ติดกับทางการเงินมันไม่ได้ง่ายอย่างที่ใครคิดหรอกครับ

คิดแต่ว่าจับคนนั้นขายสิ ค่าเหนื่อยแพง ใครเขาจะซื้อ ยิ่งคนที่ตัวเองคิดว่าทำผลงานไม่ดี คนเขายิ่งไม่กล้าซื้อ

โห เห็นตามโซเชี่ยลบอกอยากได้คนนั้น คนนี้ พี่จะเอาเงินจากไหนมาซื้อ

ปีหน้าให้รอดโดนตัดแต้มเถอะ แค่นี้คนก็มองว่าพรีเมียร์ลีกลำเอียงมากแล้วครับ

ผมว่ามันคนละแบบกับเมื่อก่อนนะ ไม่ใช่แค่ว่าหาสปอนเซอร์ได้เยอะๆแล้วเงินมันจะบวก คือมันก็มาจากการบริหารภายในเป็นหลักมากกว่าอย่างซื้อขายนักเตะ

ตอนที่ลิ้วพูลทำคือ ทำไงก็ได้ให้ลุ้นแชมป์ติดกัน โดยใช้งบสิ้นเปลืองให้น้อยที่สุด

งบสิ้นเปลืองคือลงตลาดนักเตะนี่แหละ สุดท้ายก็ทำได้จริงๆ ถึงจะโดนแฟนบอลเหม็นขี้หน้ามายาว5-6ปี

แต่สุดท้ายผลงานก็ออกมาคือลิ้วพูลกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง และรากฐานแข็งแรงสุดๆ ไม่ใช่แค่ดีแต่นักเตะ แต่รากฐานเน่า

ง่ายๆคือแมนยูตอนนี้ต้องไปเล่นถ้วย UCL ให้ได้บ่อยๆและไม่ใช่เพราะว่าทุ่มซื้อลงตลาด ต้องไปได้ด้วยนักเตะค่าเหนื่อยต่ำ ค่าตัวถูก เด็กปั้น

เอาเงินไปแก้หลังบ้านใหม่ โปะหนี้ บลาๆๆ

ติดต่อทิดแย้มเลยครับ มีให้กู้อีกหลายร้อยล้าน

องค์กรที่มันเน่าในแบบแมนยูเนี่ย ผมเคยคิดเล่นๆว่า มันจะเปลี่ยนแปลงระดับโครงสร้างได้จริงๆก็ต่อเมื่อเจอวิกฤติแบบนี้แหละครับ
ถ้ามันยังมีรายได้เข้ามาแบบสบายๆ เรื่อยๆ มันก็เหมือนกันเอาพลาสเตอร์โปะความเน่าหนอนเอาไว้ แก้ผ้าเอาหน้ารอดปีต่อปี
แต่พอเจอของจริงที่รายได้หด ศรัทธาแฟนบอลลดแบบนี้ เอาจริงมันเป็นโอกาสของผู้บริหาร ในการปรับโครงสร้างองค์กรอย่างแท้จริง
แต่เดิมพันนี้ก็สูง เพราะถ้าปรับได้ ก็รอด แต่ถ้าปรับไม่ได้ ก็เน่าไปเลย

เอาอะไรมามั่นใจครับ ว่าเดี๋ยวก็ได้ไป UCL ตลอด

ผมว่าบอร์ดคงประเมิน Worst เคส อดไปUCL เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

ถึงได้ตัดค่าใช้จ่ายนู่นนี่นั่น จนโดนด่ายับๆ

ซัมเมอร์นี่ผู้เล่นเงินเดือนสูงๆ น่าจะโดนขายหลายคน เน้นเคลียร์ค่าใช้จ่าย

เผลอๆกัปตันบรูโน่ถ้าได้ราคา ยังจะโดนโล๊ะเอา รีใหม่ทั้งทีม

หวังว่าจะเป็นอย่างปีเชลซียุคคอนเต้ครับ โฟกัสแค่ในลีค เผื่อหวังผลได้




แต่ถ้าโค้ชยังเป็นอโมริม ผมคนนึงที่ไม่คิดว่าจะกลับมาได้

โค้ชหน้ามึนใช้แผนเดียว แผนมีแต่ผังการยืนแต่ไม่ใส่รูปแบบการเข้าทำเลย งง

ยิ่งเมื่อคืนบอลมันนัดเดียววัดผลเลยโดนนำแทนที่จะเสี่ยงถอดกองหลัง พวกเปลี่ยนตามตำแหน่งแล้วยังปล่อยเมาท์อยู่ตั้ง70นาที หัวร้อนจัดๆ

สภาพคล่องครับ การบริหารก็ส่วนนึง ว่าเงินที่ได้มาจ่ายอะไรไปบ้าง ก่อนจิมมาเราไม่รู้อะไร แต่หลังจิมมาคือบางอย่างไม่จำเป็นแต่ก็ยังจ่าย ส่วนที่จำเป็นกลับไม่อยากจ่าย เป็นแบบนี้มานานแล้ว

แมนยูก่อนนี้ก็ขายแบรนด์มากกว่าขายฝันขายโฆษณา แต่ตอนนี้จะหาใครมาก็ยากหน่อย เริ่มคิดแล้วว่าภาพลักษณืแบรนด์เริ่มไม่ดี อันดับต่ำลงเรื่อยๆ ฤดูกาลหน้า โควต้ากลางตารางไม่รู้จะไหวไหมตราบใดที่ยังเล่นกันแบบนี้

ฟังมาว่าการซื้อสโมสรในปี2005ของเกลเซอร์นี่ละที่ทำให้เป้นสารตั้งต้นของปัญหา
- ใช้วิธี Leveraged Buyout (LBO) คือกู้เงินซื้อสโมสร แล้วโยนหนี้มาให้สโมสรเองแบกรับ
- ทำให้แมนยูเริ่มมีหนี้ครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้ง
- ออกตราสารหนี้ (Bonds) ที่ออกเพื่อรีไฟแนนซ์หนี้เดิม(แถมดอกเบี้ยสูงมากก)
- แปลงหนี้เงินกู้ธนาคารเป็น ตราสารหนี้ แทน
- ตอนนี้ก็ยังคงมีหนี้รวมอยู่ราว ๆ £500-600 ล้านปอนด์
- นั่นทำให้สโมสรแบกกภาระดอกเบี้ยสะสมจำนวนมาก
- ตั้งแต่ปี 2005-2023 สโมสรจ่ายค่าดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ไปแล้วรวมกว่า £1 พันล้านปอนด์
- ไม่ว่าจะบุญเก่าฐานแฟนบอลเงินรางวัลอะไรก็เเล้วแต่แมนยูหาเงินได้มากจริงแต่ส่วนใหญ่เอาไปจ่ายดอกเบี้ยดังนั้นแทนที่จะมีเงินไปลงกับตัวนักเตะค่าเหนื่อย แต่กลับต้องเอาไปจ่ายดอกแทนอยู่ร่ำไป
- รวมขาดทุนสุทธิในช่วง 3 ปีนี้ประมาณ £257.4 ล้านปอนด์ นั่นอาจจะทำให้ติดไฟแนนเชียลแฟร์เพล์ต้องขายก่อนซื้อ
- เซอร์จิมเคยบอกว่าถ้าเขาไม่ทำอะไรลงไป สโมสรมีสิทธิ์ bankrupt ซึ่งไม่ได้พูดเล่นๆ ดูที่แกยอมโดนด่าลดนั่นตัดนี่คงหลังพิงเชื่อกจริงๆ

ดูแบบนี้ตาเหม่งเลวี่ที่บริหารสเปอร์สปิดบัญชีรับจ่ายสามปีหลังขาดทุนรวมๆแค่สิบยี่สิบล้านปอนด์เอง(ไม่รวมการไปสร้างสนามใหม่พันสองร้อยล้านปอนด์นะซึ่งน่าจะเหลือต้นหนี้ตัวนี้แค่หกร้อยล้านปอนด์) ดูดีกว่าผู้บริหารแมนยูเยอะ


ผลบอลเมื่อคืนแม้จะเท่ากันในสนาม(มีสิทธิ์ได้แชมป์หนึ่งครั้งเหมือนกัน) แต่ผลทางรายได้ไม่เท่ากัน — ถ้าสเปอร์สชนะ อาจทำเงินได้หลักร้อยล้าน แต่ถ้าแมนยูชนะ จะทำเงินได้มากกว่า 3–4 เท่า เพราะแบรนด์ใหญ่กว่า รายได้จากสปอนเซอร์ ค่าตั๋ว และของที่ระลึกสูงกว่า ชัยชนะของแมนยูจึงมีมูลค่ามหาศาล และเมื่อไม่ชนะ ก็เสียโอกาสทางรายได้มากกว่าเช่นกัน.

cr.วิเคราะห์บอลกากๆ

โห โคตรเฉียบแต่มันโดนทีมผมด้วยอะดิ 5555555555555555555555555

กาแฟแทบพุ่ง

เสี่ยแรช กับ น้องฟรีด้อม พร้อมกลับมาแล้วนะค๊าบ

ผมมองมุมคนนอกนะครับ ผมคิดว่าสิ่งแรกที่ต้องหาให้เจอคือทีมหลังบ้านที่พร้อมใช้สถิติ ข้อมูลวิเคราะห์ แล้วใช้ข้อมูลนี้ในการตัดสินใจเลือกโค้ชที่เหมาะสมกับนักเตะและสถานการณ์ปัจจุบัน

การไม่ได้ไป UCL ทำให้ขาดรายได้ไปมาก แต่ก็ต้องใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ในการกระชับทีมให้ดีขึ้น เหมือนที่คล็อปป์มาปีแรก ได้ชิงคาราบาวแพ้แมนซิตี้ ได้ชิงยูโรป้าแพ้เซบีย่า ฤดูกาลถัดไปอดไปถ้วยยุโรป เหลือแค่เตะในประเทศ ปีนั้นเป็นปีที่เริ่มสร้างรากฐานของลิเวอร์พูลในปัจจุบัน

ต้องเปลี่ยนความล้มเหลว ให้เป็นจุดเริ่มต้นให้ได้ เริ่มจากหาโค้ชที่พร้อมจะฝากความหวังไว้สัก 3 ปี+ ก่อน ต้องเป็นโค้ชที่พร้อมจะเริ่มซ่อม สร้าง เสริม

ตอบคำถามว่าต้องเริ่มกังวลการเงินไหม ผมคิดว่าต้องเริ่มกังวลและเลือกใช้ทรัพยากรให้เหมาะสมแล้วแหละครับ ถ้าทำแบบเหมือนที่ผ่านมาอีกอาจจะดิ่งลงไปต่อนะครับ จุดแข็งที่มีอยู่คือแบรนด์และรายได้พาณิชย์ทั่วโลก ที่ดีกว่าลิเวอร์พูลปัจจุบันด้วยซ้ำ แต่ก็อาจเป็นดาบสองคมที่ทำให้ยังมองว่าสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่วิกฤต เพราะมีรายได้หล่อเลี้ยงอยู่ แต่ถ้าไม่ปรับผมว่าไม่นานจะวิกฤตแน่ครับ