เช่นแทนที่ลูกจะตั้งใจอ่านหนังสือ แต่ให้ chatgpt ตอบให้ทำการบ้านให้
ส่วนนศ.ก็ให้ ai deep research หรือทำการบ้าน เขียน code วิเคราะห์
กลายเป็นว่าไม่มีการพยายามเรียนรู้และเข้าใจด้วยตัวเอง โยนให้ ai ตอบอย่างเดียว
หรือ
การมาของ ai ทำให้การเรียนรู้ง่ายขึ้นเพราะอธิบายดีกว่าอจ. และถามจุกจิกได้
ให้มันสอนเรา ให้ข้อสอบเรา ส่งคำตอบให้ช่วยตรวจ เด็กๆรุ่นใหม่เก่งขึ่น

เปลี่ยนเยอะครับ AI จะเป็นตัวช่วยให้คนที่เก่ง เก่งยิ่งขึ้นไปอีก แต่จะทำให้คนที่โง่ โง่ลงไปอีก เพราะฉะนั้น Gap จะกว้างมากขึ้นเอาง่ายๆ ถ้าใช้ AI ในการช่วยทำ Project ยุคนี้ยังต้องมีการ validate ข้อมูล และตั้งข้อสงสัยกลับ แต่สำหรับกลุ่มนศ ที่ใช้แต่ AI ความเข้าใจในเรื่องนั้น ๆ จะกลวงมากๆ และคำตอบมักจะผิด

เปลี่ยนเยอะครับ AI จะเป็นตัวช่วยให้คนที่เก่ง เก่งยิ่งขึ้นไปอีก แต่จะทำให้คนที่โง่ โง่ลงไปอีก เพราะฉะนั้น Gap จะกว้างมากขึ้นเอาง่ายๆ ถ้าใช้ AI ในการช่วยทำ Project ยุคนี้ยังต้องมีการ validate ข้อมูล และตั้งข้อสงสัยกลับ แต่สำหรับกลุ่มนศ ที่ใช้แต่ AI ความเข้าใจในเรื่องนั้น ๆ จะกลวงมากๆ และคำตอบมักจะผิด

Claude Sonnet 4 ตอบ
AI ส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ของเด็กและนักศึกษาในทั้งทิศทางที่ดีและไม่ดี ขึ้นอยู่กับว่าใช้อย่างไร
ผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นจริง:

หลายคนกลายเป็นพึ่งพา AI มากเกินไป ให้ทำการบ้านทั้งหมดแทน ไม่พยายามคิดเองก่อน
การคัดลอกคำตอบจาก AI โดยไม่เข้าใจ ทำให้ไม่ได้เรียนรู้อะไรจริงๆ
ทักษะการแก้ปัญหาและคิดวิเคราะห์เองอาจถดถอย
ในการสอบจริงที่ไม่มี AI ช่วย จึงทำได้แย่

แต่ก็มีผลกระทบเชิงบวกเช่นกัน:

AI อธิบายได้ละเอียด ซับซ้อน และตอบคำถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ช่วยให้เข้าใจเนื้อหายากได้ง่ายขึ้น เมื่ออาจารย์อธิบายไม่เข้าใจ
สามารถสร้างโจทย์ฝึกหัด หรือข้อสอบให้ได้
ช่วยตรวจการบ้าน ชี้จุดผิด และแนะนำการปรับปรุง
เรียนรู้ได้ในรูปแบบที่เหมาะกับตัวเอง

ที่สำคัญคือการใช้อย่างสร้างสรรค์:

ใช้ AI เป็นครูสอนพิเศษ ไม่ใช่คนทำการบ้านแทน
ถามให้อธิบายแนวคิด แทนที่จะขอคำตอบสำเร็จรูป
ให้ AI ตรวจงานและเสนอแนะ หลังจากที่ทำเองแล้ว

ผมเห็นว่าเด็กยุคใหม่ที่ใช้ AI อย่างถูกวิธีจะเก่งขึ้นจริง เพราะมีเครื่องมือการเรียนรู้ที่ทรงพลัง แต่ถ้าใช้ผิดวิธี ก็อาจจะกลายเป็นพึ่งพาจนเรียนรู้ไม่ได้ด้วยตัวเอง
คุณเห็นลูกหรือคนรอบข้างใช้ AI ในการเรียนแบบไหนบ้างครับ?
ChatGPTตอบ
เรื่องนี้น่าสนใจมากครับ เพราะ AI อย่าง ChatGPT มีทั้งข้อดีและข้อกังวลในแง่การเรียนรู้ของเด็กนักเรียนและนิสิตนักศึกษา ผมขอสรุป 2 มุมมองหลัก ๆ ให้นะครับ

1. ด้านที่ AI อาจทำให้ “วิธีการเรียนเปลี่ยนไปในทางที่เป็นข้อกังวล”
เด็กหรือนักศึกษาพึ่งพา AI มากเกินไป
บางคนอาจใช้ AI ทำการบ้านหรือเขียนโค้ดให้แทนที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเองจริง ๆ

ขาดการฝึกคิด วิเคราะห์ และทำความเข้าใจ
ถ้า AI ตอบให้โดยไม่พยายามทำความเข้าใจเนื้อหา อาจทำให้ทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาลดลง

เสียทักษะการสืบค้นและวิจารณญาณ
นักเรียนอาจไม่พัฒนาทักษะการค้นหาข้อมูลหรือเลือกใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพราะยึดติดกับคำตอบที่ AI ให้

2. ด้านที่ AI ช่วยทำให้ “การเรียนรู้ดีขึ้นและง่ายขึ้น”
สอนแบบเจาะจงและอธิบายชัดเจน
AI สามารถอธิบายเนื้อหายาก ๆ เป็นภาษาง่าย ๆ หรือปรับระดับตามผู้เรียน

ถามได้ทุกเวลา ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาและสถานที่
เด็กสามารถถามซ้ำ ๆ ได้ไม่ต้องกลัวถูกตัดสิน และได้คำตอบทันที

ช่วยตรวจงาน และให้คำแนะนำทันที
ทำให้เด็กเรียนรู้ได้รวดเร็วขึ้นจากการลองผิดลองถูก

ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์
AI ช่วยแนะนำไอเดียใหม่ ๆ หรือช่วยโค้ดให้เร็วขึ้น ทำให้เด็กมีเวลาทุ่มกับความคิดสร้างสรรค์และการทดลอง

สรุป
ถ้าใช้ AI อย่างสมดุล ร่วมกับการเรียนรู้และลงมือทำจริง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนได้มาก

แต่ถ้าใช้ AI แทนที่การเรียนรู้ทั้งหมด อาจทำให้เด็กขาดทักษะสำคัญหลายอย่าง

การให้พ่อแม่และครูมีบทบาทแนะนำวิธีใช้ AI อย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เช่น

ให้เด็กตั้งคำถามและเข้าใจคำตอบ AI

ใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วย ไม่ใช่ผู้ทำงานแทน

ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ควบคู่กันไป

ถ้าคุณมีลูกหรือเด็กที่กำลังเรียน ผมแนะนำว่าอย่าห้ามใช้ AI แต่ควรสอนให้ใช้เป็นเครื่องมือช่วย “เสริม” การเรียนรู้และพัฒนาทักษะตัวเองมากกว่าครับ

อยากรู้ว่าคุณเองเห็นยังไง หรือเจอปัญหาแบบไหนจาก AI ในการเรียนของเด็ก ๆ บ้างครับ?

ผมตอบ
ถ้าตัวเองเป็นเด็กคิดว่าน่าจะใช้AIทำให้จนไม่ได้คิดอะไรเอง ขนาดไม่มีAIยังลอกเพื่อนตอนเช้าอยู่เลย

แทบไม่เปลี่ยนจากเดิม ยิ่งมหาลัย AI
เป็นผลดีด้วยซ้ำ เพราะถ้ารู้แค่สรุป
ไม่พอให้ทำข้อสอบได้หรอก มันต้องเข้าใจจริงๆ
ยังไงก็ต้องอ่านเองอยู่ดี ยกเว้นว่า
ขอแค่ผ่าน พอใจแค่ D D+

ที่จริงขนาดข้อสอบ takehome AI ยังช่วยไม่ค่อยได้เลย

อีกอย่างตอนนี้มหาลัยก็เริ่มสอนให้ใช้งาน AI อยู่แล้ว
สอนทั้งเด็ก ทั้ง อ.

มีทั้งสองอย่างครับ เมื่อก่อนต้องอ่านและต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ มีคนจำพวกนึงที่ไม่ชอบเรียนรู้เอาเวลาไปเล่นเกมแล้วพอเหลือสัก 5 นาทีก็ให้ chatgpt มันหาคำตอบมาให้ ซึ่งถูกหรือไม่ถูกก็ไม่รู้ เพราะไม่ได้ผ่านการวิเคราะห์ ลูกผมคือตัวอย่างในนั้น เพราะผมจะตรวจงานทุกครั้งก่อนส่ง ทำให้รู้ว่ามันมีหลายๆ อย่างเด็กแค่ copy & paste ไม่ได้ดูว่าสิ่งที่ chatgpt มันให้มาถูกต้องหรือไม่ ต่างกับเมื่อก่อนที่เด็กต้องอ่าน คิดและวิเคราะห์เป็น

ผมเองก็รับงานสอนพิเศษใช้ chatgpt เหมือนกัน แต่เวลาสรุปความรู้หรือตอนทำสไลด์ไปสอนนักเรียน ผมต้องตรวจทานทุกครั้งว่าข้อมูลถูกต้องหรือไม่ แทบทุกครั้งที่ต้องมีการแก้ไข ไม่เกินก็ขาด ไม่ขาดก็ผิด

ผมบอกลูกเสมอว่า AI ช่วยลดเวลาเราก็จริงแต่เราต้องฉลาดและมีความรู้ไปด้วย เพราะวันไหนเน็ตตัด เราก็แค่คนโง่ๆ คนนึง

* ผมชอบความเห็นแรกมากๆเลย ให้คำนิยามของการใช้ AI ของทุก Gen ในยุคปัจจุบันได้ดีเลย

คนที่เก่งก็จะเก่งขึ้นไปอีก ส่วนคนที่โง่ก็จะได้โง่ยิ่งขึ้น คำนี้ไม่เกินจริง

ถ้าเอางานโปรแกรมผมตอนนี้ ช่วยได้แบบเยอะมากๆ จากงานที่ถ้าเสริชกูเกิ้ลไม่รู้จำใช้เวลานานเท่าไหร่ หรือเสริชแล้วจะทำได้รึเปล่าอีก

แต่พอมี ai ทำให้ผมสามารถปิดงานปิดโปรเจกค์ในส่วนที่ไม่เคยทำเลยอย่าง server,vm หรือ ระบบเชิงลึกคนละภาษา python

ฉะนั้นอย่างที่เม้นบนว่าคนเก่งยิ่งเก่งขึ้นไปอีกถ้าใช้อย่างถูกต้องถือว่าจิงมากๆ

ตอบโดย ChatGPT ครับ

ผมว่าแล้วแต่คนใช้นะ

คนถ้าอยากได้ความรู้เพิ่มถาม AI จะได้ความรู้เพิ่ม

เหมือนทำ project สมัยก่อน ค้นใน project เก่าๆ และหนังสือ ในห้องสมุด

เปลี่ยนมาค้น ตาม www

เปลี่ยนมาค้น google

ตอนนี้ ก็เปลี่ยน มาใช้ AI

ผมกลัวแต่จะโยนคำถามแล้วให้ ai ตอบโดยไม่มาคิดเองนี่ล่ะ

แต่ลูกยังอนุบาล ถึงตอนนั้นเทรนอาจจะเปลี่ยนอีกที 55+

ผมตอบแบบตรงๆแรงๆเลยนะ

คนเก่งใช้เสริมยิ่งเก่ง เพราะใช้เสริม
คนไม่เรียน ยิ่งใช่ยิ่งโง่ เพราะใช้แทน
ยิ่งกว่า Ctrl+C/ Ctrl+V

ลูกผม 10ขวบ ใช้Chat GPT หาข้อมูลเขียนเรียงความแล้วครับ ยุคต่อไปเป็นยุคที่หนีไม่พ้น AIจริง ๆ

ผมได้แต่บอกลูกว่า อย่าพึ่งพาแต่ AI อย่างเดียวนะ เพราะบางครั้งข้อมูลมันก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป ถ้าจะใช้ประโยชน์จากมัน ลูกต้องมีแนวทางของตัวเองก่อน ต้องตรวจสอบหลาย ๆ ทางด้วย ไม่งั้นมันจะกลายเป็นผีAIสิงร่าง ทำตามอย่างเดียวไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ได้ฝึกสกิล ไม่ได้ตัดสินใจด้วยตัวเองแบบที่เริ่มมีเด็กยุคใหม่หลาย ๆ คนเริ่มเป็นกันแล้ว

ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นไงต่อนะ เพราะตอนนี้มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง

Ai มีผลมากครับปัจจุบัน ไม่ว่านักเรียน นักศึกษา แม้กระทั่งคนทำงาน ทุกวันนี้หลายคนตกงานเพราะบริษัทจ้างบริษัท Ai ทำแทน นักเรียน นักศึกษาคงไม่ต่างกันอีกหน่อยอาจารย์ก็คงเป็น Ai ครับ

เอาง่ายๆนะครับ ตอนผมเรียนวิศว หลักสำคัญคือ lecture ชั้นดี ที่อาจจะต้องไปซื้อของคนเก่งๆจัดเก่งๆมาเพราะเค้า สรุปได้ดีกว่าเรา key คือ สรุปเนื้อหาทั้งหมดได้ดีพอที่จะไม่ต้องอ่านทั้งเล่ม ไปสอบ ทุกวันนี้ AI มันทำหน้าที่นั้นได้อย่างไร้รอยต่อเลย claude หรือ notebooklm โยน document หรือ lecture ให้มัน สรุปเป็น bullet ที่สำคัญๆจริงๆแล้ว ไล่อ่านเฉพาะจุดไป ร่นเวลา ได้เยอะเอาจริงๆ ไม่ใช่แค่ใช้กับการเรียนแต่กับการทำงาน ก็มีประโยชน์ขึ้นเยอะไม่นับสาย programming ที่ช่วยได้สบายอยู่แล้ว

ปล.ผมทำ บ.software ต่างชาติ ทุกวันนี้ หลายๆตำแหน่งๆแบบ lean จัดๆเพราะเอา AI Chatbot มาทำ LLM กับ ฐานข้อมูลเดิมของบริษัทพวก cases management หรือ Learning center ของ บริษัท ทุกวันนี้ แมงเป็นอับดุลเลย ไม่ต้องถาม senior ในทีมแล้ว รับเด็กใหม่เข้ามาคือ เหมือนมีประสบการณ์มาแล้วสักพัก เพราะไม่รู้อะไรก็ถาม chatbot มันก็เกลาคำตอบเบื้องต้นให้ได้ระดับนึงแล้ว ก่อนที่จะตอบลูกค้า หรือไปใช้งานต่อ

สำหรับผมความรู้สึกเหมือนสมัยรุ่นผมเรียนแล้ว้โดนครูด่าว่าใช้กูเกิลทำการบ้านไม่ยอมไปค้นคว้าในห้องสมุดอะครับ ตอนนี้กลายเป็นคนรุ่นผมเป็นครูไปด่าเด็กว่าใช้เอไอทำงานไม่ยอมคนคว้าในกูเกิลมาอ่านเอง