ในนี้มีใครเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือนักธุรกิจบ้างไหมครับ พอดีดูหนังแล้วก้เลยอินนิดหน่อย
ก็เลยอยากถามเพื่อนๆในนี้ครับ
ว่ามีความยากลำบากยังไงบ้าง หรือมีความรู้สึกยังไงบ้าง
มาแชร์ความรู้ แชร์ประสบการณ์ได้ครับ เผื่อเป็นแรงบรรดาลใจ ให้กับคนที่จะเริ่ม หรือกำลังทำอยู่

ผมเปิดร้านเดือนนี้เมื่อปีที่แล้ว (ครบ 1 ปีพอดี)

สิ่งที่อยากจะสื่อสารคือ ถ้าคิดจะทำธุระกิจอะไรก็ตามแต่ ถ้าคิดจะเริ่มต้นทำ
แนะนำให้ทำอะไรก็ได้อยู่บนพื้นฐานของปัจจัย 4 จะเป็นเซฟโซนสุด แต่จะรวยมั้ยอีกเรื่องนึงนะ บอกก่อน
(ถ้าจะเจาะลึกคือ 4P นะ)

สำคัญคือ อย่าคิดจะทำอะไรเหมือนคนอื่นแล้วคิดจะตัดราคาเขา คุณจะไม่ได้อะไร สุดท้ายคุณจะเจ๊งไปเอง 100%

คติผม "ซื้อถูก เพื่อมาขายถูก ใครก็ทำได้ ต่างด้าวก็ทำได้ แต่ซื้อถูกมาขายแพงให้ได้ เจ๋งกว่า"

คุณลองมอง 2 ข้างทางสิ หรือไม่ก็ตลาดนัด มีแต่คนซื้อถูกๆ เพื่อมาขายถูกๆทั้งนั้น
แต่คนซื้อของจากที่เดียวกัน เพื่อมาขายแพงกว่าได้ คือ เจ๋งกว่า
จงเป็นคนกลุ่มหลัง

ผมเปิดร้านตามสั่ง มีแค่ 5 โต๊ะ และขายแพงกว่าร้านในระแวกเดียวกัน (1 กม) แต่ผมขายแพงก็จริง (55 บาท - 180 บาท) แต่ผมใช้วัตถุดิบดีกว่าคนอื่น กลุ่มลูกค้าก็ต่างออกไป ซื้อดี ซื้อบ่อย ผมไม่มีขาดทุนซักวัน และไม่ขาย online

ลงทุนกับความรู้เยอะๆ ลงทุนกับมัน หรือไม่ก็ลงทุนกับ "เวลา" คือ ออกไปใช้ชีวิตกับตำแหน่งกากๆตาม company ต่างๆ ไม่ว่าจะล้างจาน /กวาดพื้น/ โบกรถม่านรูด / housekeeping หรือเด็กหน้าเขียง เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ กลั่นกรองมาเป็นตัวเองครับ คุณจะแตกต่างจากคนอื่น
(ที่พูดมาคือผมทำมาหมด) เมื่อคุณลงทุนกับเวลา สิ่งที่คุณจะได้กลับมาคือประสบการณ์และความรู้


ปล. เมื่อคุณขายดี เกิน 1.7 ล้าน ก็ต้องคิดถึงภาษีรายปีด้วย มันจะตามมาหลอกหลอนคุณ สรรพากรจ้องคุณอยู่


สุดท้าย.... ถ้าคิดจะทำธุระกิจอะไรก็ตามแต่ แต่ยังไม่มั่นใจตัวเอง ไม่ชัวร์ ไม่ได้เกิดมาเป็นลูกแม่ค้า
ลองเดินตลาดสดเยอะๆครับ ช่วยได้

ลองไปดูว่า ตลาดสด แม่ค้าขายของเหมือนกันไปหมด ราคาไม่หนีกัน แต่ทำไมเขาอยู่ได้
สงสัยมั้ย??
(same products - same price) ลองไปดูครับ ลงทุนกับเวลา จะได้อะไรกับมาเยอะครับ

อยากแชร์ว่ากว่าจะหาลูกน้องดีๆได้ โคตรเหนื่อย

ยิ่งคนไทย หนักไม่เอา ทำได้สามวันแมร่งขอเบิกล่วงหน้า

ขยันลา อีกต่างหาก ผัวป่วย ลูกป่วย ญาติตาย

สารพัดปัญหา

อยากแชร์ว่ากว่าจะหาลูกน้องดีๆได้ โคตรเหนื่อย

ยิ่งคนไทย หนักไม่เอา ทำได้สามวันแมร่งขอเบิกล่วงหน้า

ขยันลา อีกต่างหาก ผัวป่วย ลูกป่วย ญาติตาย

สารพัดปัญหา

ยังไม่ได้ดูหนังครับ แต่พอเดาหนังได้

ส่วนอันนี้ สิ่งที่ผมเป็นอยู่

คุณจะทำงานอย่างบ้าครั่ง แบบไม่มีวันหยุด เกินกว่าคนปกติทั่วไป เพื่อให้อยู่รอด อย่างของผม ทำงานไม่มีวันหยุด มาเป็นปีแล้ว

อาจยังไม่เห็นกำไร ใน 1-3 ปีแรก ปีแรกผม กำไร แค่ 2 พันบาท

ทุกสิ่งทุกอย่างมันคือค่าใช้จ่าย จะล้างแอร์น้ำแอร์รั่ว ซื้อนู้นนี้ คือเงินคือทองหมด แต่ก็ต้องจ่าย

ปัญหาที่ปวดหัวที่สุดคือพนักงาน

เก่งมากก็อีโก้เยอะ

กากมากก็ทำงานไปวันๆ

เจอดีๆแล้วต้องแฟร์กับเขา

ไม่มีใครอยากเป็นลูกน้องไปตลอดชีวิต

ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ทำให้ยอดตก
โควิด น้ำท่วม ปิดเทอมนาน ฝนตกทั้งวัน หนาวจัดแบบต้นปี

สินค้ากระแสที่อายุสั้นมาก แต่จำเป็นต้องเอาเข้าสตอก
พวกเหล้าบางประเภท ขนมขบเคี้ยว อาหารเสริมหรือยา

ลูกจ้างจะฉลาดแต่กับเรา ช่วงไหนที่ยุ่งยากจะพากันลา
เจ้าของต้องลงทำเอง ช่วงพีค ๆ นอนตีสอง ตื่นหกโมงเช้าติดกันเป็นเดือน

นิดนึง เกลียดพวกกู้เถื่อนชิบ ขว้างนามบัตรเข้าร้าน
ลำบากเก็บกวาดอีก วันละ 3-4 เจ้า

ผมเปิดร้านเดือนนี้เมื่อปีที่แล้ว (ครบ 1 ปีพอดี)

สิ่งที่อยากจะสื่อสารคือ ถ้าคิดจะทำธุระกิจอะไรก็ตามแต่ ถ้าคิดจะเริ่มต้นทำ
แนะนำให้ทำอะไรก็ได้อยู่บนพื้นฐานของปัจจัย 4 จะเป็นเซฟโซนสุด แต่จะรวยมั้ยอีกเรื่องนึงนะ บอกก่อน
(ถ้าจะเจาะลึกคือ 4P นะ)

สำคัญคือ อย่าคิดจะทำอะไรเหมือนคนอื่นแล้วคิดจะตัดราคาเขา คุณจะไม่ได้อะไร สุดท้ายคุณจะเจ๊งไปเอง 100%

คติผม "ซื้อถูก เพื่อมาขายถูก ใครก็ทำได้ ต่างด้าวก็ทำได้ แต่ซื้อถูกมาขายแพงให้ได้ เจ๋งกว่า"

คุณลองมอง 2 ข้างทางสิ หรือไม่ก็ตลาดนัด มีแต่คนซื้อถูกๆ เพื่อมาขายถูกๆทั้งนั้น
แต่คนซื้อของจากที่เดียวกัน เพื่อมาขายแพงกว่าได้ คือ เจ๋งกว่า
จงเป็นคนกลุ่มหลัง

ผมเปิดร้านตามสั่ง มีแค่ 5 โต๊ะ และขายแพงกว่าร้านในระแวกเดียวกัน (1 กม) แต่ผมขายแพงก็จริง (55 บาท - 180 บาท) แต่ผมใช้วัตถุดิบดีกว่าคนอื่น กลุ่มลูกค้าก็ต่างออกไป ซื้อดี ซื้อบ่อย ผมไม่มีขาดทุนซักวัน และไม่ขาย online

ลงทุนกับความรู้เยอะๆ ลงทุนกับมัน หรือไม่ก็ลงทุนกับ "เวลา" คือ ออกไปใช้ชีวิตกับตำแหน่งกากๆตาม company ต่างๆ ไม่ว่าจะล้างจาน /กวาดพื้น/ โบกรถม่านรูด / housekeeping หรือเด็กหน้าเขียง เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ กลั่นกรองมาเป็นตัวเองครับ คุณจะแตกต่างจากคนอื่น
(ที่พูดมาคือผมทำมาหมด) เมื่อคุณลงทุนกับเวลา สิ่งที่คุณจะได้กลับมาคือประสบการณ์และความรู้


ปล. เมื่อคุณขายดี เกิน 1.7 ล้าน ก็ต้องคิดถึงภาษีรายปีด้วย มันจะตามมาหลอกหลอนคุณ สรรพากรจ้องคุณอยู่


สุดท้าย.... ถ้าคิดจะทำธุระกิจอะไรก็ตามแต่ แต่ยังไม่มั่นใจตัวเอง ไม่ชัวร์ ไม่ได้เกิดมาเป็นลูกแม่ค้า
ลองเดินตลาดสดเยอะๆครับ ช่วยได้

ลองไปดูว่า ตลาดสด แม่ค้าขายของเหมือนกันไปหมด ราคาไม่หนีกัน แต่ทำไมเขาอยู่ได้
สงสัยมั้ย??
(same products - same price) ลองไปดูครับ ลงทุนกับเวลา จะได้อะไรกับมาเยอะครับ

เคยทำหุ้นแล้วออกเพราะตั้งแต่โควิดแล้วแย่ ผมทำธุรกิจบริการซึ่งเคยรุ่งบางทีร่วงช่วงนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือเงินสดเลี้ยงธุรกิจ ก็พยายามเลี้ยงลูกน้องให้ไปรอดแต่ดูทรงรัฐแล้วเหนื่อย ก็ต้องแบกตัวเองให้รอด ทางตอนนี้คือเอาต้นน้ำยันปลายน้ำทำหมดอีกอันก็มีหน้าร้านแล้วเปิดธุรกิจใหม่ ไม่ได้ทำ7นะครับ

ผมทำกิจการส่วนตัวมาตลอด ทำจนเจ๊งเลิกไป 3-4 อย่างแล้ว
ตอนนี้ทำอยู่ 2-3 อย่างยังพอไปได้
มีทั้งที่เปิดเอง และแฟรนไชส์ที่มีทุกหัวมุมถนน
บางเดือนก็กำไร บางเดือนเสมอตัว ขาดทุนก็มี
ผมเลือกไว้ใจคนอื่นให้เขาทำแทน จนกว่าจะมีปัญหาค่อยหาทางแก้เอา
กำไรไม่มากเท่าไร แต่ทำให้ผมมีเวลาว่างเยอะ
เหมาะกับอายุ สุขภาพ และนิสัยขี้เกียจของตัวเองมาก

เคยทำธุรกิจของตัวเอง
ตอนนั้นรู้สึก
อยากให้เวลาแต่ละวัน เดือน ปีมีมากกว่านี้
สิ้นเดือนปิดยอดทีโคตรเครียด

ใครอยากมีธุรกิจของตัวเอง
วินัยต้องดี
แบ่งเวลาชีวิตให้ลงตัว
เหมือนตลกนะ
แต่นอนให้เป็นเวลา

เป็นไปได้อยากให้พักผ่อนให้เพียงพอ
ร่างกายเป็นอะไรมามันไม่คุ้ม

ทำในสิ่งที่รู้
ผมเคยทำเพราะห้าว
สรุปก็เจ๊งดีนะขายเซ้งได้

เจ๊งไม่ใช่เรื่องน่าอาย
แต่อย่าเจ๊งแบบโง่ๆ
จะทำอะไรศึกษาให้ดีก่อน

ย้ำอีกครั้ง
ควรพักผ่อนให้เพียงพอ
เข้าใจว่าอยากทำให้มันดี
แต่พักผ่อนร่างกายด้วย

เคยทำมา2-3อย่าง เกี่ยวกับอาหารและของกิน
ให้แฟนเป็นคนดูแลทั้งหมด ลงเงินอย่างเดียว
สุดท้ายไม่รอดเพราะไม่ได้ไปลงรายละเอียด
อาหารแต่ละจานรสไม่เหมือนกัน สูตรเพี้ยน
ลูกน้องไว้ใจไม่ได้ นั่งเฝ้าก็ทำดี ไม่อยู่ทิ้งร้านให้ดูแลไม่ได้
หาจ้างคนยาก งานเหนื่อยคนก็อยากได้ค่าจ้างแพง
จะแนะนำอะไรก็ทะเลาะกันอีก อันนี้ปัญหาหนักสุด
กะว่าจะเงินต่อเงิน กลายเป็นเงินลงหลุม
แนะนำว่าถ้าอยากทำเป็นหลักหรือทำเสริมก็แล้วแต่
ขอให้มีเวลาดูแลได้ด้วยตัวเอง อย่าไปหวังโชคว่า
จะมีคนมาดูแลให้แล้วไปได้ฉลุย
ตอนนี้เลิกหมด กินเงินเดือนเหมือนเดิม

เจ๊งบนกระดาษดีกว่าเจ๊งในชีวิตจริง
ศึกษาให้มากๆก่อนค่อยลงมือทำ
ใครบอกมัวแต่คิดเมื่อไหร่จะเริ่ม
ตอกหน้ามันไปเลยว่าการคิดให้รอบคอบก็คือการเริ่ม
อย่าไปฟังพวกlife coach ให้ฟังคนที่มีประสบการณ์และสำเร็จจริงๆ
ต้นทุนแต่ละคนไม่เท่ากันนำมาปรับใช้ อย่า“ลอก”
บางคนมีโอกาสเจ๊งเป็น10รอบ บางคนรอบเดียวหมดตัว
ยิ่งยุคนี้ทำอะไรให้ระวัง ถ้าตามกระแสให้เข้าไวออกไว ไม่ต้องเสียดาย
ข้อดีทำธุรกิจคืออิสระ มีเวลา ถ้าสร้างระบบดี
ลองอ่านพ่อรวยสอนลูก พยายามดันตัวเองจากself employ ไปเป็น business ownerและinvestorให้ได้
แฟร์กับทุกคนทั้งคู่ค้าและลูกค้า รวมไปถึงพนักงานตัวเอง
กล้าที่จะตัดสินใจ และยอมรับผลของมัน
อย่าโทษโชคชะตา อย่าเปรียบเทียบกับคนอื่น

เป็นกำลังใจให้ครับ แค่คุณคิดจะเริ่มคุณก็ชนะตัวเองแล้ว

เคยทำร้านอาหารกับรุ่นพี่ รู้สึกว่าร้านอาหารเป็นอะไรที่ยากมาก

ไปได้แบบลุ่มๆดอนๆ แต่เหนื่อยของจริง
แล้วพอเจอโควิด เจ๊ง

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาแบ่งปันความรู้และประสบการณ์อันมีค่าครับ

ทำที่ตัวเองรู้จริง
ทำสิ่งที่มีคนต้องการ
ทำสิ่งที่ดีและคุ้มค่า(เงิน)กว่าคู่แข่ง
รู้จักคู่แข่งให้มากกว่ารู้จักเมียตัวเอง
วินัยการเงินต้อง"เป๊ะ" ถึงเศษสตางค์
ไม่กู้มาลงทุนตอนเริ่มต้น เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง เครื่องจักรหมุนได้เต็มที่(สังเกตอย่างไร)
ถ้าคุณไม่เข้าไปดูธุรกิจคุรเลย 1เดือน ผลงานไม่ตกลง ยอดขายปกติ พนักงานเข้าใจหน้าที่ตนเอง
คุณเริ่มคิดถึงทุนในการกู้ยืมมาขยายธุรกิจคุณได้
แต่...ห้ามเอาเงินกู้มาใช้ผิดประเภทเด็ดขาด
เครดิต(รวมถึงคำพูด)คือเรื่องสำคัญมากกว่าตัวเลขกำไรขาดทุน
ใจใหญ่และนิ่ง โมโห นิ่งไปก่อน 10 นาที ค่อยพูด อย่าปากไว อย่าด่ากราด ทำตัวให้มีคลาส
ตั้งเป้า วัน เดือน ปี หลายปี บนพื้นฐานความจริงจับต้องได้ หากทำไม่ได้ตามเป้า
พิจารณาข้อมูลจริงและตัดสินตามจริงเท่านั้น ห้าม"วัดดวง"
กระแสเงินสด คือสิ่งที่แก้ปัญหาได้เร็วที่สุด
ใช้จ่ายตนเอง เหมือนวันที่คุณกำลังเริ่มต้นแม้ว่าคุณจะเติบโตผ่านมาหลายปีก็ตาม
อ่อนน้อม รวยเงียบๆ นิ่งๆเรื่อยๆ
ปัญหาไม่ต้องคิดไปสร้างเพิ่ม เพราะทุกวันจะมีปัญหาเข้ามาให้คุณแก้ไขทุกวันอยู่แล้ว
เมีย ลูก ญาติ อย่าเอาเข้ามาเกี่ยวข้องกับธุรกิจ พูดให้ฟังได้ เล่าปัญหาได้ แต่อย่าให้เข้ามาช่วยแก้
ตั้งเงินเดือนตนเองเสมอ ใช้แค่นั้นเหมือนเราเป็นลูกจ้าง องค์กรเราเอง
เงินเดือนพนักงาน อย่าช้า ตรงเวลากำหนด แม้คุณจะไม่ได้กินอะไรเลยมาทั้งวัน
...เท่าที่คิดออก

ทำเป็นอาชีพเสริม
ผมกับภรรยาทำงานสายการศึกษา เปิดร้านขายของฝาก
จากพื้นฐานบ้านแฟนมีสวนและกลุ่มชาวบ้านแปรรูปผลผลิตการเกษตร

ผมเริ่มจาก 0 เลย อยู่แต่สายวิชาการแต่แฟนอยากทำ

เช่าร้าน 5000 เงินเดือนเด็ก 12,000
ทำจนขยายร้าน เช่าเดือนละ 35,000 เงินเดือนเด็ก2 คนรวม 25,000 ไม่รวมยอดขาย

ปัจจุบัน fixed costค่าเช่าค่าเด็ก 120,000.
..ข้อดีคือจังหวะโควิดแฟนโดนบีบและลูกเริ่มโต ผมมีทางเลือกให้แฟนออกจากงานประจำ มาดูแลร้านและเลี้ยงลูกเป็นหลัก

ข้อเสีย
1.การจัดการคนต้องอาศัยศิลปะ ลูกน้อง5คน ปัญหามากกว่า 5แบบ
2.โควิดปี63 ช่วง6เดือนแรก เงินหมดเลย 500,000 โดยประมาณ
3.พิษเศรษฐกิจตอนนี้ ใช้แค่คำว่าประคองตัว ยิ่งช่วงเปิดเทอม เลือดไหลซิบๆ

ข้อแนะนำ
1.ลองพิจาณาความต้องการของตลาดที่เราอยู่และงบหมุนเวียน
2.เงินหมุนควรมีอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน
3.หากมีจุดแข็งเป็นของตัวเองจะดีมาก