ข่าวกับแกยังแรงที่สุดอยู่ แม้จะดูไม่ค่อยมีอะไรขยับก็เถอะ ละไปเจอคลิปนี้เป็นคลิปรายการสัมภาษณ์ถึงวิธีการคิดของ Frank เลยมาแชร์ เผื่อมีคนสนใจ ภาษาไม่แข็งมาก อาจจะตกหล่นบ้าง ขออภัย

Key takeaways
1. เชื่อในการ Pressing แบบ Intense น่าจะเป็นผลดีกับการต่อยอด เพราะแผนปัจจุบันกับนักเตะก็เน้นเรื่อง Pressing อยู่ จะได้ไม่เปลี่ยนทิศทางหรือขนาดโละทั้งทีม
2. Mindset ตอนทีมนำ ในคลิปบอกว่าถ้านำ 3-0 แล้วโดนตีกลับมา 3-2 จะคิดยังไง แกบอกว่าอยากให้ทีมเชื่อเสมอว่าจะยิงได้ จะไม่เปลี่ยนไปเน้นอุด แต่จะพยายามหาทางยิงเพิ่ม ข้อนี้ก็ดูเป็นแนวทางเดิมอยู่
3. ชอบที่จะมีนักเตะเกมรุกอย่างน้อย 2 คนเสมอเพื่อเพิ่มโอกาสการทำประตู แม้กับตอนที่นักเตะเหลือ 10 คน จะอยากเล่น 4-3-2 ก่อน และพยายามให้ทีมมี Offensive first mindset
4. จากข้อ 3 ถ้าเจอทีมที่เหนือกว่ามากๆ และมีเกมรุกที่ดี เช่น City ก็ปรับเป็น 5-3-1 ได้ ข้อนี้ดูมีการประเมิณตามสถานการณ์ ทำให้ต่างกับแอนจ์ที่ไม่ลด ฟีลประมาณถ้ามันยังไม่ได้ก็ Fake it til you make it
5. มีเส้นกรอบเขตโทษเป็น Baseline เพื่อที่จะไม่ถอยไลน์ลงมาต่ำเกินไป แต่ถ้ามีปีกออกข้างก็จะป้องกันหน้ากรอบผู้รักษาประตู ข้อนี้ก็ดูต่างจากน้าอยู่ เรื่องระดับการดันไลน์
ุ6. ผมว่าแกดูเป็นคนใจเย็นมาก ดูเบาๆ สบายๆ คนที่ทำงานด้วยน่าจะสบายใจ แต่เวลาอธิบายเห็นเอาสถิติมาคุยหลายครั้งเพื่อเพิ่มความหนักแน่นในคำพูดตัวเอง ดูเป็นคนสายสถิติ แต่ก็ดูเข้าใจเรื่องอารมณ์ในสนามด้วย เลยพยายาม Balance เรื่องสองอย่าง
7. ฟังจากในคลิป เหมือนว่า Brentford คือทีมที่มีค่าเฉลี่ยใกล้ประตูที่สุดในการทำประตู และมีจำนวน Successful Crosses เยอะมาก (2 เท่าของ Shef U/ Chelsea/ ManU) ข้อนี้น่าจะ Benefit เสี่ย Porro/Madders แน่ๆ แต่ก็แอบกังวลกับอีกฝั่งอย่าง Udogie นี่เป็นสาย Progress ด้วยตัวเอง อาจจะต้องหาวิธี Cross เพิ่มเติม

สรุปคือ
- มีแนวทางทำทีมคล้ายๆน้าแอนจ์แต่ไม่สุดโต่งเท่า ข้อดีคือนักเตะไม่ต้องปรับเยอะมาก
- อาจจะไม่ใช่สายปลุกใจเหมือนน้า สายให้กำลังใจ ชื่นชมไรงี้ แบบอันนี้อาจจะลำบากหน่อยถ้าสถานการณ์มันต้องการ การปลุกใจที่ดี แต่อันนี้ชื่นชมแอนจ์จริงๆ ผมว่าน้าแกเทพจัดเลยเรื่องคำคม Pep talk ไรงี้ punchline สวยๆ
- ดูจบละชอบแกมากขึ้นนะ อยากลองละ มาสักทีเหอะ บวกกับอยากเห็นข่าวตลาดซื้อขายละว้อยยยยยยย

ส่วนอันนี้ให้ ChatGPT ลองทำให้

Key Takeaways
• 00:00–05:00 – ปรัชญาการเล่นเป็นทีม
Frank เน้นว่า "การเล่นเป็นทีม" คือหัวใจของทุกสิ่ง เขาชูแนวคิด “we before me” และต้องให้ผู้เล่นช่วยเหลือกันตลอดทั้งเกม

• 05:00–10:00 – การสื่อสารที่ชัดเจน
ระหว่างพักครึ่ง เขาย้ำถึงการสื่อสาร เพื่อให้ผู้เล่นเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการ ทั้งในแง่แท็กติกและจิตใจ

• 10:00–15:00 – ปรับแท็กติกตามคู่แข่ง
ตัวอย่าง: การยืนตำแหน่งใหม่เพื่อตอบโต้ทีมที่กดสูง เรียกว่าเป็น "matching traits" ของฝ่ายตรงข้าม

• 15:00–20:00 – การพัฒนาผ่านข้อผิดพลาด
Frank เปิดเผยว่าทีมจะมานั่งดูวิดีโอร่วมกันเพื่อเรียนรู้จากสิ่งผิดพลาดร่วมกัน และให้กำลังใจ

• 20:00–25:00 – การสร้างความรับผิดชอบ
เขาให้ผู้เล่นหลักดูแลผู้เล่นดาวรุ่งในทีม เพื่อสร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมและพัฒนาภาวะผู้นำ

• 25:00–30:00 – การสร้างวัฒนธรรม
เน้นสร้างสภาพแวดล้อมที่โปร่งใส เปิดกว้างในการพูดคุย ระดมความคิดเห็น และวิเคราะห์ผลลัพธ์ร่วมกัน


✅ จุดเหมือนกัน
เรื่อง----------Thomas Frank-------------Ange Postecoglou
ปรัชญาชัดเจน--“We before me”-------------เกมรุก-ครองบอล
ปรับตามคู่แข่ง--ใช้แท็กติก matching traits----ปรับแท็กติกรับ-รุกตามสถานการณ์
พัฒนาผู้เล่น----ตั้งทีมรีวิว วิดีโอ-------------เปลี่ยนโครงสร้างทีม เช่นที่น้ำมารินอส, เซลติก
วัฒนธรรมทีม---สร้างวัฒนธรรมเปิด-----------ปลูกฝังแนวทางในทีมระดับ CL และ EPL

❌ จุดต่าง
น้ำหนักเกมรับ‑รุก
Frank เน้นบาลานซ์โดยใช้แท็กติกที่ตอบโต้คู่แข่ง ขณะที่ Postecoglou โดดเด่นด้วยปรัชญารุกล้วน

มิติการพัฒนา
Frank เน้นโฟกัสเฉพาะทีม (Brentford) และนักเตะดาวรุ่ง ส่วน Postecoglou มีประสบการณ์ระดับชาติ, ลีกญี่ปุ่น, สก็อตแลนด์ และพรีเมียร์

การบริหารแรงกดดัน
- Postecoglou เคยพาทีม Tottenham ชนะ Europa League แต่ก็ถูกปลดเพราะฟอร์มลีกไม่คงที่
- Frank ยังไม่มีแรงกดจากตำแหน่งสูงเท่ากับ Postecoglou

สรุป
Thomas Frank คือโค้ชสายบาลานซ์ รู้เร่งรู้ถอย ปรับแท็กติกตามสถานการณ์ สร้างวัฒนธรรมทีมเนียนๆ

Ange Postecoglou คือโค้ชสายรุกรุก บุกทุกเม็ด เชื่อแนวทางตนเอง แข็งในปรัชญายกระดับทั้งระดับสโมสรและชาติ

ถ้าคุณสนใจโค้ชที่เน้นเกมรุกสุดแรง Postecoglou เหมาะ หากต้องการผสมแท็กติกชาญฉลาดและสร้างวัฒนธรรมทีมแน่น Frank อาจวินครับ

อยากเห็นอยู่ยาวๆแบบพอช

นายอย่ามาแย่งเอ็มบูโม่นะ

สเปอ ไม่ค่อยถูกกับโค้ชบิ๊กเนม มู คอนเต้ อยู่ได้ปีเดียวต้องออก

ต้องใช้โค้ช ทีมกลางๆ แบบนี้ ลุ้นแชมป์ยาก

แทบมีแค่พอชคนเดียวมั๊งครับที่อยู่เกิน 2 ปี

ผมว่าปัญหามันคือบอร์ดอ่ะแหละ กากจนใครก็อยู่ไม่ทน

ผมเห็นด้วยว่าบอร์ดกาก ขนาด มูกับคอนเต้ ยังบ่นออกสื่อ

แฟนบอล อยากเปลี่ยนเจ้าของใจจะขาด

ดูเหมาะสเปอร์ดีแหะ ผมว่าแกพาสเปอร์กลับมาดีได้แน่

แกออก sky บ่อยนะ แล้วพูดดีด้วย

เสียดายคอนเท้นต์สกายมันบล็อคโซนซะเยอะ

น่าสนใจอะคนนี้ รอดูเลย

มาแบบเบาๆสมัยพอชมีแต่คนตั้งคำถามเพราะก่อนมาผลงานไม่มีไรเลย ทำไปทำมายกระดับไก่ลุ้นแชมป์ลีคเฉย
ไก่น่าจะเหมาะกะโค้ชแบบคาดหวังไม่สูงก็ได้

สำหรับไก่ ตัวนี้คือโค้ชในฝันเลย

เฮียแฟร้ง บุคลิค ปรัชญาการทำทีม แทคติก ประสบการณ์
ทุกอย่างคือชอบหมดเลย


คิดว่า เลวี่เอาจริงกับการทุ่มเทในลีคเต็มตัวแน่นอน

อนาคตสดใสรออยุ่ เฮียแฟร้ง อยุ่นานๆละกัน

สเปอร์น่าจะยากแล้วล่ะครับ
เอ็มบูโม่ ใจไปแมนยูนานแล้ว
เพราะแกบอกว่า..แฟรงค์ไม่มีผลอะไรกับการตัดสินใจ
นอกเสียจากว่าดีลแมนยูล่ม ถึงจะหันมาคุยกับทีมอื่น (สเปอร์ ฯลฯ)

อีกอย่าง..
ผมมองภาพ เอ็มบูโม่ สวมชุดสีขาว ไม่ออกจริงๆ

เหมาะกับ บอร์ดบริหารสเปอร์ มากกว่าครับ
หวังลงทุนน้อย แต่ผลตอบแทนสูง

เพิ่มข้อดีอีกข้อ...

โคชหล่อ ถูกสเป็คใช่ไหมครับ 555

ทีมสเปอร์เราเน้นหน้าตาไว้ก่อน