การที่ฟร็องค์ ริเบรี่ ไม่ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ในปี 2013 นั้น ถือเป็นหนึ่งในประเด็นถกเถียงที่ร้อนแรงและยังคงเป็นที่พูดถึงมาจนถึงปัจจุบัน สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เขาพลาดรางวัลไป ทั้งที่หลายฝ่ายมองว่าเขาสมควรได้รับ มีดังนี้:
* การขยายระยะเวลาโหวต: สิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดคือการที่ FIFA ตัดสินใจ ขยายระยะเวลาการโหวต ออกไปหลังจากที่ คริสเตียโน โรนัลโด้ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในรอบเพลย์ออฟฟุตบอลโลก 2014 กับสวีเดน (ยิงแฮตทริกพาทีมเข้ารอบ) ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากช่วงเวลาโหวตเดิมสิ้นสุดลงแล้ว ทำให้โรนัลโด้ได้รับคะแนนโหวตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
* ความโดดเด่นเฉพาะตัวของคู่แข่ง:
* คริสเตียโน โรนัลโด้: แม้ว่าเรอัล มาดริดจะไม่ได้แชมป์รายการใหญ่ในปีนั้น แต่โรนัลโด้ทำผลงานส่วนตัวได้อย่างน่าทึ่งในเรื่องของสถิติการยิงประตู โดยยิงได้ 69 ประตูจาก 59 นัดในทุกรายการ ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงมากและดึงดูดสายตาของผู้โหวตได้มากที่สุด
* ลิโอเนล เมสซี่: เมสซี่ก็ยังคงเป็นผู้เล่นที่ทำผลงานได้อย่างสม่ำเสมอและมหัศจรรย์ แม้จะประสบปัญหาอาการบาดเจ็บในช่วงปลายปี
* เกณฑ์การตัดสินที่เปลี่ยนไป: บัลลงดอร์ในยุคนั้น (FIFA Ballon d'Or) เป็นการรวมกันระหว่างรางวัล Ballon d'Or เดิมของ France Football และ FIFA World Player of the Year โดยคะแนนโหวตมาจากนักข่าว โค้ชทีมชาติ และกัปตันทีมชาติ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเน้นไปที่ ผลงานส่วนตัวและความสามารถเฉพาะตัว ของผู้เล่นมากกว่า ความสำเร็จของทีม ซึ่งริเบรี่โดดเด่นมากในเรื่องความสำเร็จของทีม
* ความโดดเด่นของริเบรี่ "ในฐานะส่วนหนึ่งของทีม":
* ความสำเร็จของทีม: ในปี 2013 ฟร็องค์ ริเบรี่ เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้บาเยิร์น มิวนิค คว้า 3 แชมป์หลัก (Treble) ได้แก่ บุนเดสลีกา, เดเอฟเบ โพคาล และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รวมถึงแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ รวมเป็น 5 แชมป์ในรอบปี
* บทบาทในทีม: ริเบรี่เป็น "มันสมอง" และ "หัวใจ" ในเกมรุกของบาเยิร์น เป็นผู้สร้างสรรค์โอกาสและทำประตูสำคัญ แต่หลายคนอาจมองว่าเขาไม่ได้ "โดดเด่นฉีก" ออกมาจากเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ในบาเยิร์นมากเท่ากับที่โรนัลโด้หรือเมสซี่โดดเด่นออกมาจากทีมของพวกเขา
* คะแนนโหวตที่สูสี: ผลโหวตในปีนั้นออกมาสูสีกันมาก โดยคริสเตียโน โรนัลโด้ ได้ไป 27.99%, ลิโอเนล เมสซี่ 24.72% และฟร็องค์ ริเบรี่ 23.36% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้โหวตมีความเห็นที่หลากหลายและใกล้เคียงกัน
แม้ว่าริเบรี่จะได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า (UEFA Best Player in Europe Award) ในปีเดียวกัน ซึ่งเป็นรางวัลที่เน้นผลงานในระดับสโมสรยุโรป แต่เขากลับพลาดรางวัลบัลลงดอร์ไป ทำให้ตัวเขาเองและแฟนบอลจำนวนมากยังคงรู้สึกว่าเป็นการ "ถูกปล้น" รางวัลที่เขาสมควรได้รับไป

ให้โกลบ้าง กองหลังบ้าง แค่มันไม่ยิงไม่ได้แปลว่าไม่เก่ง รางวัลอวยกองหน้า

รางวัลนี้โอกาสที่กองหน้าได้ 95% กลาง 4% ตำแหน่งอื่น 1% ผมแทบไม่สนใจละ คุณค่าเทียบไม่ได้กับถ้วยแชมป์

อะไรจะขนาดนั้น
มันก็แค่เขาเลือกคนเก่ง ซึ่งคนถุกเลือกก็เก่งจริงๆ
ส่วนต่างคะแนนอีกนิดหน่อยมันคือความชอบส่วนตัว คะแนนโหวตมันก็เป็นงี้แหละ เรื่องปกติ
คุณไม่ภุมิใจรางวัลหาว่าเป็นที่รางวัลไม่มีค่า..ลดคุณค่าของมัน แต่นักเตะคนที่ได้เขาก็ภูมิใจอยุ่ดี
ในขณะที่ นักเตะที่ยังไม่เคยได้มีคนไหนบ้างไม่ฝันอยากได้มาครอบครอง
รางวัลน่ะมันทรงคุณค่าในตัวมันเองอยู่แล้ว อยู่ที่มุมมองของคน
ส่วนมุมมองของผม การยอมรับความเก่งของคนอื่นแบะผลตัดการตัดสิน นั่นต่างหากคือสิ่งที่สำคัญของนักกีฬา(และเหล่าfcด้วย)

ตลกแล้ว ริเบรี่ คะแนน จากนักข่าว ที่ 1 เลยครับไป
ที่ไม่ได้เพราะคะแนน จากโค้ช+นักเตะทีมชาติ นักเตะบางประเทนยังไม่รู้จักริเบรี่เลยครับ
ปล. ปีนั้นคะแนนมันมารวมกันเลย นับรวม

ก็ถูกของเขานิ คะแนนนักข่าวไม่มากพอจะทำให้เกินคะแนนโค้ช+ทีมชาติ
ถึงจะได้ที่1คะแนนนักข่าว แต่ก็ไม่ถึงคะแนนโค้ช+ทีมชาติ

ขอโทดครับผมอ่านไม่แตกเอง

โอเว่นได้ ปีนั้น มันทรงคุณค่ายังไง

โอเว่นปีนั้น 5 แชมป์ + แฮททริคใส่เยอรมันคาบ้าน

ไม่ใช่อะไร มันกลัวโดนแซง
ยามาลพึ่ง 17 ฟอร์มแบบนี้แล้วมีเวลาอีก 15 ปีอย่างต่ำ ถ้าไม่กาวไปยังไงก็แซง

คงโกรธแหละ แพ้ไอ้รอยิง ราชันจุดโทษลีกอูฐ

คนแถวนี้ด้อยค่าบอกรางวัลไร้ความหมาย บลาบลาบลา

แต่เห็นได้ชัดว่าสำหรับคนที่มีโอกาสลุ้นรางวัล มันมีความหมาย

ยามาล ไม่ต้องรีบ รักษาฟอร์มไว้ได้แน่ๆ จะได้เยอะด้วยสิ

ส่วนคนอื่นๆ ฝีเท้ามัน สูสี กันไง ก็เลยต้องเอาแชมป์ UCL มาวัด

นอกจาก โด้ เมสซี่ ที่ ฝีเท้าและฟอร์ม โดด จัดๆ ทุกปี มูลค่าการตลาดสองคนนี้ก็เยอะจัด เลยแจกกันอยู่ 2 คน

กลับมายุคนี้ เลยเหมือนช่วงปรับตัว ให้รางวัลกลับมา สมดุล อ่ะ

รางวัลคะแนนโหวต มาร้องกันทำไมไม่รู้ สถิติไม่เคยมีผลใดๆ ทั้งนั้น

มีแค่ปีเลวานแหละที่แย่จริง ไม่จัดเฉย

คือมันก็ทรงคุณค่าทุกคนนั่นแหละ แต่ว่าถ้ายกตัวอย่างเป็นซีดานหรือโรนัลโด้อะไรพวกนี้มันก็จะไม่ค่อยรู้สึกว้าวไงเพราะไม่มีใครสงสัยความสามารถระดับนั้นกันอยู่แล้ว