BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออนไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jan 2021
ตอบ: 3086
ที่อยู่: 2019-2022
โพสเมื่อ: Fri May 23, 2025 14:22
เฟอร์กี้มีส่วนทำให้เกลเซอร์เข้ามาเป็นเจ้าของจริงป่าวครับ
ผมไปอ่านๆ เห็นมีเรื่องม้าแข่งด้วย มันเกิดอะไรขึ้น
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออนไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status: เซ็ง
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2006
ตอบ: 28038
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 23, 2025 14:32
Top Comment [RE: เฟอร์กี้มีส่วนทำให้เกลเซอร์เข้ามาเป็นเจ้าของจริงป่าวครับ]
Rock of Gibraltar เป็นม้าพันธุ์ดีระดับโลก เจ้าของคือ John Magnier และ JP McManus สองมหาเศรษฐีชาวไอริชที่ถือหุ้นใหญ่ในแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอยู่จำนวนนึง

เซอร์เข้าใจว่าเขามีสิทธิ์ในรายได้จากค่าผสมพันธุ์ของ Rock of Gibraltar เพราะเชื่อว่าเขาเป็น "co-owner"
แต่ Magnier ยืนยันว่าเซอร์เแค่ได้รับสิทธิ์ใช้ชื่อและไม่ได้เป็นเจ้าของม้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายเลยเป็นที่มาของการฟ้องร้องในปี 2003

ความขัดแย้งนำไปสู่การ “แตกหัก” เพราะ Magnier และ McManus ซึ่งถือหุ้นรวมกันกว่า 28–30% ของแมนยู เริ่มไม่พอใจเซอร์เอามากๆ พยายามพูดคุยกับบอร์ดบริหารของแมนยูเพื่อกดดันเซอร์และทีมบริหารให้ลาออก แต่บอร์ดน่าจะอยู่ข้างเซอร์แหละ จนสุดท้ายพวกเขาทนไม่ไหวและเริ่มขายหุ้นออก เพราะไม่ต้องการถือหุ้นในสโมสรที่เซอร์คุมทีมอยู่

คำถามคือพวกเขาขายหุ้นให้ใคร ?? ใช่ครับพวกเขาขายหุ้นให้กับตระกูลเกลเซอร์และในที่สุดก็สามารถเทกโอเวอร์สโมสรได้ทั้งหมดในปี 2005

เหตุเกิดเพราะม้าตัวเดียวไหม ผมไม่กล้าฟันธงขนาดนั้น แต่ก็น่าจะใช่
แก้ไขล่าสุดโดย cybernet เมื่อ Fri May 23, 2025 14:34, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ออนไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status: CEO @Manchester United FC
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 28 Oct 2007
ตอบ: 8018
ที่อยู่: Old Trafford
โพสเมื่อ: Fri May 23, 2025 14:29
[RE: เฟอร์กี้มีส่วนทำให้เกลเซอร์เข้ามาเป็นเจ้าของจริงป่าวครับ]
Smeagol พิมพ์ว่า:
ผมไปอ่านๆ เห็นมีเรื่องม้าแข่งด้วย มันเกิดอะไรขึ้น  


เหมือนตอนนั้นเซอร์กับ จอห์น แมกเนียร์ และ เจ.พี. แมกมานัส มีปัญหากันเรื่องม้าแข่งนั่นแหละ

ร็อค ออฟ ยิบรอลตา แล้วเหมือนบอร์ดส่วยใหญ่ เลือกหนุนเซอร์

2 คนนั้นเลยขายหุ้นทิ้ง ซึ่งคนที่เข้ามาซื้อต่อก็คือเกลเซอร์นั่นแหละครับ

เรียกได้ว่า เป็นจุดเริ่มของความชิบหายเลยก็ว่าได้

3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status: เซ็ง
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2006
ตอบ: 28038
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 23, 2025 14:32
[RE: เฟอร์กี้มีส่วนทำให้เกลเซอร์เข้ามาเป็นเจ้าของจริงป่าวครับ]
Rock of Gibraltar เป็นม้าพันธุ์ดีระดับโลก เจ้าของคือ John Magnier และ JP McManus สองมหาเศรษฐีชาวไอริชที่ถือหุ้นใหญ่ในแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอยู่จำนวนนึง

เซอร์เข้าใจว่าเขามีสิทธิ์ในรายได้จากค่าผสมพันธุ์ของ Rock of Gibraltar เพราะเชื่อว่าเขาเป็น "co-owner"
แต่ Magnier ยืนยันว่าเซอร์เแค่ได้รับสิทธิ์ใช้ชื่อและไม่ได้เป็นเจ้าของม้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายเลยเป็นที่มาของการฟ้องร้องในปี 2003

ความขัดแย้งนำไปสู่การ “แตกหัก” เพราะ Magnier และ McManus ซึ่งถือหุ้นรวมกันกว่า 28–30% ของแมนยู เริ่มไม่พอใจเซอร์เอามากๆ พยายามพูดคุยกับบอร์ดบริหารของแมนยูเพื่อกดดันเซอร์และทีมบริหารให้ลาออก แต่บอร์ดน่าจะอยู่ข้างเซอร์แหละ จนสุดท้ายพวกเขาทนไม่ไหวและเริ่มขายหุ้นออก เพราะไม่ต้องการถือหุ้นในสโมสรที่เซอร์คุมทีมอยู่

คำถามคือพวกเขาขายหุ้นให้ใคร ?? ใช่ครับพวกเขาขายหุ้นให้กับตระกูลเกลเซอร์และในที่สุดก็สามารถเทกโอเวอร์สโมสรได้ทั้งหมดในปี 2005

เหตุเกิดเพราะม้าตัวเดียวไหม ผมไม่กล้าฟันธงขนาดนั้น แต่ก็น่าจะใช่
แก้ไขล่าสุดโดย cybernet เมื่อ Fri May 23, 2025 14:34, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ออนไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jan 2021
ตอบ: 3086
ที่อยู่: 2019-2022
โพสเมื่อ: Fri May 23, 2025 14:36
[RE]เฟอร์กี้มีส่วนทำให้เกลเซอร์เข้ามาเป็นเจ้าของจริงป่าวครับ
Ed Woodward พิมพ์ว่า:
Smeagol พิมพ์ว่า:
ผมไปอ่านๆ เห็นมีเรื่องม้าแข่งด้วย มันเกิดอะไรขึ้น  


เหมือนตอนนั้นเซอร์กับ จอห์น แมกเนียร์ และ เจ.พี. แมกมานัส มีปัญหากันเรื่องม้าแข่งนั่นแหละ

ร็อค ออฟ ยิบรอลตา แล้วเหมือนบอร์ดส่วยใหญ่ เลือกหนุนเซอร์

2 คนนั้นเลยขายหุ้นทิ้ง ซึ่งคนที่เข้ามาซื้อต่อก็คือเกลเซอร์นั่นแหละครับ

เรียกได้ว่า เป็นจุดเริ่มของความชิบหายเลยก็ว่าได้

 

ซวยจัดๆ… อันนี้ไม่ได้แซว ขอบคุณครับ

แล้วบอร์ดไม่สกรีนเลยเหรอว่ากู้เงินมาซื้อ…
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jan 2021
ตอบ: 3086
ที่อยู่: 2019-2022
โพสเมื่อ: Fri May 23, 2025 14:39
[RE]เฟอร์กี้มีส่วนทำให้เกลเซอร์เข้ามาเป็นเจ้าของจริงป่าวครับ
cybernet พิมพ์ว่า:
Rock of Gibraltar เป็นม้าพันธุ์ดีระดับโลก เจ้าของคือ John Magnier และ JP McManus สองมหาเศรษฐีชาวไอริชที่ถือหุ้นใหญ่ในแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอยู่จำนวนนึง

เซอร์เข้าใจว่าเขามีสิทธิ์ในรายได้จากค่าผสมพันธุ์ของ Rock of Gibraltar เพราะเชื่อว่าเขาเป็น "co-owner"
แต่ Magnier ยืนยันว่าเซอร์เแค่ได้รับสิทธิ์ใช้ชื่อและไม่ได้เป็นเจ้าของม้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายเลยเป็นที่มาของการฟ้องร้องในปี 2003

ความขัดแย้งนำไปสู่การ “แตกหัก” เพราะ Magnier และ McManus ซึ่งถือหุ้นรวมกันกว่า 28–30% ของแมนยู เริ่มไม่พอใจเซอร์เอามากๆ พยายามพูดคุยกับบอร์ดบริหารของแมนยูเพื่อกดดันเซอร์และทีมบริหารให้ลาออก แต่บอร์ดน่าจะอยู่ข้างเซอร์แหละ จนสุดท้ายพวกเขาทนไม่ไหวและเริ่มขายหุ้นออก เพราะไม่ต้องการถือหุ้นในสโมสรที่เซอร์คุมทีมอยู่

คำถามคือพวกเขาขายหุ้นให้ใคร ?? ใช่ครับพวกเขาขายหุ้นให้กับตระกูลเกลเซอร์และในที่สุดก็สามารถเทกโอเวอร์สโมสรได้ทั้งหมดในปี 2005

เหตุเกิดเพราะม้าตัวเดียวไหม ผมไม่กล้าฟันธงขนาดนั้น แต่ก็น่าจะใช่
 

ขายทีมไม่มีดูแหล่งที่มาของเงินเลยเหรอครับ…

อย่างของ FSG เคลียร์หนี้ให้ แล้วสโมสรหักเปอร์เซ็นรายได้ไปคืนเจ้าของ ถ้าจำไม่ผิดนะ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status: เซ็ง
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2006
ตอบ: 28038
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 23, 2025 14:42
[RE: เฟอร์กี้มีส่วนทำให้เกลเซอร์เข้ามาเป็นเจ้าของจริงป่าวครับ]
Smeagol พิมพ์ว่า:
cybernet พิมพ์ว่า:
Rock of Gibraltar เป็นม้าพันธุ์ดีระดับโลก เจ้าของคือ John Magnier และ JP McManus สองมหาเศรษฐีชาวไอริชที่ถือหุ้นใหญ่ในแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอยู่จำนวนนึง

เซอร์เข้าใจว่าเขามีสิทธิ์ในรายได้จากค่าผสมพันธุ์ของ Rock of Gibraltar เพราะเชื่อว่าเขาเป็น "co-owner"
แต่ Magnier ยืนยันว่าเซอร์เแค่ได้รับสิทธิ์ใช้ชื่อและไม่ได้เป็นเจ้าของม้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายเลยเป็นที่มาของการฟ้องร้องในปี 2003

ความขัดแย้งนำไปสู่การ “แตกหัก” เพราะ Magnier และ McManus ซึ่งถือหุ้นรวมกันกว่า 28–30% ของแมนยู เริ่มไม่พอใจเซอร์เอามากๆ พยายามพูดคุยกับบอร์ดบริหารของแมนยูเพื่อกดดันเซอร์และทีมบริหารให้ลาออก แต่บอร์ดน่าจะอยู่ข้างเซอร์แหละ จนสุดท้ายพวกเขาทนไม่ไหวและเริ่มขายหุ้นออก เพราะไม่ต้องการถือหุ้นในสโมสรที่เซอร์คุมทีมอยู่

คำถามคือพวกเขาขายหุ้นให้ใคร ?? ใช่ครับพวกเขาขายหุ้นให้กับตระกูลเกลเซอร์และในที่สุดก็สามารถเทกโอเวอร์สโมสรได้ทั้งหมดในปี 2005

เหตุเกิดเพราะม้าตัวเดียวไหม ผมไม่กล้าฟันธงขนาดนั้น แต่ก็น่าจะใช่
 

ขายทีมไม่มีดูแหล่งที่มาของเงินเลยเหรอครับ…

อย่างของ FSG เคลียร์หนี้ให้ แล้วสโมสรหักเปอร์เซ็นรายได้ไปคืนเจ้าของ ถ้าจำไม่ผิดนะ  


ผมว่าใช้อารมณ์ตัดสินใจมากไปครับ คนจะขายคงไม่สนใจว่าใครจะมาซื้อ
อีกอย่างพวกเขาเป็นนักลงทุนไม่ใช่แฟนบอล สำหรับสองคนนี้แมนยูไม่ใช่ “ความรัก” แต่คือ “สินทรัพย์”
เมื่อเกลเซอร์เสนอราคาซื้อหุ้นที่สูงกว่าตลาด ไม่แปลกที่พวกเขาจะรีบขาย
แก้ไขล่าสุดโดย cybernet เมื่อ Fri May 23, 2025 14:47, ทั้งหมด 1 ครั้ง
6
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 844
ที่อยู่: Thailand
โพสเมื่อ: Fri May 23, 2025 14:42
[RE: เฟอร์กี้มีส่วนทำให้เกลเซอร์เข้ามาเป็นเจ้าของจริงป่าวครับ]
- ตอนแรกแมนยูเป็นของ Martin Edwards
- จากนั้นพอสโมใสรเริ่มดังก็เลยเข้าตลาดหลักทรัพย์
- ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในตอนนั้นคือ John Macneir & JP McManus มหาเศรษฐ๊ชาวไอริช
- เรื่องมันมาเกิดเพราะม้าแข่งที่ชื่อ Rock of Gibraltar ม้าแข่งตัวเก่ง Fergie กับ Magneir ขัดแย้งกันเรื่องกรรมสิทธิ์ม้าตัวนี้ ซึ่งเดิมทีเป็นเจ้าของร่วมกันทัั้ง 2 ฝ่าย สุดท้ายต้องฟ้้องร้องกัน แลtแตกหักในที่สุด
- ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เลือกเข้าข้าง Fergie ทำให้ 2 ไอริชขายหุ้นทิ้ง
- คนที่เข้ามาคือ Malcolm Glazer ซึ่งซื้อโดยวิธี leverage buyout กู้ธนาคารโดยเอาหนี้ไปเป็นของสโมสร
- 20 ปีต่อมาหละงจากที่ Glazer Family ขายหุ้นส่วนหนึ่งให้ Jim Radcliff จากนั้น แมนยูจากอันดับ 1 ก็ลงมาที่ 16 ในตารางอย่างน่าอดสู
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status: I'm Gunner
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Oct 2013
ตอบ: 32397
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 23, 2025 14:53
[RE: เฟอร์กี้มีส่วนทำให้เกลเซอร์เข้ามาเป็นเจ้าของจริงป่าวครับ]
แมนยูพังเพราะ บอรด์ น่ะอันนี้ผมขอ เดาๆน่ะ มันหลายปัจจัย ที่เข้ากันได้

เช่น CEO คนเก่า เอ็ด วู้ดเวิร์ดเก่งน่ะ หาเงินเก่งแต่ใช้เงินเก่งกว่า

ประกาศว่าแมนยูมีเงินเยอะ จนตอนนี้ทำให้เกิดความคิดที่ว่าแมนยู ซื้อใคร แพงหมดอ่ะ

ดู ฮอยลุน 70 ล้าน โอนาน่า 50 ล้าน ดิ ไม่รวมมีอีกเพียบ

ถูกสุดก็เห็น เจมส์ อะไรเนี่ยหล่ะ ที่ขายไปแล้ว ก็สมราคาฝีเท้า 7 ล้าน

เช่นสมมุติ ซื้อนักเตะ อังกฤษ น่ะ ค่า โฮมโกรน 20 ล้าน ค่าฝีเท้า 30 ล้าน ค่าภาษีแมนยูมีก็ 10 ล้านแล้วอ่ะ

ทั้งๆที่เด็กคนนี้มันพุ่งมาแค่ 1-2 ปีเดียวเองน่ะ แต่มีแวว เปรียบเป็น ซานโซ่ก็ได้อ่ะ 73 ล้านปอนด์

ค่าเหนื่อยไปเท่าไหร่ 350 K ป่ะ แล้วเป็นไงขายออกก็ยาก แถม มาออกข่าวให้ทีมเสียหายอีกยุคเทนฮาก

เหมือนมันมี บอรด์ บริหารมาหนุนหลัง หรือ อีโก้ สูงอ่ะ ฮากมันก็เฮี๊ยบเกิน เข้าใจ

แต่เห็นกุนซือ โหดๆ มันก็เฮี๊ยบอ่ะ เรื่องเวลา มีพวกหนอนแน่นอน คอยเสี้ยม เห็น เรดฟอรด์ ป๊อกปา ลินการด

ขนาดผมไม่ได้เป็นแฟนแมนยูน่ะ แต่พอเดาๆ ไม้ผี เพียบเต็มที มาระเบิดตอน อโมริมเนี่ยหล่ะ
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออนไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jan 2021
ตอบ: 3086
ที่อยู่: 2019-2022
โพสเมื่อ: Fri May 23, 2025 14:55
[RE]เฟอร์กี้มีส่วนทำให้เกลเซอร์เข้ามาเป็นเจ้าของจริงป่าวครับ
tgmann พิมพ์ว่า:
- ตอนแรกแมนยูเป็นของ Martin Edwards
- จากนั้นพอสโมใสรเริ่มดังก็เลยเข้าตลาดหลักทรัพย์
- ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในตอนนั้นคือ John Macneir & JP McManus มหาเศรษฐ๊ชาวไอริช
- เรื่องมันมาเกิดเพราะม้าแข่งที่ชื่อ Rock of Gibraltar ม้าแข่งตัวเก่ง Fergie กับ Magneir ขัดแย้งกันเรื่องกรรมสิทธิ์ม้าตัวนี้ ซึ่งเดิมทีเป็นเจ้าของร่วมกันทัั้ง 2 ฝ่าย สุดท้ายต้องฟ้้องร้องกัน แลtแตกหักในที่สุด
- ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เลือกเข้าข้าง Fergie ทำให้ 2 ไอริชขายหุ้นทิ้ง
- คนที่เข้ามาคือ Malcolm Glazer ซึ่งซื้อโดยวิธี leverage buyout กู้ธนาคารโดยเอาหนี้ไปเป็นของสโมสร
- 20 ปีต่อมาหละงจากที่ Glazer Family ขายหุ้นส่วนหนึ่งให้ Jim Radcliff จากนั้น แมนยูจากอันดับ 1 ก็ลงมาที่ 16 ในตารางอย่างน่าอดสู
 

เปลี่ยนเจ้าของทีมคงยาก แต่ขอให้เจอ ผจก. ดีๆครับ

ผมยังยืนว่าโค้ชเก๋าๆจะมีอำนาจไฟว้กับบอร์ดได้ แต่อโมริมนี้ไม่ชัวร์ว่าควรไปต่อ 555
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status: เซ็ง
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2006
ตอบ: 28038
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 23, 2025 14:57
[RE: เฟอร์กี้มีส่วนทำให้เกลเซอร์เข้ามาเป็นเจ้าของจริงป่าวครับ]
Spoil
腾飞的蓝龙 พิมพ์ว่า:
แมนยูพังเพราะ บอรด์ น่ะอันนี้ผมขอ เดาๆน่ะ มันหลายปัจจัย ที่เข้ากันได้

เช่น CEO คนเก่า เอ็ด วู้ดเวิร์ดเก่งน่ะ หาเงินเก่งแต่ใช้เงินเก่งกว่า

ประกาศว่าแมนยูมีเงินเยอะ จนตอนนี้ทำให้เกิดความคิดที่ว่าแมนยู ซื้อใคร แพงหมดอ่ะ

ดู ฮอยลุน 70 ล้าน โอนาน่า 50 ล้าน ดิ ไม่รวมมีอีกเพียบ

ถูกสุดก็เห็น เจมส์ อะไรเนี่ยหล่ะ ที่ขายไปแล้ว ก็สมราคาฝีเท้า 7 ล้าน

เช่นสมมุติ ซื้อนักเตะ อังกฤษ น่ะ ค่า โฮมโกรน 20 ล้าน ค่าฝีเท้า 30 ล้าน ค่าภาษีแมนยูมีก็ 10 ล้านแล้วอ่ะ

ทั้งๆที่เด็กคนนี้มันพุ่งมาแค่ 1-2 ปีเดียวเองน่ะ แต่มีแวว เปรียบเป็น ซานโซ่ก็ได้อ่ะ 73 ล้านปอนด์

ค่าเหนื่อยไปเท่าไหร่ 350 K ป่ะ แล้วเป็นไงขายออกก็ยาก แถม มาออกข่าวให้ทีมเสียหายอีกยุคเทนฮาก

เหมือนมันมี บอรด์ บริหารมาหนุนหลัง หรือ อีโก้ สูงอ่ะ ฮากมันก็เฮี๊ยบเกิน เข้าใจ

แต่เห็นกุนซือ โหดๆ มันก็เฮี๊ยบอ่ะ เรื่องเวลา มีพวกหนอนแน่นอน คอยเสี้ยม เห็น เรดฟอรด์ ป๊อกปา ลินการด

ขนาดผมไม่ได้เป็นแฟนแมนยูน่ะ แต่พอเดาๆ ไม้ผี เพียบเต็มที มาระเบิดตอน อโมริมเนี่ยหล่ะ  
 


อันนี้ก็เห็นด้วยนะ สมัยนั้นเซอร์กุมทุกอย่างใช้ความสำเร็จหาเงินเข้าสโมสร ขนาด backham ตัดสกินเฮดยังโดนด่า
พอเกลเซอร์เข้ามาต้องหาเงินเพิ่มต้องทำทุกอย่างเพื่อเงิน ซื้อมาขายเสื้อความจริงจังในฟุตบอลลดลงเพราะเอ็ดก็ไม่ได้เข้าใจฟุตบอลเป็นแค่นักการเงิน
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status: 4 แชมป์ยังไงให้โลกจำ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Mar 2018
ตอบ: 5365
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 23, 2025 15:00
[RE: เฟอร์กี้มีส่วนทำให้เกลเซอร์เข้ามาเป็นเจ้าของจริงป่าวครับ]
เรื่องราวโดยย่อ
ความสัมพันธ์เริ่มต้น: เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความหลงใหลในการแข่งม้าและกลายเป็นเพื่อนกับจอห์น แม็กเนียร์ และเจพี แม็คมานัส ซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวไอริชผู้ร่ำรวยและเป็นเจ้าของ คูลมอร์ (Coolmore) ฟาร์มม้าชั้นนำระดับโลก ทั้งสองคนนี้ลงทุนในแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในช่วงต้นปี 2000 โดยผ่านบริษัท Cubic Expression และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสโมสร
ม้าแข่งร็อก ออฟ ยิบรอลตาร์: ในปี 2000 ม้าแข่งชื่อร็อก ออฟ ยิบรอลตาร์ ซึ่งฝึกโดยคูลมอร์ ถูกจดทะเบียนภายใต้ชื่อของเซอร์ อเล็กซ์ และซูซาน แม็กเนียร์ (ภรรยาของจอห์น แม็กเนียร์) ร็อก ออฟ ยิบรอลตาร์กลายเป็นม้าแข่งที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก คว้าชัยชนะ 7 รายการใหญ่ในปี 2001-2002 ซึ่งทำให้ม้ามีมูลค่าสูงมาก
ข้อพิพาทเรื่องสิทธิ: ความขัดแย้งเริ่มต้นเมื่อร็อก ออฟ ยิบรอลตาร์เกษียณจากการแข่งขันในปี 2003 และถูกนำไปใช้เป็นม้าพ่อพันธุ์ (stud) ซึ่งสร้างรายได้มหาศาลจากค่าผสมพันธุ์ เฟอร์กูสันเชื่อว่าเขามีส่วนเป็นเจ้าของม้าและควรได้รับส่วนแบ่ง 50% จากค่าผสมพันธุ์ (ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลถึง 250 ล้านยูโร) แต่คูลมอร์ยืนยันว่าไม่มีข้อตกลงดังกล่าว เฟอร์กูสันเพียงได้รับสิทธิ์ในชื่อและส่วนแบ่งจากเงินรางวัลการแข่งขันเท่านั้น ไม่รวมถึงค่าผสมพันธุ์
การฟ้องร้องและความตึงเครียด: เฟอร์กูสันยื่นฟ้องแม็กเนียร์เป็นมูลค่า 150 ล้านยูโรเพื่อเรียกร้องส่วนแบ่งค่าผสมพันธุ์ ความขัดแย้งนี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม็กเนียร์และแม็คมานัสแตกหัก แม็กเนียร์ตอบโต้ด้วยการจ้างนักสืบเอกชนเพื่อขุดคุ้ยข้อมูลเกี่ยวกับเฟอร์กูสัน และส่งเอกสาร "99 คำถาม" ไปยังบอร์ดบริหารของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยตั้งคำถามเกี่ยวกับการทำธุรกิจของเฟอร์กูสัน รวมถึงข้อกล่าวหาว่าเจสัน เฟอร์กูสัน (ลูกชายของเซอร์ อเล็กซ์) ได้ประโยชน์จากดีลการซื้อนักเตะผ่านเอเยนต์ของเขา
ผลกระทบต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: ข้อพิพาทนี้สร้างความไม่มั่นคงในสโมสร แฟนบอลที่ภักดีต่อเฟอร์กูสันประท้วงต่อต้านแม็กเนียร์และแม็คมานัส สถานการณ์นี้เปิดโอกาสให้ มัลคอล์ม เกลเซอร์ (Malcolm Glazer) นักธุรกิจชาวอเมริกัน ซึ่งถือหุ้นในแมนยูอยู่แล้ว เข้ามาซื้อหุ้น 28.8% จากแม็กเนียร์และแม็คมานัสในปี 2005 ซึ่งทำให้เกลเซอร์กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และเข้าควบคุมสโมสรในที่สุด การเข้าซื้อกิจการของเกลเซอร์นำไปสู่หนี้สินจำนวนมากและความไม่พอใจของแฟนบอลยูไนเต็ดในระยะยาว
การยุติข้อพิพาท: ในที่สุด แม็กเนียร์ตกลงจ่ายเงินชดเชยให้เฟอร์กูสันประมาณ 3 ล้านยูโรเพื่อยุติคดี แต่ความเสียหายต่อความสัมพันธ์และโครงสร้างสโมสรได้เกิดขึ้นแล้ว

...............................................................................

1. ด้านกฎหมาย: เฟอร์กูสันมีสิทธิในม้าหรือไม่?
ข้อเท็จจริง: ร็อก ออฟ ยิบรอลตาร์ ถูกจดทะเบียนโดยมีชื่อของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และซูซาน แม็กเนียร์ (ภรรยาของจอห์น แม็กเนียร์) เป็นเจ้าของร่วม แต่ไม่มีเอกสารหรือสัญญาที่ชัดเจนระบุว่าเฟอร์กูสันมีสิทธิในส่วนแบ่งจาก ค่าผสมพันธุ์ (stud fees) ซึ่งเป็นประเด็นหลักของข้อพิพาท คูลมอร์ (บริษัทของแม็กเนียร์) ยืนยันว่าเฟอร์กูสันมีสิทธิเพียงในส่วนแบ่งจาก เงินรางวัลการแข่งขัน เท่านั้น ไม่รวมถึงรายได้จากการผสมพันธุ์หลังม้าเกษียณ
มุมมอง: จากมุมมองกฎหมาย หากไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรที่ระบุว่าเฟอร์กูสันมีสิทธิในค่าผสมพันธุ์ การอ้างสิทธิของเขาจะอ่อนแอมาก วงการม้าแข่งมักมีข้อตกลงที่ชัดเจนเรื่องการเป็นเจ้าของและส่วนแบ่งรายได้ การที่เฟอร์กูสันเชื่อว่าเขาควรได้ส่วนแบ่ง 50% อาจมาจากการตกลงด้วยวาจาหรือความเข้าใจผิด ซึ่งไม่เพียงพอในทางกฎหมายเมื่อเทียบกับอิทธิพลและความเชี่ยวชาญของคูลมอร์ในธุรกิจนี้
ผลลัพธ์: การที่คดีจบลงด้วยการที่แม็กเนียร์จ่ายเงินชดเชยราว 3 ล้านยูโรให้เฟอร์กูสัน แสดงว่าอาจมี "พื้นที่สีเทา" ในข้อตกลง ซึ่งคูลมอร์เลือกจ่ายเงินเพื่อยุติข้อพิพาทมากกว่าสู้คดีต่อ แต่จำนวนเงินนี้ต่ำกว่าที่เฟอร์กูสันเรียกร้อง (150 ล้านยูโร) มาก แปลว่าเขาอาจไม่มีสิทธิเต็มที่ตามที่คิด
สรุปด้านกฎหมาย: เฟอร์กูสันน่าจะไม่มีสิทธิในค่าผสมพันธุ์ตามสัญญาที่ชัดเจน ดังนั้นในแง่กฎหมาย เขาอาจ "ผิด" ที่เรียกร้องส่วนแบ่งมหาศาลโดยไม่มีเอกสารยืนยัน

2. ด้านจริยธรรมและความสัมพันธ์
ความสัมพันธ์ส่วนตัว: เฟอร์กูสันกับแม็กเนียร์และแม็คมานัสมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก่อนหน้านี้ในฐานะเพื่อนและหุ้นส่วนธุรกิจ (ทั้งคู่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในแมนยู) เฟอร์กูสันอาจรู้สึกว่าในฐานะ "เจ้าของร่วม" ในชื่อ เขาควรได้รับส่วนแบ่งจากความสำเร็จของร็อก ออฟ ยิบรอลตาร์ โดยเฉพาะเมื่อม้าตัวนี้กลายเป็นแหล่งรายได้มหาศาล การที่คูลมอร์ปฏิเสธส่วนแบ่งอาจทำให้เขารู้สึกถูกเอาเปรียบ
พฤติกรรมของทั้งสองฝ่าย: ในทางกลับกัน การที่แม็กเนียร์ตอบโต้ด้วยการจ้างนักสืบเอกชนและส่ง "99 คำถาม" เพื่อโจมตีเฟอร์กูสันในเรื่องการบริหารสโมสรและการทำธุรกิจของลูกชาย (เจสัน เฟอร์กูสัน) แสดงถึงความพยายามกดดันที่รุนแรง ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นการกระทำที่ "ไม่แฟร์" หรือเกินกว่าเหตุ
มุมมอง: จากมุมจริยธรรม เฟอร์กูสันอาจ "ถูก" ในแง่ที่เขารู้สึกว่าควรได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรมจากเพื่อนและหุ้นส่วน แต่การยื่นฟ้องเรียกเงิน 150 ล้านยูโรโดยไม่มีหลักฐานชัดเจนอาจดูเป็นการ "หวังสูงเกินไป" ในขณะที่ฝั่งคูลมอร์ก็อาจถูกมองว่า "ตีสองหน้า" เพราะใช้ประโยชน์จากชื่อของเฟอร์กูสันในการโปรโมตม้า แต่ไม่แบ่งปันผลประโยชน์ในภายหลัง
สรุปด้านจริยธรรม: ทั้งสองฝ่ายมีส่วนถูกและผิด เฟอร์กูสันอาจรู้สึกถูกต้องตามความรู้สึก แต่การกระทำของทั้งสองฝ่ายทำให้ความขัดแย้งบานปลายเกินจำเป็น
สรุปสุดท้าย
ด้านสิทธิ: เฟอร์กูสันน่าจะไม่มีสิทธิในค่าผสมพันธุ์ตามกฎหมาย ดังนั้นเขา "ผิด" ที่เรียกร้องโดยไม่มีหลักฐานชัดเจน
ด้านจริยธรรม: เขาอาจ "ถูก" ในแง่ความรู้สึกที่คิดว่าควรได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรมจากเพื่อน แต่ทั้งสองฝ่ายจัดการความขัดแย้งได้ไม่ดี


................................................................................

อ่านจนจบได้แต่อิหยังวะ ป๋าครับ วงการม้าเขาต้องระบุสัญญา อะไรคือจะไปเรียกร้องค่าผสมพันธุ์ม้ากับเขา ผมงง.............. แถมเขายังยอมจ่ายเงินให้ส่วนหนึ่งโดยเพื่อจบปัญหา

ปล.ขื่อยูส ไอ้ม้า ต้องมาแล้ว
แก้ไขล่าสุดโดย Pepsi Man เมื่อ Fri May 23, 2025 15:01, ทั้งหมด 1 ครั้ง
4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 Jan 2010
ตอบ: 8506
ที่อยู่: ทรานซิลเวเนีย
โพสเมื่อ: Fri May 23, 2025 15:04
[RE: เฟอร์กี้มีส่วนทำให้เกลเซอร์เข้ามาเป็นเจ้าของจริงป่าวครับ]
Smeagol พิมพ์ว่า:
cybernet พิมพ์ว่า:
Rock of Gibraltar เป็นม้าพันธุ์ดีระดับโลก เจ้าของคือ John Magnier และ JP McManus สองมหาเศรษฐีชาวไอริชที่ถือหุ้นใหญ่ในแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอยู่จำนวนนึง

เซอร์เข้าใจว่าเขามีสิทธิ์ในรายได้จากค่าผสมพันธุ์ของ Rock of Gibraltar เพราะเชื่อว่าเขาเป็น "co-owner"
แต่ Magnier ยืนยันว่าเซอร์เแค่ได้รับสิทธิ์ใช้ชื่อและไม่ได้เป็นเจ้าของม้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายเลยเป็นที่มาของการฟ้องร้องในปี 2003

ความขัดแย้งนำไปสู่การ “แตกหัก” เพราะ Magnier และ McManus ซึ่งถือหุ้นรวมกันกว่า 28–30% ของแมนยู เริ่มไม่พอใจเซอร์เอามากๆ พยายามพูดคุยกับบอร์ดบริหารของแมนยูเพื่อกดดันเซอร์และทีมบริหารให้ลาออก แต่บอร์ดน่าจะอยู่ข้างเซอร์แหละ จนสุดท้ายพวกเขาทนไม่ไหวและเริ่มขายหุ้นออก เพราะไม่ต้องการถือหุ้นในสโมสรที่เซอร์คุมทีมอยู่

คำถามคือพวกเขาขายหุ้นให้ใคร ?? ใช่ครับพวกเขาขายหุ้นให้กับตระกูลเกลเซอร์และในที่สุดก็สามารถเทกโอเวอร์สโมสรได้ทั้งหมดในปี 2005

เหตุเกิดเพราะม้าตัวเดียวไหม ผมไม่กล้าฟันธงขนาดนั้น แต่ก็น่าจะใช่
 

ขายทีมไม่มีดูแหล่งที่มาของเงินเลยเหรอครับ…

อย่างของ FSG เคลียร์หนี้ให้ แล้วสโมสรหักเปอร์เซ็นรายได้ไปคืนเจ้าของ ถ้าจำไม่ผิดนะ  


เกลเซอร์ได้ Rothschild & Co เป็น FA อะสิครับ

ชื่อนี้ก็การันตรีว่าระดับท้อปๆของโลก
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Sep 2005
ตอบ: 6405
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 23, 2025 15:12
[RE: เฟอร์กี้มีส่วนทำให้เกลเซอร์เข้ามาเป็นเจ้าของจริงป่าวครับ]
เพิ่มเติมให้ครับ

จริงๆตอนแรก Magnier ไม่ได้คิดจะขายสโมสร แกแค่จะเอาเฟอร์กี้ออก แกซื้อหุ้นแข่งกับเกลเซอร์ด้วยซ้ำไป จุดพลิกผันมันอยู่ที่เขาและครอบครัวโดนแฟนบอลบุกเข้าในสนามม้า เลยตัดสินใจขายเพราะเหตุผลเรื่องความปลอดภัย

ส่วนบอร์ดตอนแรกที่ยัง civil war กันอยู่ก็แบ่งเป็น 3 ฝ่ายครับ ฝ่าย Magnier, ฝ่ายที่สนุนเฟอร์กี้แต่ไม่เอาเกลเซอร์ นำโดย Roy Gardner ครับ สุดท้ายก็ฝ่าย Glazer นำโดน David Gills ครับ สุดท้ายมันจบลงที่เกลเซอร์ชนะบอร์ดฝ่ายอื่นก็โดนเด้งหมด และเดวิดกิลล์ได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้น 2 เท่าครับ


สรุปก็มีส่วนหมดอะ เฟอร์กี้, เดวิดกิลล์ และ แฟนบอล

4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งเจลีก
Status: GO HOME U DRUNK.
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 28 Oct 2010
ตอบ: 6803
ที่อยู่: DOG TOWN
โพสเมื่อ: Fri May 23, 2025 15:19
[RE: เฟอร์กี้มีส่วนทำให้เกลเซอร์เข้ามาเป็นเจ้าของจริงป่าวครับ]
มันคือเรื่องของอำนาจ เงิน และผลประโยชน์ล้วนๆ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status: CEO @Manchester United FC
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 28 Oct 2007
ตอบ: 8018
ที่อยู่: Old Trafford
โพสเมื่อ: Fri May 23, 2025 15:29
[RE: เฟอร์กี้มีส่วนทำให้เกลเซอร์เข้ามาเป็นเจ้าของจริงป่าวครับ]
Smeagol พิมพ์ว่า:
Ed Woodward พิมพ์ว่า:
Smeagol พิมพ์ว่า:
ผมไปอ่านๆ เห็นมีเรื่องม้าแข่งด้วย มันเกิดอะไรขึ้น  


เหมือนตอนนั้นเซอร์กับ จอห์น แมกเนียร์ และ เจ.พี. แมกมานัส มีปัญหากันเรื่องม้าแข่งนั่นแหละ

ร็อค ออฟ ยิบรอลตา แล้วเหมือนบอร์ดส่วยใหญ่ เลือกหนุนเซอร์

2 คนนั้นเลยขายหุ้นทิ้ง ซึ่งคนที่เข้ามาซื้อต่อก็คือเกลเซอร์นั่นแหละครับ

เรียกได้ว่า เป็นจุดเริ่มของความชิบหายเลยก็ว่าได้

 

ซวยจัดๆ… อันนี้ไม่ได้แซว ขอบคุณครับ

แล้วบอร์ดไม่สกรีนเลยเหรอว่ากู้เงินมาซื้อ…  


ตอนแรกน่าจะเก็บหุ้นด้วยเงินตัวเอง + กู้บ้าง

แต่พอรวมหุ้นได้เกิน 50% แกก็ take over โดยกู้เงินนั่นแหละ

แต่ที่มันพังเพราะเกลเซอร์ดันโอนหนี้ที่ตัวเองก่อตอนซื้อสโมสร มาเป็นหนี้สโมสรซะงั้น

แมนยูเลยอยู่ๆ มีหนี้ก้อนเบ้อเร้อเกือย 1 พันล้านปอนด์ซะงั้น

แล้วกำไรที่สโมสรมี แทนที่จะเอ่าไปรีบโปะหนี้ ดันปันผลเข้าตัวเองซะงั้น

2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel