หุ้นของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ร่วงลง 7.8% ในช่วงเปิดตลาดซื้อขายที่นิวยอร์ค หลังจากทีมพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศยูโรป้าลีก สร้างแรงกระทบต่อเจ้าของสโมสรมหาเศรษฐีตระกูลเกลเซอร์ และเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์


ยูไนเต็ดแพ้ให้กับทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ 1-0 เมื่อคืนวันพุธ ทำให้ทีมหมดสิทธิ์เข้าร่วมศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ความหวังสุดท้ายของสโมสรในการเล่นถ้วยใบใหญ่ยุโรปในฤดูกาลหน้า

และจะทำให้สโมสรสูญเสียรายได้ประมาณ 100 ล้านปอนด์ ซึ่งรวมถึงรายได้จากการขายตั๋วล่วงหน้า ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด และสปอนเซอร์ แม้ว่าค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเดินทางและค่าเหนื่อยนักเตะ อาจลดลง

เป็นผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อครอบครัวเกลเซอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของสโมสรมาตั้งแต่ปี 2005 และกลุ่ม Ineos ของแรตคลิฟฟ์ ซึ่งถือหุ้นส่วนน้อยแต่มีบทบาทสำคัญในการบริหารสโมสร

แม้จะมีการปรับโครงสร้างบริหารครั้งใหญ่ ไล่ตั้งแต่การปลด เอริค เทน ฮาก และแต่งตั้ง รูเบน อโมริม เข้ามาคุมทัพ รวมถึงการลดต้นทุนภายในสโมสร แต่ผลงานในสนามยังคงน่าผิดหวัง โดยยูไนเต็ดรั้งอันดับ 16 ของตารางพรีเมียร์ลีก เหลือการแข่งขันอีกเพียง 1 นัด และอยู่ใกล้โซนตกชั้นมากกว่าพื้นที่ลุ้นไปแชมเปี้ยนส์ลีก

เคียร์แรน แมคไกวร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินฟุตบอลจากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล ให้ความเห็นว่า

"ถ้ามีสิ่งใดให้ยูไนเต็ดพอปลอบใจได้ ก็คือ เชลซีเคยจบอันดับแย่ที่สุดในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-16 และไม่ได้เล่นฟุตบอลยุโรปเลยในฤดูกาลถัดมา แต่กลับคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปีต่อมา เนื่องจากไม่มีสิ่งรบกวน"

รายงานทางการเงินระบุว่า ยูไนเต็ดขาดทุนสุทธิสะสมมากกว่า 370 ล้านปอนด์ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และไม่เคยทำกำไรได้เลยนับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 ปัจจุบันสโมสรมีหนี้สินสุทธิ 569 ล้านยูโร ซึ่งเป็นผลพวงจากการซื้อกิจการแบบใช้เงินกู้ของตระกูลเกลเซอร์ในปี 2005

ราคาหุ้นของสโมสรซื้อขายล่าสุดที่ 13.40 ดอลลาร์ ต่ำกว่าราคาจองซื้อ IPO ในปี 2012 ที่ 14 ดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าตลาดลดลงเหลือประมาณ 2.3 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ Ineos ของแรตคลิฟฟ์เคยซื้อหุ้นในราคาสูงถึง 33 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทำให้การลงทุนของเขาประเมินมูลค่าคลับไว้ที่ราว 5.4 พันล้านดอลลาร์

แม้ครอบครัวเกลเซอร์จะถือหุ้นเพียงไม่ถึงครึ่ง แต่กลับมีสิทธิออกเสียงมากกว่า 67% ผ่านหุ้น B ซึ่งไม่มีการเปิดขายสู่สาธารณะ ขณะที่ Ineos ถือหุ้นทั้งแบบ A และ B รวมกันราว 29% และมีบทบาทสำคัญในทิศทางของสโมสร

ฤดูกาลหน้าถึงไม่มีความมั่นใจว่าทีมจะกลับมาลุ้นท้อปสี่ได้ แต่อย่างน้อยจัดการเรื่องเสริมทัพก่อนเลย ถ้ามีตัวดีๆมา 5-6 ตัวอย่างน้อยพอได้ใจชื่นแน่นอน อย่าลืมเปลี่ยนโกลด้วย

เซงโว้ยยย ไม่เหลืออะไรให้โม้แล้ว

เซอร์จิม ไม่ไหว อย่าฝืน
ตั้งแต่ineos เข้ามา มี แต่ แย่ กับ แย่

ขายได้ ขายเหอะ ปล่อย ให้ เกลเซอ มันล่มจมไป...!

ถ้าไม่เชื่อนะ จาก ตอนนี้ ทรัพย์สิน ของ ineos
ขาดทุนไปแบ้ว 700-800 ล้าน

ปีหน้า ได้ ขาดทุน เพิ่ม อีกแน่ เป็น 1000 กว่า ล้าน
เกือบๆ สองพันล้าน

มันก็ขาดทุนเรื่อยๆแหละถ้าผู้บริหารไม่เปลี่ยนความคิด พอไม่เปลี่ยนก็ทำเหมือนเดิม สุดท้ายฟอร์มก็วนลูปอยู่อย่างงี้ไปเรื่อยๆ แล้วทีมฟอร์มขนาดนี้ ผมเชื่อเลยว่าผู้บริหาร แมนยู เครียดเรื่องหุ้นมากกว่าฟอร์มการเล่นของทีม หรือ โอกาสที่ทีมจะกลับมาคว้าแชมป์ พวกนี้บริหารทีมยังกะธุรกิจร้านอาหาร หรือ โรงแรม chain ใหญ่ๆ

แต่ประเด็นคือมันไม่เหมือนกันอะผมว่า ฟุตบอลมันเป็นธุรกิจก็จริง แต่มันเปนธุรกิจที่ให้ความบันเทิงมากกว่าในมุมผม แล้วเมื่อคืนผมไม่เหนแฟน แมนยูไนเต็ด คนไหนบันเทิงเลยซักคน(ทีมอื่นอะใช่) แล้วมันจะไปสร้างรายได้เพื่อลดหนี้(ที่เจ้าของก่อขึ้นมา)ได้ยังไง ? ถ้วยซักใบก็ไม่มีในซีซั่นนี้ โควต้า UCL ก็ดันไปเป่าหายไป 100 ล้านเมื่อคืนอีก จะไปหวังให้หุ้นมันขึ้น ?

ตอนนี้สำคัญสุดคือตลาดซื้อขาย เพราะเราไล่เจ้าของไม่ได้อยู่แล้ว ถึงไล่ก็ไม่ไปหรอก อันดับแรกขายพวก แรชฟอร์ด แอนโทนี่ ซานโช่ ฮยลุยด์ พวกนี้ให้ได้ก่อน การ์นาโช่ ถ้าใจมันไปแล้วจริงๆก็ทำใจขายออกไป ทีมมันขนาดใหญ่เกินจำเป็นสำหรับผม แล้วซื้อตัวน้อยๆเน้นคุณภาพ เลิกซื้อตัวดาวรุ่ง แล้วหวังว่ามันจะเทพ เพราะทีมหลังบ้าน แมนยู อาจจะยังไม่พร้อมที่จะทำแบบนั้น ไม่งั้นก็ขาดทุนต่อไป

เรื่องหุ้นสุดท้ายเดวก็กลับมาครับ ถ้ามีเรื่องดีๆเข้ามาเหมือนตอนได้ น้ามู เข้ามาคุมทีม หรือ โด้ ย้ายกลับมาหุ้นก็ขึ้น สำคัญที่ผู้บริหารต้องซื้อตัวให้ถูก รีบประกาศปิดดีล คุนญ่า ไปก่อนไม่ให้มันตกมากกว่านี้ แล้วกองหน้า ต่อให้ได้ดีแลปมาก็ยังไม่พอหรอกตำแหน่งนี้ หน้าเป้ามันต้องมีสองตัว สำรองไว้คนนึง ไม่งั้นก็จะเหมือน ฮอยลุนด์ ที่ไม่รู้จะเอาใครลงแทนดี

แมนยูต้องเลิกบริหารแนวนี้ก่อน อันนี้มันฟุตบอล ไม่ใช่ธุรกิจร้านอาหารที่คุณจะมาลดต้นทุนง่ายๆแบบที่กำลังทำอยู่ สำคัญคือผลงานในสนาม ทำได้ดี เดวรายได้มันก็มา หนี้ลด แล้วหุ้นมันก็ขึ้นเอง แต่ถ้าทำแบบเดิม หรือทำไม่ได้ก็ขายทีมทิ้งไปดีกว่าครับ เพราะหนี้ของสโมสรส่วนนึงก็มาจาก เกลเซอร์ ที่ไปกู้มาซื้อ แมนยู ด้วยไม่ใช่หรอ

ตกค่ำเฮ้ย ตกต่ำ

เจ้าของทีมที่ชั่ย ผู้กอบกู้ซาก 555555

ติดดอยกันไปดิ จะคัทลอสไปให้กลุ่มทุนซาอุก็ได้นะ แฟนบอลอย่างผมสนับสนุน

บอกได้คำเดียว สมน้ำหน้า บริหารแบบไหน ผลมันก็ออกมาแบบนั้น สมควรแล้ว

ถ้ามีสิ่งใดให้ยูไนเต็ดพอปลอบใจได้ ก็คือ เชลซีเคยจบอันดับแย่ที่สุดในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-16 และไม่ได้เล่นฟุตบอลยุโรปเลยในฤดูกาลถัดมา แต่กลับคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปีต่อมา เนื่องจากไม่มีสิ่งรบกวน"
เอาว่ะ มีลุ้น !
- ปี 2015-16 เลสเตอร์ เป็นแชมป์ คะแนนน้อยแค่ 81 แต้ม + เป็นปีที่ทีมใหญ่ฟอร์มดิ่งออกทะเลกันหมด รวมทั้งเชลซี จบที่ 10 เก็บได้แค่ 50 แต้ม ตกต่ำสุด ๆ + ไม่ได้เล่นบอลยุโรป และแม้เลสเตอร์จะแชมป์แต้มน้อย แต่ก็ทิ้งห่างอาเซน่อลที่ 2 ถึง 10 แต้ม เยอะมากกก
- ปี 2016-17 เชลซี กลับมาเป็นแชมป์ กดไป 93 แต้ม ทิ้งขาดที่ 2 อย่างสเปอร์ ถึง 7 แต้ม ส่วนเลสเตอร์จากแชมป์เก่าร่วงไป 12 เก็บได้แค่ 44 แต้ม คะแนนหายไปเกือบครึ่งของปีก่อน
***** ถ้ามาทฤษฎี สมคบคิด จะออกมายังงี้
- ปี 2024-25 ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์แต้มน้อย 83 แต้ม(นัดสุดท้ายแพ้อีก) ทิ้งห่างอาเซน่อล(เจ้าเก่า) 12 แต้ม ให้อาเซน่อล จบที่ 71 แต้ม (นัดสุดท้ายแพ้ และเป็นแต้มที่เท่ากับปีที่เลสเตอร์คว้าแชมป์ คือ ได้ 71 แต้ม) + ทีมใหญ่ ๆ ฟอร์มตกกันระนาว คล้ายปี 2015-16 + แมน ยู จบที่ 16 แต้มได้แค่ 39 แต้ม(นัดสุดท้ายแพ้อีก) น้อยสุด ๆ อันดับแย่สุด ๆ + ไม่ได้ไปบอลยุโรป ตกต่ำสุด ๆ
- ส่วนปีหน้า 2025-26 ก็จะออกมาตามนี้
อันดับ 1 แมน ยู คว้าแชมป์ไปครองด้วยแต้ม 90+ ทิ้งห่างสเปอร์เพื่อนรักที่ตามมาเป็นอันดับ 2 (ให้สเปอร์ จะได้เหมือนปี 2016-17) แต้มทิ้งขาดที่ 10+
ลิเวอร์พูล จากแชมป์เก่าร่วมไปที่ 17 แทน ได้แต้ม 40+ หายไปครึ่งของปีนี้
*** ยินดีล่วงหน้ากับแฟน ๆ แมน ยู ครับ และหลับฝันดีนะ....

เซ่อจิม ติดดอยย

ใช่ ชั่ย ช่ายยยยย

ไม่รู้จะสงสารเซอร์จิม หรือสมน้ำหน้าดี ดันปล่อยฮากคุมเบ็ดเสร็จ ซื้อขาย ผ่านแล้วผ่านอีก ผลาญเงินจนเละ โดยขาดการควบคุมดูแล แอบแปลกใจ มันปั้นเงินมาถึงจุดนี้ได้ยังไงคับเนี่ย บทจะเสียก็เสียแบบลดแลกแจกแถม ยัน ค่าปลด พึ่งต่อสัญญาแถมค่าปลดไปอีก
กลัวฮากได้เงินไปไม่คุ้ม เอาจริง ผมนี่งงเป็นไก่ตาแตกเลย ขั้นสุดอะ ไม่ไหวอย่าฝืน ดึงฮากมาคุมทีมอีกรอบก็ได้นะ

ดอกนี้เสียหายร้ายแรงมาก ฟื้นทีมยากกว่าเดิม สูญเสียรายได้มหาศาล แถมรั้งตัวหลักยากขึ้น เสียความเข้มแข็งในการต่อรองนักเตะ


ข้อดีเดียวคือไม่มีกลางสัปดาห์ โฟกัสอันดับในลีคได้เต็มที่ ต้องได้พื้นที่บอลยุโรปไม่งั้นแย่แน่

เมิงช่วยเปลี่ยนโกล ก่อนเนอะ