ผมคิดว่า บทหนัง สำคัญที่สุดครับ

บท คือ ระบบ
ผูุ้กำกับ คือ โค้ช
นักแสดง คือ นักเตะ
เงินก็ตรงตัว แล้วมาดูสภาพแมนยู นั่นแหละ 5555+

ไม่ใช่แล้ว ซีรีส์ทุนหนาทำออกมากากๆเยอะจะตาย

สิ่งสำคัญอยู่ที่บทล้วนๆ บทดีคือทุกอย่าง มีเรื่องไหนบทดีแล้วไม่สนุกบ้าง

ได้คุนย่า ฤดูกาลหน้าเราจะคว้าแชมป์

ไม่รู้เคยสังเกตุกันไหม

พวกทุนเยอะทุนหนา เมียสวย กันแทบทุกคน

ต่างจากพวกทุนน้อยมากเลยพี่

ผมว่าหลายๆอย่างรวมกันด้วยครับ

ทำป้อน netflix เขาไม่มาซีเรียส/ไม่ต้องกลัวว่า

ทำประเด็นนี้ๆ แล้วจะไปเหยียบแข้ง เหยียบขาใคร

(ซึ่งอิสระทางการนำเสนอมันก็บ้งได้เล่นกัน)

แต่มันทำไม่ได้ใน free tv สมัยก่อน เพราะเท่าที่เราทราบ ไหนจะกอง sensor ไหนจะกลุ่มเสื้อสีต่างๆ จ้องกับผิด (จะเหลือง จะแครอท จะเขียว จะกากี)

จะบอกว่านักแสดงเล่นดี มันก็ต้องใช้เงินจ้างนักแสดงที่เล่นดีมาไง

หรือต่อให้เรื่องนี้จ้างถูก หลังจากเล่นเรื่องนี้มีชื่อเสียงแล้ว

จะจ้างอีกก็ต้องใช้ทุนมากกว่าเดิมอยู่ดี

ผมให้เครดิตทีมงานมากกว่าทุนสร้างละกัน สิ่งนึงที่ทำได้ดีคือการเล่าเรื่องให้ตื่นเต้นแม้จริงๆแล้วสเกลของสิ่งนั้นๆไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร

อย่างฉากเจ้าสัวแม่งไปคุยกับสายการบินอ่ะ แค่นั่งคุยกันเฉยๆเลยนะ แต่ซีรี่ถ่ายทอดความกดดันและความเป็นความตายได้แบบครบถ้วนมาก

และชอบสุดคือการกระจายบทของตัวละครที่ไม่ได้หนักไปทางกระเอกคนเดียว คนอื่นๆเป็นตัวแปรสำคัญหมด

ผมว่าก็จริงส่วนนึง รอดูยุคเจนคลิปเอไอเอามาผนวกใช้ในวงการซีรี่ย์ภาพยนตร์ ผมว่าตัวนี้จะเข้ามาแก้ painpoint เรื่องทุนได้เยอะเลย

เป็นส่วนนึง ซีรี่ย์บ้านเราจริงๆยึดตัวบุคคลมากกว่า แฟนคลับแห่ดูกันทั้งนั้นแหละเลยทำให้ยอดอยู่ได้่

คือบ้านเราเก่งมากในการสร้างพล็อตหนังโดยเฉพาะชช-ญญไรงี้ ขาย BL/GL ส่งออกยังกะซีรี่ย์เกาหลี 20 ปีก่อน แต่ถามว่าพล็อตมันดีไหมก็ไม่ได้ขนาดนั้นหรอก เนื้อเรื่องโคตรแบน บ้านเรามันเน้นให้เราอินกับตัวละครมากกว่าพล็อตเรื่องอยู่แล้ว ละจริงๆเกาหลีหลังๆก็ติดหล่มนี้เหมือนกัน คือเน้นไปที่ตัวละครมากกว่าเน้นเรื่องพล็อต
มันจะมีแหละบางเรื่องที่ม้ามืดเอาดาราดังระดับ B อะไรงี้มารวมๆกันแล้วเอางบไปเทลงพล็อตกับโปรดักชั่น กลายเป็นดังเปรี้ยงขึ้นมางี้ แต่มันนานๆทีจะมีเรื่องนึง

ส่วนซีรี่ย์ส่งด่วนสำหรับผม คนอินเพราะว่ามันใกล้ตัวเราแล้วคนอยากรู้มากกว่า ละมันขายความพยายามอะไรงี้ ซึ่งคนไทยแม่งก็บ้าเสพอยู่แล้ว (ละครสะท้อนสังคมแม่งก็ชัดเจนอยู่) นี่เพิ่งเห็นสตอรี่อินฟลูบางท่านบอกจะกลับไปใช้ค่ายที่เขา imply ว่าเป็นค่ายเดียวกับในเรื่อง ประเด็นคือไม่กี่เดือนก่อนพี่ยังไปส่งกับอีกเจ้า ด่าเจ้าที่ imply ไว้อยู่ไม่นานนี้เอง

ผมก็เลยมองว่า "ทุน" อะสำคัญกับทุกเรื่อง แต่ว่า "ใช้ยังไงให้เหมาะสม" เนี่ยแหละที่จะพาหนังรุ่งหรือเจ๊ง
ประวัติศาสตร์หนัง/ซีรี่ย์เยอะมากที่ต้นทุนต่อเรื่อง/แม่งน้อยมาก ดารามาเล่นคือพวกเกรด B/C โนเนมทั้งนั้น
แต่เขาไปเน้นพล็อตและการแสดงออกมา กลายเป็นดังแซงพวกหนังรวมดาราโปรดักชั่นร้อยล้านเยอะแยะไป

เห็นด้วยเลยครับ ส่วนตัวผมว่าหนังหรือซีรีส์จะสนุกได้ อย่างแรกเลยคือมันต้อง "สมจริง" ก่อน ดูแล้วต้องเชื่อว่าสิ่งที่เห็นมันเกิดขึ้นจริงในโลกของเรื่องนั้น ๆ

อย่างหนังแฟนตาซี ถ้าจะให้เชื่อได้ก็ต้องใช้ CG ดี ๆ ซึ่งมันก็ต้องใช้เงินเยอะ
แต่ถ้าเป็นแนวดราม่าที่ไม่ต้องพึ่ง CG มาก ทุนอาจจะน้อยลงหน่อย แต่บทกับบทพูดต้องแน่นจริง ๆ ไม่งั้นคนดูก็ไม่อิน

สรุปคือยังไง "ทุน" ก็มีผลอยู่ดีแหละครับ จะทำให้สมจริงยังไงมันก็ต้องใช้เงินให้เหมาะกับสิ่งที่หนังต้องการจะเล่า

อันนี้แหละสำคัญ ทำไงให้ได้แรงอวยเยอะๆ
ยิ่งoverrate ได้ยิ่งดี

ไม่เถียงว่า ทุน สำคัญ

แต่หนังหรือซีรีย์ ดีไม่ดี ผมว่าตั้ง บท การแคสติ้งนักแสดง คือตัวชี้วัดเลยว่ารอดไม่รอด

หนังทุนน้อยอย่างสัปเหร่อ ที่ประสบความสำเร็จ บทล้วนๆ การเล่าง่ายๆไม่ซับซ้อน

หรือ อย่าง ธี่หยด ก็จากแคสติ้งนังแสดง ที่ภาพรวมออกมาน่าดู

อย่างส่งด่วน ทั้งบท และนักแสดงทุกตัว มันส่งอารมณ์ คนดูร่วมเข้าไปในซี่รี่ย์

ไม่จริงครับ หนัง 9 ศาสตรา, หนุมานอะไรนั่นเป็นร้อยล้านยังเห่ยเลย มันใข้มากกว่าทุนครัย

1.passion ของคนทำงาน
2.director vision
3.เงินสนับสนุน
4.talent ของคนทำงานฝ
ต้องมาหมดอะครับไม่งั้นก็ขนเงินทิ้งรัวๆ

ดูหนัง สุริโยไทย / พระนเรศวร สิ ตัวละครพูดกันได้แบบหุ่นยนต์ฉิบหาย ทุนสร้างก็ไม่ใช่น้อย

ทุนไม่ใช่ทุกอย่าง แต่เป็นส่วนนึง