมันเกินคุณภาพไปละอ่ะ แต่จะมีฟีลแบบอยากกินละชวนคนไปกินบ้างนานๆที

Mk เหมือนยังกํ๊กๆ

ผมว่า MK เค้า ก็มีฐานลูกค้าของเค้าอยู่แล้ว ที่ชอบกิน MK แต่ณ ตอนนี้ เศรษฐกิจ ซบเซา ฐานลูกค้าหาย ไปกิน สุกี้ ราคาประหยัดกันเยอะขึ้น เค้าก็คงต้องการดึงลูกค้ากลับคืนบ้างแหละ มันก็เป็นช่วงโปรโมชั่นเท่านั้นเดี๋ยวก็กลับเป็นปกติ

ไม่มีตี๋น้อย mk ก็รอวันบินอยู่ดี