BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
แบบสำรวจ
แชมป์ UCL ปี 2025 ในความคิดของคุณ ?
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
???
อินเตอร์ มิลาน
???
คะแนนทั้งหมด: 17
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Jun 2008
ตอบ: 3583
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 30, 2025 16:26
[UCL] เกร็ดน่ารู้ "ปารีส-อินเตอร์" โหมโรงชิงดำจ้าวยุโรปปี 2025


◉ นัดชิงชนะเลิศปี 2025 ถือเป็นครั้งที่ 70 พอดี ผู้ชนะในปีนี้ จะเป็นสโมสรแรกในประวัติศาสตร์ ที่สามารถคว้าแชมป์ภายใต้ Format การแข่งขันรูปแบบใหม่อย่าง “Swiss-System Tournament” ที่เพิ่งจะถูกปรับใช้อย่างเป็นทางการครั้งแรกในซีซั่นนี้

◉ ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปี ที่คู่ชิงชนะเลิศ ไร้เงาของสโมสรจากประเทศอังกฤษ, สเปน และเยอรมนี นับตั้งแต่ที่ตัวแทนจากโปรตุเกสอย่าง ปอร์โต้ เข้าชิงกับ โมนาโก จากฝรั่งเศสเมื่อปี 2004

◉ จากนัดชิงชนะเลิศทั้งหมด 69 ครั้ง ก่อนหน้านี้ มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ที่เป็นการชิงชัยกันระหว่างสโมสรจากประเทศฝรั่งเศส กับ สโมสรจากประเทศอิตาลี ซึ่งเกิดขึ้นในปี 1993 ที่โอลิมปิก มาร์กเซย เข้าชิงกับ เอซี มิลาน ก่อนที่สุดท้ายจะเป็นยอดทีมจากแดนน้ำหอม เฉือนชนะคว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรกไปครอง

◉ ในปี 2025 สโมสรอินเตอร์ จะมีอายุครบ 117 ปี ขณะที่เปแอสเช จะครบรอบ 55 ปี ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ทั้งคู่ไม่เคยมีประวัติการพบเจอกันมาก่อนในการแข่งขันระดับเมเจอร์ แม้แต่นัดเดียว โดยก่อนนี้มีเพียงการประมือกันเล็กน้อยในเกมกระชับมิตรเท่านั้น ซึ่งหากว่ากันด้วย Head-2-Head แล้ว จากการพบกันทั้งหมด 5 นัด เป็นทางฝั่งเปแอสเช ชนะ 3 นัด อินเตอร์ ชนะ 1 นัด และเสมอกันไป 1 นัด

◉ เกมนัดชิงก่อนหน้านี้ ถูกตัดสินใน 90 นาที และจบลงด้วยสกอร์ศูนย์ของฝ่ายผู้แพ้ ติดต่อกันมาแล้ว 6 ปี โดยการโคจรมาพบกันของทั้งคู่ในปีนี้ เสมือนเป็นการพบกันระหว่างทีมที่เกมรุกร้อนแรง (เปแอสเช ยิง 33 ประตู, อันดับที่ 2) และทีมที่เกมรับเหนียวแน่น (อินเตอร์ คลีน ชีท 8 เกม, อันดับที่ 1)

◉ วิลเลี่ยน ปาโช่ (เอกวาดอร์), ลี คัง อิน (เกาหลีใต้), อัชราฟ ฮาคิมี่ (โมร็อกโก) จากเปแอสเช และคริสเตียน อัสลานี่ (แอลเบเนีย), เฮนริค มาร์คิทาร์ยาน (อาร์เมเนีย), เมห์ดี ทาเรมี่ (อิหร่าน), ฮาคาน ชัลฮาโนลู (ตุรกี) จากอินเตอร์ ทั้ง 7 รายชื่อนี้* มีลุ้นสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะคนแรกจากชาติของตัวเองที่สามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกได้สำเร็จ *นับเฉพาะผู้เล่นที่ลงสนามในนัดชิงชนะเลิศเท่านั้น



◉ เปแอสเช ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เป็นสมัยที่ 2 ภายหลังจากที่พวกเขาเข้าชิงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ก่อนอกหักเป็นเพียงพระรองไปเมื่อปี 2020 ซึ่งหากพวกเขาเอาชนะอินเตอร์ในปีนี้ เปแอสเช จะถูกจารึกเป็นสโมสรลำดับที่ 24 ที่คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกมาครองได้สำเร็จ

◉ “อัลลิอันซ์ อารีน่า” ได้รับเลือกให้เป็นสังเวียนเกมชิงดำ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ตลอดประวัติศาสตร์ของโทรฟี่ใบนี้ สถิติที่น่าสนใจ คือ 4 ครั้งก่อนหน้านี้ รังเหย้าของบาเยิร์น มิวนิคเป็นสถานที่จุติ “แชมป์หน้าใหม่” มาแล้วทุกครั้ง ไล่เรียงมาตั้งแต่ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสท์ ปี 1979, โอลิมปิก มาร์กเซย ปี 1993, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ปี 1997 และเชลซี ปี 2012 โดยหาก เปแอสเช คว้าแชมป์ในปีนี้ ก็จะช่วยรักษาสถิติดังกล่าวนี้ให้ยังคงอยู่ต่อไป

◉ หาก เปแอสเช คว้าแชมป์ในปีนี้ พวกเขาจะมีโอกาสสร้างอีกหนึ่งสถิติสำคัญ คือการเป็นสโมสรแรกจากประเทศฝรั่งเศส ที่ลุ้นคว้าแชมป์ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ ซึ่งจนถึงตอนนี้ ก็ยังคงเป็น เปแอสเช ทีมเดียวเท่านั้น* ที่เคยมีลุ้นคว้าแชมป์ดังกล่าว ภายหลังจากที่เคยเข้าชิงในปี 1996 ด้วยการเป็นตัวแทนผู้ชนะจากยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ ก่อนพ่ายให้กับ ยูเวนตุส ตัวแทนจากอิตาลี
(*ปี 1993 โอลิมปิก มาร์กเซย ถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าชิงยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ เนื่องจากถูกแบนจากคดีล้มบอล)

◉ เปแอสเช มีลุ้นเป็นสโมสรจากลีกยุโรป ลำดับที่ 9 ที่ทำสำเร็จในภารกิจ "เทรเบิ้ลแชมป์" หรือการคว้าถ้วยรางวัลระดับเมเจอร์ครบ 3 รายการในซีซั่นเดียว ซึ่งหากทำได้ หลุยส์ เอ็นริเก้ จะกลายเป็นกุนซือรายที่ 2 ถัดจากเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ทำสำเร็จในภารกิจนี้ถึง 2 ครั้ง หลังจากที่เคยคว้าเทรเบิ้ลแชมป์มาแล้วเมื่อครั้งคุมทัพบาร์เซโลน่าในปี 2014/15

◉ เปแอสเช ยังมีลุ้นเป็นสโมสรประจำเมืองหลวงของประเทศรายที่ 7 ที่ทำสำเร็จในการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถัดจาก เรอัล มาดริด (สเปน), เบนฟิก้า (โปรตุเกส), อาหยักซ์ อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์), สเตอัวร์ บูคาเรสต์ (โรมาเนีย), เร้ด สตาร์ เบลเกรด (เซอร์เบีย) และเชลซี (อังกฤษ)



◉ อินเตอร์ เข้าชิงครั้งนี้ เป็นสมัยที่ 7 โดยก่อนหน้านี้พวกเขาคว้าแชมป์มาครองได้ 3 สมัย และเข้าป้ายรองแชมป์อีก 3 สมัย หากทำสำเร็จในครั้งนี้ พวกเขาจะขึ้นแท่นอันดับที่ 5 ของสโมสรที่คว้าแชมป์สูงที่สุดตลอดกาลร่วมกับ อาหยักซ์ อัมสเตอร์ดัม ยักษ์ใหญ่จากแดนกังหัน ที่ 4 สมัยเท่ากัน

◉ รอบชิงชนะเลิศทั้ง 7 ครั้งของอินเตอร์ในรายการนี้ คู่ต่อกรของพวกเขามาจากลีกที่ไม่ซ้ำประเทศกันเลย ไล่เรียงตั้งแต่ ปี 1964 เรอัล มาดริด (สเปน), ปี 1965 เบนฟิก้า (โปรตุเกส), ปี 1967 เซลติก (สก็อตแลนด์), ปี 1972 อาหยักซ์ (เนเธอร์แลนด์), ปี 2010 บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี), ปี 2023 แมนฯ ซิตี้ (อังกฤษ) และล่าสุดปี 2025 เปแอสเช (ฝรั่งเศส)

◉ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ลุ้นเป็นแข้งอาร์เจนไตน์คนแรกในรอบ 15 ปี ที่จะได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมลงเล่นนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งบังเอิญไม่น้อยที่เจ้าของสถิติคนล่าสุดก็คือ ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ แข้งรุ่นพี่ทีมชาติอาร์เจนติน่าและเป็นอดีตผู้เล่นอินเตอร์ที่ชูถ้วยบิ๊กเอียร์ให้กับทัพเนรัซซูรี่ ในนัดชิงปี 2010 นั่นเอง

◉ เฮนริค มาคิทาร์ยาน มิดฟิลด์ทีมชาติอาร์เมเนียของอินเตอร์ มีลุ้นเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่สามารถคว้าแชมป์สโมสรยุโรปครบทั้ง 3 รายการ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีก ร่วมกับแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2017 และคว้าแชมป์ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ร่วมกับโรม่า ในปี 2022

◉ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นสโมสรจากลีกอิตาลี และเคยคว้าแชมป์มาแล้วถึง 3 สมัย ทว่า พวกเขาไม่เคยคว้าแชมป์ยุโรปด้วยฝีมือของกุนซือชาวอิตาเลี่ยนเลยแม้แต่หนเดียว หากพวกเขาทำสำเร็จ ซิโมเน่ อินซากี้ จะกลายเป็นผู้จัดการทีมชาวอิตาเลี่ยนคนแรกในประวัติศาสตร์ที่พาอินเตอร์คว้าแชมป์รายการนี้




แหล่งอ้างอิง ประกอบการเขียนบทความ
เว็บไซต์ทางการของ UEFA

หากชื่นชอบกระทู้นี้ ท่านสามารถแผล่บหรือโหวต เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงานอื่น ๆ เพื่อเพื่อนสมาชิกต่อไปในอนาคตนะครับ

9
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ

ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel