ถ้าจะตีความแบบนั้น พ่อค้าตั๊กแตนทอดก็ทำธุรกิจการบินแล้ว

นี่คือตัวอย่างของ
1. มีมากเกินความจำเป็น
2. โง่แล้วคิดว่าตัวเองฉลาด

กฎหมายมันเพื่อประชาชนคนส่วนใหญ่อะครับ คิดดูถ้าแท๊กซี่มีสิทธิ์ปฎิเสธผดส. ก็จะเป็นแบบทุกวันนี้ไง

แล้วยิ่งแกรบไม่ได้ถูกกฎหมาย ผู้บริโภคมีทางเลือกเดียว เจอปฎิเสธรัวๆ จะให้ ผดส คนนั้นทำยังไงต่อ

เรื่องที่คุยกันเพื่อแก้ปัญหาคือทำไมแท๊กซี่ถึงปฎิเสธ ผดส ก็ไปแก้ตรงนั้นดีกว่า เช่นราคาตํ่าก็ไปปรับให้เหมาะสม

อ้าว แล้ว Buzz word ลูกค้าคือพระเจ้า นี่ผิดมาตลอดสินะ

ถ้าแท็กซี่ไม่อยากรับผู้โดยสารก็ไม่ต้องจอดแต่แรกครับง่ายๆ จริงๆงานสาธารณูปโภคหรือขนส่งมวลชนมันเป็นบริการสาธารณะที่ทุกคนต้องเข้าถึงได้ครับ เขาถึงมีกฎหมายห้ามปฏิเสธผู้โดยสารโดยไม่มีเหตุผล ถ้าเป็นบริการอื่นๆทั่วไปที่รัฐไม่ต้องอนุญาตก่อน อันนี้แล้วแต่ผู้ประกอบการเลยว่าจะเลือกลูกค้าคนไหน จะปฏิเสธใครก็ได้

อยากเป็นนักธุรกิจก็ต้องแข่งชันดิวะ ไม่ทำธุรกิจผูกขาด
ให้ลูกค้าเลือกว่าอยากใช้บริการเจ้าไหน

ใช่มันต้องปรับราคาก่อนไง

แล้วลองคิดภาพ เพราะอะไรแท๊กซีีมันถึงปฏิเสธลูกค้าหมด

1 ไปแล้วไม่คุ้มจริงๆ รถติดบรรลัย ขากลับไม่มีคนเรียกกลับ งี้ให้เค้าทำไง สมมติขับ8ชม หักค่าเช่ารถค่าแก๊ส เหลือกำไร150 บาท


2 ถ้าทุกคันปฏเสธหมด ก้แปลว่ามันต้องมีไรแปลกๆที่ระบบละ มันคงแบบไม่คุ้มจริงๆ

3 demand supply ถ้าปฏเสธหมด แปลว่สแทกซี่หาผุ้โดยสารง่าย เดี๋ยวมันก้มีคนขับเพิ่ม แต่ทุกวันนี้ไม่น่าเพิ่ม ก้แปลว่าผุ้โดยสารหาไม่ง่าย หาไม่ง่ายแล้วแทกซี่ยังปฏิเสธ ก้แปลว่ามันวนไปข้อ1 จริงๆ


เอาง่ายๆเลย ลูกค้าขอให้ไปส่งสนามบิน

กดมิเตอร์ไป สมมติได้ 250

ใช้เวลาขับ บวกรถติดนิดหน่อย 1.30 ชมถึง


มีทางเลือกสองทางปะ ต่อคิวกับ กลับเลย


ต่อคิว น่าจะซัก1-2 ชมได้ออก น่าจะได้เพิ่ม50บาท สมมติเจอคนเรียกไม่ไกล 100+50

รวม4 ชม แทกซีีได้เงิน 250+100+50 400 เอง เฉลี่ยชมละ100

สมมติทำเท่าคนปกติทำงาน8 ชม ได้800

หักค่่รถ ค่าแก๊ส นี่แทบหมด

ถ้าอยากได้มากกว่านั้นก้ขับเต็ทกะ 12 ชม