สรุป สถานการณ์เศรษฐกิจ
การเมืองโลก และแนวโน้ม WW3
โลกกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยน: ย้อนรอยสู่ WW3
- ปี 1930 เกิด The Great Depression
เศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก นำไปสู่ WW2
- สถานการณ์ตอนนี้คล้ายกันมาก
จนอาจนำไปสู่ WW3 แบบถอดแบบ
- 2023- 2027 ช่วงเปลี่ยนผ่าน จะเกิดสิ่งใหม่
รีเซ็ตระบบ จะเจออีกหลายสิ่งเกินจินตนาการ
.
สหรัฐฯ ขึ้นภาษี = จุดเริ่มสงครามเศรษฐกิจ
"เรียกว่า กดปุ่มนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจเลยครับ"
✅ การประกาศขึ้นภาษีของสหรัฐฯ
= ต้องการเตรียมประเทศเข้าสู่ภาวะสงคราม
- ตอนโควิด เมกาไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้เลย
- ขนส่งลำบาก ไม่สามารถผลิตใน ปท. เองได้
ตอนนี้จึงต้องการผลิตทุกสิ่งเองให้ได้ 100%
.
การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ มุ่ง 3 เป้าหมาย
✅ 1. ได้เงินทันทีจากภาษี – เพื่อโปะหนี้ดอกเบี้ย
ซึ่งตอนนี้สูงจนรัฐบาลกลางแทบไม่พอจ่าย
✅ 2. ดึงโรงงานกลับประเทศ – ดึงดูด
อุตสาหกรรมทั้งโลกให้กลับมาผลิตในเมกา
ถ้าจะให้เมกาผลิตในประเทศได้ 100%
ต้องทำให้ทุกอย่างแพง โดยขึ้นภาษี
(ถ้าไม่อยากจ่ายแพง ก็ต้องมาผลิตในเมกา)
และจัดการกลุ่มผู้อพยพ กลุ่มแรงงานราคาถูก
โรงงานกลับมา > แรงงานกลับมา > ค่าแรงสูงขึ้น
ต้องการคนคุณภาพ ค่าแรงสูง ไม่ใช่กลุ่มโรบินฮู้ด
✅ 3. เพื่อเตรียมประเทศเข้าสู่ภาวะสงคราม
– ถ้าสหรัฐฯ จะเข้าสู่ WW3 ภายใน 2 ปีนี้
ต้องผลิตทุกอย่างเองให้ได้ 100% สำคัญมาก
- ถ้าไม่ผลิตเอง 100% จะสู้จีนไม่ได้
เพราะตอนนี้ จีนตั้งเป้าผลิตเอง 100% แล้ว
สหรัฐฯ คนก็ไม่พอ การ import คนเข้ามา
จึงเป็นทางออกในการนำเข้าประชากรคุณภาพ
.
นโยบายเงินดอลลาร์อ่อน
- เดิมเป็นผู้นำเข้า ดอลลาร์ต้องแข็ง เพื่อซื้อของถูก
- จากนี้จะเป็นผู้ผลิต-ส่งออก ต้องให้ดอลลาร์อ่อน
- ผล จะทำให้ประเทศผู้ส่งออกทั้งหลาย
เจอปัญหาค่าเงินตัวเองแข็ง เป็นปัญหาระยะยาว
- และทำให้คนที่ถือพันธบัตรสหรัฐฯ
ทั้งธนาคารกลาง สถาบัน และรายย่อย
เสี่ยงขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
.
สิ่งที่อาจตามมาจากการขึ้นภาษี
- ทำให้เศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก หรือหนักกว่านั้น
- อาจกลายเป็น The Great Depression
รอบใหม่ที่หนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
- รอบนี้ จะเกิดการพังทลายขนาดไหน?
อาจไม่ถึงกับพังทลายรุนแรง
เพราะได้ทดสอบการพังทลายจาก
Credit Suisse และธนาคารสหรัฐฯ 2-3 แห่ง
ที่ล้มละลาย และหาวิธีป้องกันไว้อยู่แล้ว
- ถ้าสถาบันการเงินไม่ล้มละลาย ยังพอไปได้
แต่ถ้าล้มละลาย อันนี้เรื่องใหญ่
อาจเป็นจุดที่แม้แต่ FED ก็เอาไม่อยู่
- ดังนั้น สหรัฐฯ เตรียมเรื่องนี้ไว้พอสมควร
- วิกฤตจะไม่รุนแรงมาก
ถ้าสถาบันการเงินไม่ล้มละลาย
เงินยังฝืด แต่ทุกอย่างจะยังรันไปได้
เหมือนเดินกะเผลก ๆ ไป แต่ไม่ถึงขั้นวิกฤต
ตลาดหุ้นอาจปรับฐานลง แต่ไม่ crash
- แต่ถ้าสถาบันการเงินล้มละลายจริง
อาจ crash รุนแรง เกินกว่าที่ FED จะรับมือไหว
โดยเฉพาะ FED เองก็มีสถานะขาดทุน จากการถือ
พันธบัตรที่มูลค่าลดลง (mark to market) ด้วย
.
สร้างสงครามเพื่อรีเซ็ตระบบเศรษฐกิจ
สหรัฐฯ สร้างเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อให้เกิด
วิกฤตเศรษฐกิจ และนำไปสู่ WW3
ทุกอย่างอยู่ใน process ที่วางไว้
ทุกอย่างเกี่ยวพันกันหมด ไม่ว่าจะเป็น
- การขึ้นภาษีนำเข้า
- การจัดการแรงงานผู้อพยพ
- การสร้างความขัดแย้งกับยุโรปโดยไม่จำเป็น
เพื่อให้ยุโรปไปเผชิญหน้ารัสเซียโดยตรง
- ไม่สนับสนุนยูเครน ให้ยุโรปไปปะทะรัสเซียเอง
- ดึงโรงงานกลับประเทศ เปิดรับการลงทุน
จากทั่วโลก เพื่อให้มาตั้งโรงงานในเมกา
รวมทั้ง แยกตัวเอง แล้วให้ประเทศต่าง ๆ
ต้องกลับมาเจรจากับสหรัฐฯ
- กรณีจะไปเจรจาเรื่องภาษีนำเข้า
จริง ๆ สหรัฐฯ ตั้งธงไว้อยู่แล้ว
เจรจาอย่างไรก็ไม่ได้ผล เพราะธงของเขา
คือ ต้องการเอาโรงงานกลับไปสหรัฐฯ
ถ้าเจรจาเอาบางอย่างไปแลก มองเกมผิด
ดังนั้น วิธีเดียวที่จะได้ผล คือ
ต้องไปตั้งโรงงานในสหรัฐฯ
และกลายเป็นผู้ส่งออกขึ้นมาเอง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ความแตกต่างของ WW3 จาก WW2
✅ เศรษฐกิจผูกพันกันทั้งโลก
- สมัย WW2 ขนาดเศรษฐกิจยังไม่ใหญ่เท่านี้
- ตอนนี้ supply chain, เงิน, การลงทุน,
ทรัพยากร ทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมด
- อะไรก็เกิดขึ้นได้ในแค่ชั่วข้ามคืน
ตลาดหุ้นลบเป็นพันจุด สองพันจุด
เกิดความต้องการเงินดอลลาร์
เกิด cash crunch ได้ในพริบตา
- แต่ก่อนใช้เวลา แต่ยุคนี้เกิดได้ในพริบตา
.
✅ โลกแบ่งขั้วคร่าว ๆ ได้เป็น 3 กลุ่ม
- G7: ประเทศพัฒนาแล้ว
- BRICS: กลุ่มประเทศที่รวมตัวใหม่
(เช่น จีน รัสเซีย อินเดีย)
- กลุ่มไม่เลือกข้าง: ยึดประโยชน์เป็นหลัก
ใครทำประโยชน์ได้ เอาหมด
โดยที่ US กำลังแยกตัวเองออกมาจาก G7
.
✅ ยุโรป: กลวง อ่อนแรง พร้อมปะทุ
- ด้านเศรษฐกิจ – ตอนนี้ ยุโรปกลวงมาก ๆ
- นอกจากท่องเที่ยว และบริษัทเทคฯ 2-3 แห่ง
แทบไม่มีอะไรค้ำยันเศรษฐกิจได้เลย
- ด้านการทหาร – นาโต้เอง เริ่มแตกแยก
ถ้าสหรัฐฯ ลอยแพนาโต้
ไม่รู้ยุโรปจะมีแรงทำสงครามหรือไม่
- ตอนนี้ อังกฤษ: มีกำลังผลิตอาวุธมากที่สุด
เยอรมัน: กำลังปรับโครงสร้างเพื่อเร่งผลิตอาวุธ
- การระดมพลในยุโรป จะมากขึ้นเรื่อย ๆ
จะมีการจัดการผู้อพยพเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ
อาจมีการเกณฑ์ทหาร
- ปูติน ไม่ได้ต้องการทำสงครามกับยุโรป
สังเกต ไม่ค่อยเข้ายึดพื้นที่ ยื้อเวลา
- แต่ยุโรป ก็หาจุดยั่วยุรัสเซีย
ถ้าทำสงครามกับยุโรป จะเป็นสงครามใหญ่
- ด้านโครงสร้างสังคม – ประชากรส่วนใหญ่
หมดไฟในการทำงานไปหมดแล้ว
ค่าแรงสูง ภาษีสูง ค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก
- ยุโรปวันนี้ ต้องการ
'รื้อร้างสร้างใหม่' > สงคราม
.
✅ ตะวันออกกลาง: จุดปะทุใหญ่ของ WW3
- จับตา ✳️ ถ้าซาอุฯ จับมืออิหร่านเมื่อไหร่ ✳️
= จุดชนวนสงครามเต็มรูปแบบทันที
- ความเชื่อ/อุดมการณ์ ของโลกมุสลิมในการ
ต่อต้านไซออนนิสต์ จะเป็นตัวขับดันการต่อสู้
- ดังนั้น WW3 ครั้งนี้ สงครามตะวันออกกลาง
จะเป็นตัวจุดชนวนปะทุใหญ่
- แนวโน้ม ซาอุฯ เอนเอียงไปทาง BRICS
เพราะมองว่า USD จะมีปัญหาระยะยาว
- ถ้าสงครามตะวันออกกลางเกิดขึ้น
ที่จะตามมาเลย คือ ราคาน้ำมัน
ถ้าพุ่ง 140 ดอลลาร์ ต่อบาเรล จะแย่ทั้งโลก
.
✅ ไต้หวัน: จุดยั่วยุสำคัญของจีน-สหรัฐฯ
- จีนซ้อมรบล้อมเกาะไต้หวัน สัญญาณชัดเจน
- แต่สหรัฐฯ จะโจมตีจีน ไม่ง่าย
เพราะทะเลล้อมรอบ + จีนมีขีปนาวุธทันสมัย
- จีน ไต้หวัน น่าจะเกิดการรวมประเทศเร็วนี้
- ถ้าไต้หวันถูกรวม สหรัฐฯ จะไม่พอใจ
ต้องเข้าไป และจะดึงเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เข้าร่วม
เกาหลีเหนือ - ญี่ปุ่น อีกคู่ที่อยู่นอกเรดาร์
เกิดเป็นสงครามใน Asia Pacific
.
✅ ลักษณะสงครามจะไม่เหมือนเดิม
- จะสู้กันด้วยเทคโนโลยี ขีปนาวุธ ระยะไกล
- Game of Drones / ระบบดาวเทียม
เป็นสงครามแบบล็อกเป้า
- ไม่ต้องยกกองกำลังเข้ายึดพื้นที่แบบ WW2
WW3 ล็อกเป้า ทำลายเป็นจุด
- ชีวิตทรัพย์สิน จะเสียหายเยอะไหม?
อยู่ที่เจตนา อยู่ที่ล็อกเป้าจำนวนประชากรหรือไม่
เพราะอีกหนึ่งใน Agenda 2030
คือ การลดจำนวนประชากรโลก
(ลดผู้บริโภคทรัพยากร ให้โลกสะอาดขึ้น)
- ต่อไป อุตสาหกรรม Space จะเปิดโฉมหน้า
50 ปีข้างหน้า นิคมบนดาวอื่น จะเป็นเรื่องปกติ
Space War ต่อไป จะได้เห็นแน่นอน
คือ การโจมตีดาวเทียมสื่อสารของอีกฝ่าย
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เศรษฐกิจโลก: เข้าสู่ช่วงวิกฤตรุนแรง
- โลกกำลัง เข้าสู่ภาวะถดถอยพร้อมกันทั้งระบบ
โดยเฉพาะหลังนโยบายภาษีของเมกา 2 เม.ย.
- การรวมกลุ่มกันอย่าง BRICS จะเข้มแข็งขึ้น
- BRICS จะเร่งพัฒนาระบบชำระเงินที่ไม่ผ่าน
SWIFT ให้เร็วขึ้น และดึงอิหร่านเข้ามาด้วย
- เกาหลีเหนือ ก็จะเข้ามาด้วย
(เกาหลีเหนือ มี hacker เก่ง ๆ จำนวนมาก)
- จุดเปลี่ยนอยู่ที่ การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ
นโยบายขึ้นภาษีของเมกา = ตัวเร่งปฏิกิริยา
- ใครไปนอบน้อมสหรัฐฯ จะได้ประโยชน์
ฝั่งนี้ ก็ยิ่งต้องรวมกันตัวเข้มแข็งขึ้น รวมถึง
เร่งเอาระบบการชำระเงินมาใช้ให้เร็วยิ่งขึ้น
- ตัวนี้เอง ที่เป็นตัวเร่งสหรัฐฯ ให้ดึง
อุตสาหกรรมกลับมา - ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ
- และเตรียมตัวเองเข้าสู่ WW3
- สหรัฐฯ ต้องการสร้าง New S-curve
ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี
และสร้าง Smart City
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
Smart City = สงครามใหม่ของอนาคต
- สิ่งที่ต้องการไปสู่ คือ การสร้าง Smart City
คือ สร้างทุกอย่างให้เป็น autonomous ในเมือง
จาก IoT ไปสู่ IoE
- เราเปลี่ยนจากยุค Analog สู่ Digital แล้ว
และอีกไม่กี่ปี เราจะเข้าสู่ "ยุค Quantum"
- Smart City เหมาะกับเมืองที่ไม่มีอะไรเลย
แล้วสร้างขึ้นมาใหม่ > WW3 รื้อร้างสร้างใหม่
- คนจะครองโลกได้ ต้องสร้าง Smart City ได้
และประเทศที่มี Potential สุดตอนนี้ คือ จีน
- ถ้าจีนยึดไต้หวันได้ TSMC, MediaTech
บริษัทเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นสัญชาติจีนแทน
WW3 จีนจะได้เปรียบสหรัฐในเชิงเทคโนฯ
- จีนนำเรื่อง Smart City ไปก่อนแล้ว
วันนี้ จีนเป็น Camera City ไปแล้ว
CCTV ทุกจุด detect ได้ทุกคน ทุกสิ่ง
ทำให้เป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุดในโลก
- Elon เห็นจีน และต้องการสร้างแบบนั้น
จึงพูดเสมอว่า ไม่อยากให้ลูกโตในประเทศ
ที่มีอาชญากรรม ปล้นชิง ไม่ปลอดภัย
- Elon รู้จักเทคโนโลยีจีนอย่างดี
Tesla เองก็ต้องใช้ Navigator ของจีน
เพราะยังสู้กับ Baidu ไม่ได้
เขาเห็นกับตาว่าจีนทันสมัยมากแค่ไหน
และคิดว่าควรมีแบบนี้ในอเมริกา
- จีน สหรัฐฯ กำลังชิงกันอยู่
แต่จีนไม่มีเรื่อง privacy จึงไปได้ไกลกว่า
- Smart City จะให้เกิดในสหรัฐฯ ยากมาก
ต้องทำให้เกิดวิกฤต ปล้นชิง วิ่งราว
อาชญากรรม ปล่อยให้มันเกิด คนจะยอมรับ
เพื่อไปสู่ Camera City แบบจีน
- แต่จะทันจีนหรือไม่ อาจไม่ทัน แต่ต้องทำ
จีนกำลังไปสู่รุ่นที่ไกลกว่าเมกาแล้ว
ในระบบโครงสร้างของเมือง
- จีน ตอนนี้ ใช้ 5.5G ในบางเมืองแล้ว
ทดสอบรถไร้คนขับ drone ส่งของ taxi drone
ถ้า 6G มา การบริหารอากาศยานไร้คนขับ
จะพัฒนาง่ายขึ้น คนจีนก็ตื่นเต้นกับความทันสมัยนี้
ต่างจากคนในยุโรป และอเมริกา
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เป้าหมายสูงสุด: สร้าง Smart City
เพื่อนำไปสู่การปกครองแบบ Technocracy
- จุดประสงค์ เพื่อ reset โลกไปสู่
การปกครองใหม่ที่เรียกว่า "Technocracy"
คือ ใช้เทคโนโลยีควบคุมมนุษย์ 100%
- พัฒนา AI > AGI > ระบบควบคุมคนแทนรัฐบาล
สร้างกฎ สร้าง regulations ควบคุมมนุษย์
ทุกอย่างถูกล็อกอยู่ในระบบ
- อีก 20 ปี เราจะอยู่กับ robot
แม่บ้าน การศึกษา อยู่บ้าน ก็จะอยู่กับ robot
มี humandroid แบบ JARVIS บริหาร IoT IoE ที่บ้าน
- WW2 คือ เปลี่ยนแปลงจาก สมบูรณายาสิทธิราชย์
สู่เผด็จการ, ประชาธิปไตย, คอมมิวนิสต์
WW3 คือ การสร้าง Smart City
ไปสู่การปกครองแบบ "Technocracy"
- คนชนะสงคราม คือ คนกำหนดทิศทางโลก
- หลังสงคราม คนครอบครองเทคโนโลยี
Smart City จะเป็นคนกำหนดมาตรฐานโลก
- ตอนนี้เราใช้มาตรฐานสหรัฐฯ ยุโรป
เพราะเขาเป็นผู้ชนะใน WW2
แต่จากนี้ ใครชนะ คนนั้นจะเป็นคนกำหนด
- เป็นอีกเหตุผลว่าทำไมสหรัฐฯ ต้องทำ WW3
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เมื่อโลกเริ่มไม่พึ่งพา USD เหมือนเดิม
- เศรษฐกิจ + เทคโนฯ ยังเป็นอาวุธของสหรัฐฯ
เพราะอย่างไร USD ยังเป็นเงินที่ทั่วโลกต้องการ
- แต่ถ้า Digital Currency เสร็จ
USD จะถูกพึ่งพาน้อยลง ไม่ต้องมี USD สำรองก็ได้
ซึ่งรัสเซียก็แสดงให้เห็นแล้ว
- นี่คือเหตุผลว่า ทำไมราคาทองคำถึงพุ่งแรงมาก
ทองคำ มีส่วนอย่างยิ่งในการเป็นตัวหนุนหลัง currency
- BRICS กำลังสร้างระบบใหม่
และอาจ Bypass USD ไปเลยก็ได้
.
ปัญหาหนี้ & ดอกเบี้ย: โจทย์ใหญ่ของสหรัฐฯ
- สหรัฐฯ มีหนี้สะสมมหาศาล
ปัญหา: เงินทั้งโลกกำลังไม่พอจะซื้อพันธบัตร
สหรัฐฯ แล้ว จะทำให้เมกาก่อหนี้ลำบาก
- FED ต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อดึงดูดนักลงทุน
แต่ดอกเบี้ยสูง = ภาระงบประมาณมหาศาล
- ตอนนี้ 1 ใน 3 ของงบประมาณ เอาไปจ่ายดอกเบี้ย
- ถ้า rollover หนี้ 9 ล้านล้าน จะกลายเป็น
ต้องใช้เกือบ 50% ของงบเพื่อจ่ายดอกเบี้ย
สหรัฐฯ จะแทบไม่มีงบพัฒนาประเทศเลย
ความเชื่อมั่นจะลดลง
- วิธีซื้อเวลา สหรัฐฯ เตรียมออกพันธบัตร 100 ปี
หรือ Perpetual bond ผลักภาระหนี้ไปข้างหน้า
แต่โลกไม่เชื่อแล้วว่าสหรัฐฯจะมีศักยภาพใช้หนี้ได้
- Elon เห็นแท่นพิมพ์ดอลลาร์ 14 เครื่อง
ยังถึงกับบอก พิมพ์เงินกันขนาดนี้เลยหรือ
- ค่าเงิน USD เสื่อมเร็ว ทำให้ทองคำขึ้นรุนแรง
- ถ้าแก้ปัญหาเดิมไม่ได้ ต้องสร้างปัญหาใหม่
ที่ใหญ่กว่า นั่นคือ วิกฤตเศรษฐกิจ และสงคราม
.
. . . . . . . . . . . . .
✅ เศรษฐกิจวุ่นวาย การเมืองจะวุ่นวายตามมา
- ถ้าประเทศทรุดตัวหนักทางเศรษฐกิจ
จะเกิดความวุ่นวายขึ้นในแต่ละประเทศ
- การเมือง การปกครอง ของผู้นำ
แต่ละประเทศจะประสบปัญหา
และจะนำไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหญ่
- เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ
จะเกิดภาวะวิกฤตทางการเมือง
ในแต่ละประเทศแน่นอน
. . . . . . . . . . . . .
สถานการณ์ประเทศไทย
✅ ปัญหาสภาพคล่อง + อย่าให้แบงก์ล้ม
- ตอนนี้เศรษฐกิจฝืดมาก สภาพคล่องแย่
และปัญหาสภาพคล่อง จะหนักขึ้นเรื่อย ๆ
- ธนาคารไม่ปล่อยกู้ รายย่อย–SME กระทบหนัก
แบงก์เองก็ขาด source of fund
- สถาบันการเงินบ้านเรา ยังแข็งแกร่งอยู่
ถ้าคนไม่แห่ถอนเงิน เราจะยังยืนอยู่ได้รอบนี้
ถ้าแบงก์ล้ม = วิกฤต
ถ้าไม่มี bank run = ยังพอ 'เดินกะเผลก' ไปได้
- ดังนั้น ถ้ามีคนแห่ถอนเงินแบบ "ไซ่ง่อนแบงก์"
ธปท. ต้องเตรียมรับมือ ป้องกันการแห่ถอนเงิน
- เรามีทุนสำรองเยอะ แต่สังคมโซเชียลน่ากลัว
สิ่งที่จะกระทบแบงก์ได้ คือ "ข่าวลือ"‼️
อาจจุดชนวน แล้วคนแห่ถอนเงิน⚡⚡⚡
- ถ้ารับมือทัน รักษาสถาบันการเงินไว้ได้
เราจะไม่เกิดวิกฤต
.
✅ ตลาดหุ้นไทย – แนวโน้มวิกฤต
- 2 ปี จากนี้ไป เป็นช่วงต้อง survive อย่างหนัก
- ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสหลุดถึง 600 จุด
- แม้ "หุ้นนางฟ้า" หลายตัวก็เริ่มอ่อนแรง
- คาดภายในปี 2030 หุ้นไทยจะหายไป 40–60%
- บริษัททยอย delist เพราะตีโจทย์ระบบโลกไม่ออก
- แม้ธนาคารเองก็ไม่เข้าใจเทคฯใหม่ จึงไม่ปล่อยกู้
- วงจรนี้กลายเป็นงูกินหาง ทั้งระบบยังขาดวิสัยทัศน์
.
✅ เศรษฐกิจโลกชะลอ ส่งผลต่อไทย
- กว่าจะจบ WW3 ก็ราว 2-6 ปี ถึง 2030
แต่วิกฤตปี 2025 2026 2027 จะเป็นช่วงที่หนักมาก
- ปีนี้ ปีหน้า ไม่ง่าย ส่งออกก็ยาก
อย่างน้อย 2 ปี จนกว่าจะเข้า WW3 เต็มรูปแบบ
- ถ้าผ่าน 2 ปีนี้ได้ ไทยจะฟื้นอย่างไม่เคยมาก่อน
- ไทยมีโอกาสเป็นผู้ส่งออกอาหารใหญ่ของโลก
โลกต้องการอาหาร การส่งออกจะกลับมาอีกครั้ง
- เราไม่ต้องไปงัดข้อ ประคองตัวเอง จะผ่านไปได้
.
ทองคำ ที่ดิน อาหาร: สินทรัพย์ที่คนแห่เข้าหา
- ทองคำพุ่ง เพราะ USD เสื่อมอย่างรวดเร็ว
การเปลียนผ่านสู่ระบบโลกใหม่ ก็ดันราคาทอง
- ราคาที่ดิน จะปรับตัวสูงขึ้น ตามทิศทางทองคำ
แต่อาจดึงสภาพคล่องเราไปได้
(สภาพคล่องน้อย แต่รักษามูลค่าเงินเสื่อมได้)
แต่เอาไปเป็นสินทรัพย์หลักประกันได้
- ราคาที่ดิน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นทำเลไหนด้วย
บางจุดอาจขึ้นสูง บางจุดอาจไม่ขึ้น
- อาหารจะกลายเป็นสินค้าที่สำคัญมาก
ในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้
- ใครมีที่ดินเพาะปลูก ให้กลับไปภาคเกษตร
แต่ช่วง 2 ปีนี้ จะเหนื่อยหน่อย
- ถ้าภาคเกษตรกลับมา
เราจะกลับมาทั้งประเทศพร้อมกัน
.
สุดท้ายใครจะชนะ?
- เชิงยุทธศาสตร์ จีน อาจเป็นฝ่ายชนะ
- ไม่ต้องออกไปรบ ใช้ขีปนาวุธระยะไกล
- มี Belt road initiatives ที่จะทำให้เกิด
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้
. . . . . . . . . . . . .
สรุป
- WW3 ไม่ใช่แค่สงครามทางทหาร
แต่คือการ "รีเซ็ตโลกใหม่ทั้งระบบ"
- เราเห็นบริบทใหญ่แล้ว แค่ดูว่าตอนนี้
โลกกำลังเดินมาตามบริบทอย่างไร
จะได้วางกลยุทธ์แต่ละช่วงได้
- อย่าตั้งรับเฉย ๆ ให้ "ตั้งรับ เพื่อจะรุก"
ไม่ต้องใจสั่นกับทุกเรื่อง
- จะรุกได้ ต้องตีโจทย์ระบบโลกให้ออก
เราอยู่บนระบบโลกไหม
ธุรกิจเราอยู่บนระบบโลกไหม
เราจะได้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ไหม
- ไม่ใช่เวลากลัว หรือวิตกกังวลใด ๆ
เราต้องมองทางเดินของระบบโลกให้ออก
ตีโจทย์แตก = อยู่รอด และอาจชนะในเกมครั้งนี้
- มองให้เห็นว่า อะไรคือ โอกาส
ท่ามกลางความขัดแย้ง
- AI และปัจจัย 4 ยังเดินต่อไป
- โลกจะวิ่งไปสู่ Smart City
และ Technocracy ระบบการปกครองใหม่
หลังระบบการซีเซ็ทครั้งนี้
- จาก Digital สู่ Quantum คือโอกาสครั้งใหญ่
ยังไม่มีบริษัทเข้ามาในระบบควอนตัมเลย
แต่ในอนาคตจะโตเป็น mega trillion
- คนทำงาน ก็จะถูกเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
การเปลี่ยนแปลงมันเริ่มมานานแล้ว
แต่ Wave นี้จะเป็น Wave ตัดสิน
เราต้องพัฒนาตัวเองขึ้นมา
ไม่งั้นเราจะสูญเสียโอกาส
และเป็นส่วนเกินของระบบ
- ทองคำ ราคาพุ่งสูงมาก
> มันคุ้มมากกว่าฝากเงินธนาคาร ก็โอเคแล้ว
อย่าไปคิดมาก
- เศรษฐกิจเราจะสาหัสไป 2 ปี
ระบบธนาคาร คือ เส้นเลือดใหญ่
ต้องรักษาระบบธนาคารไว้ให้ได้
- ธุรกิจไทยต้องตีโจทย์โลกให้ออก
ไม่ใช่แค่รอด แต่ต้อง "รับเพื่อรุก"
เพื่อชนะในเกมใหญ่
.