เห็นมู้ล่างตั้งมู้เรื่องกล้องไปเลยนึกถึงเรื่องนี้ได้ คือผมเป็นคนชอบถ่ายรูป แล้วเมื่อไม่นานมีโอกาสได้ไปตระเวนถ่ายรูป street กับอาจารย์ของหลานผมแกเป็นอาจารย์สอนอยู่คณะสถาปัตย์ ทีนี้ในก๊วนมันก็มีพวกเด็กสถาปัตย์ เด็กมัณฑนศิลป์มาแจมด้วยหลายคน ผมสังเกตไอ้พวกนี้ถ่ายรูปสวยหรือมีพรสวรรค์ในการถ่ายรูปทุกคน หลายคนเพิ่งเคยจับกล้องครั้งแรก แต่จับแปปๆ ก็ถ่ายออกมาได้ดีได้สวยแล้ว เหมือนไอ้พวกนี้มีพรสวรรค์ในการมองภาพ เลือกมุมภาพและจัดองค์ประกอบน่ะ ว่าถ่ายมุมไหนจะสวย มีเทสน์ในการแบ่งระยะ foreground middle ground background น่ะ ว่าแบ่งยังไงจะสวย มือใหม่เหมือนกันแต่พวกนี้แบบเรียนรู้ไวน่ะฮะเหมือนเรียนแค่วิธีปรับแต่งกล้อง แต่วิธีเลือกมุมภาพนำเสนอ ไอ้พวกนี้ผมว่าดีกว่าคนมือใหม่ธรรมดาอยู่ประมาณนึงเลย

ไม่เสมอไปครับ เพราะผมก็ถ่ายไม่สวย

มีมันวิชาให้เรียนในด้านการจัดองค์ประกอบภาพ จุด เส้น ระนาบ พื้นฐาน Creative

หรือแม้แต่ความงาม(สุนทรียศาสตร์) เหมือนเรียนมาว่าจะทำยังไงได้บ้างให้มันสวย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่บุคคลอยู่ดี

เรียน คอมโพสิชั่น มาทุกคน
เรืยนเรื่อง "สี"
พื้นฐานก็ได้เปรียบแล้ว

เอาตรงๆนะครับ สายงานช่างภาพอาชีพที่ผมรู้จักหลายๆคน ส่วนใหญ่คือเรียนวิศวะมา อย่าง..งงเหมือนกัน ฮาๆ แต่ยุคหลังๆมานี่จะเป็นสายตรงเรียนถ่ายภาพ นิเทศสูงขึ้นเรื่อยๆล่ะ

ก็...คนที่เรียนศิลป์แต่ละประเภท เค้าต้องเรียนเรื่ององค์ประกอบศิลป์กันอยู่ละ

แล้ววิชานี้มันต่อยอดไปหลายอย่างมาก และยิ่งการเรียนพวกนี้คือการปฏิบัติไปเรื่อยๆ ไม่ได้ท่องจำเท่าไหร่ สกิลพวกนี้เลยติดตัวโดยปริยายละน่ะครับ

แต่ใดๆ คือแต่ละคนที่เรียนก็ไม่ได้ดึงจุดนี้กันได้ดีทุกคนนะ

ขอยาดตอบในฐานะสถาปนิก คือโดยพื้นฐานทุกคนที่จบสายนี้คือเรียนเรื่ององค์ประกอบศิลป์มาก่อน
แต่ในแง่การทำงาน มันไม่ได้มีแค่งาน เขียนแบบ ก่อสร้าง
จริงๆแล้วส่วนหนึ่งของวิชาชีพมันต้องทำงานเกี่ยวกับ Visual เยอะมาก
หนึ่งในนั้นคือการทำภาพ Perspective หรือแม้กระทั่งงาน Graphic ต่างๆที่ต้องสื่อสารกับลูกค้า
เป็นขั้นตอนหนึ่งในการออกแบบที่ใช้แรงและเวลากับมันค่อนข้างเยอะ เพราะมันคือไม้สุดท้ายที่จะสื่อสาร
ว่าสิ่งที่มึงคิดมันออกมาเป็นยังไง ถ้าทำเองแต่ละภาพก็ใช้เวลาค่อนข้างมาก จ้างมืออาชีพราคาหลักหมื่น / 1 รูป จึงต้องพิถีพิถันพอควรกว่าจะออกมาแต่ละรูป เพราะเเม่งเเพง5555555
นั่นเเหละครับ นอกจากเรื่องการจัดองค์ประกอบแล้ว สิ่งสำคัญคือเนื้อหาที่จะสื่อสารในแต่ละภาพ
เรียกว่าเป็นอีกศาสตร์หนึ่งเลย

อาชีพช่างภาพ หรือ 3Ds Visualizer จึงเป็นอีกอาชีพที่ต่อยอดไปจากอาชีพสถาปนิก

ผมเป็นช่างภาพอาชีพ เพื่อนในวงการส่วนใหญ่จบวิศวะ

เพื่อนผมที่เป็นช่างภาพส่วนใหญ่ก็วิศวะ 555

แต่ช่วงหลังผมได้ไปคลุกคลีทำงานร่วมกับบริษัทอสังหาทำคอนโด ทำโรงแรม รีสอร์ท หมู่บ้าน หลายงาน แต่ผมเป็นวิศวกรนะ ผมเลยเพิ่งรู้ว่ามันมีช่างภาพอีกสายนึง ที่เน้นถ่ายรูปงานอาคาร งานอินทีเรีย งานแลนด์สเคปเลย โดยเฉพาะ ที่พวกบริษัทอสังหาจะจ้างจ้างมาถ่ายเพื่อขายอาคาร พวกสตูดิโอพวกนี้ที่ดังๆที่บริษัทอสังหาชอบจ้างอย่างพวก dof skyground / spaceshift / beersingnoi(คนนี้ไม่เป็นรูปบริษัท เป็นน่าจะฟรีแลนซ์แต่พวกบริษัทอสังหาชอบจ้าง) จากที่ผมคุยมาส่วนใหญ่ช่างภาพสายนี้จะจบสถาปัตย์ กับอินทีเรีย ซะส่วนใหญ่เลยฮะ สายอื่นผมเจอน้อย ไม่ค่อยตรงกับประสบการณ์ผมที่เพื่อนช่างภาพส่วนใหญ่เป็นวิศวะ

สายนั้นมันเฉพาะทางไปนิดครับ ต้องมีความรู้เฉพาะด้านด้วย งานอาคาร รีสอร์ท โรงแรมผมได้ถ่ายอยู่ครับ แต่ถ้าเป็นอินทีเรีย แลนด์สเคป ผมไม่ได้เลย

มันแม่นพื้นฐานครับ ซึางพื้นฐานหลัก ๆ ในการถ่ายรูปที่ดีคือ จัด 9 ช่อง ตรงนี้ไปเอารูประดับโลกของช่างภาพคนไหนมาแล้ววางจุดตัด 9 ช่องมันจะลงหมดพอดี แล้วพวกสถ้าปัต Perspective มันจะเปะมากเพราะมันถูกเรียงลำดับให้เป็นความคิดแรก ๆ เสมอ

ผมเคยไปเรียนกับช่างภาพ ต่างประเทศ เขาบอกเลย สิ่งแรกที่พวกคุณต้องคิดคือจุดตัด ตอนแรกอาจจะยากแต่ฝึกให้ชินแล้วจะเก่งเอง

โอ๊ะ อาจจะใช่ฮะ ผมเห็นพวกเด็กติวถาปัด จะสอบเอ็นทรานตอนฝึกวาด perspective ก็ต้องใช้หลักจุดตัด 9 ช่องเหมือนกัน มันอาจจะมาจากหลักเดียวกัน พวกนี้เลย adapt ได้ไว

composition กับ สี นี่ก็ทำให้ภาพถ่ายดูดีมากๆ ละสำหรับผม

ผมทำ tive ทุกวันยังถ่ายไม่สวยเลย

พวกนี้รู้จัก golden ratio มากกว่าคนทั่วไป
จะถ่ายรูปออกมาสวยกว่าคนทั่วไปก็ไม่แปลก