-ลดความสำคัญของคะแนนเก็บจากการบ้านลงซะ
-เน้นการนำเสนอ แสดงวิธีทำสดๆ มากขึ้น

ผมเป็นครูผมแก้แบบนี้นะ

ก็เก็บคะแนนทำการบ้านไปด้วย แล้วสอบปลายภาคก็สุ่มเอาข้อเดิมจากการบ้านแต่ละครั้งนี่แหละมาออก

ใครทำถูกมาก่อนแล้วทำในข้อสอบผิด กลับไปหักคะแนนเก็บด้วย

โดยแจ้งนักเรียนถึงรูปแบบแล้ววิธีการให้คะแนนก่อน อย่างน้อยใช้ ai มาก็ต้องเรีนรู้วิธีทำด้วย

แล้วมาประเมินครูสอนไม่ดีอีก เด็กคะแนนเน่ากันหมดเพราะไม่คิดจะศึกษาอะไรเลย
เอาจริงๆถ้าไม่มีผลกับการประเมินผลงานครูน่าจะไม่แคร์ด้วยซ้ำบางคนที่เขาไม่ได้อยากให้นักเรียนตัวเองมีความรู้ เอาตัวรอดได้อะนะ

การศึกษาให้ 3 สิ่งหลักๆกับผู้เรียน คือ 1.เนื้อหา 2.ทักษะ 3.ทัศนคติ

การเลคเชอร์ในห้องคือการให้เนื้อหา ส่วนการให้ทำแบบฝึกหัดหรือการบ้านคือการฝึกทักษะ ส่วนสภาพแวดล้อมจะสร้างทัศนคติ

การที่ AI เข้ามีส่วนในการศึกษา ผมว่าควรจำกัดให้อยู่แค่ส่วนเนื้อหา เช่น ครูใช้ AI ช่วยทำสไลด์สอน หรือนักเรียนใช้ AI ช่วยสรุปเนื้อหาเพื่อไปอ่านต่อ หรือตอบข้อสงสัยนอกห้องเรียน

ส่วนสิ่งที่สำคัญที่สุดในการวัดว่าระบบการศึกษาสร้างผลผลิตแบบไหนขึ้นมาคือทักษะ ซึ่งวัดได้จากการทำแบบฝึกหัด ทำการบ้าน และการสอบ การที่ให้ AI ช่วยทำมันทำให้วัดผลอะไรไม่ได้เลย เด็กจะขาดทั้งเนื้อหา ทั้งทักษะ สุดท้ายก็จะเกิดคำถามว่าระบบการศึกษาให้ผลลัพธ์อะไรกับสังคม

ลามไปถึงครูที่อยากจะเป็นครูจริงๆ คงไม่อยากมาแค่สอนเด็ก แต่สุดท้ายต้องตรวจการบ้านหุ่นยนต์ คนก็จะไม่อยากเป็นครู ครูก็จะขาดคุณภาพ ระบบการศึกษาก็พัง

ถ้าจะให้แก้ที่ครูก่อน จะให้สอบล้วน ในมหาลัยมันทำได้เพราะโตๆกันแล้ว และฝึกทักษะมาจากโลกยุคก่อน AI กันมาแล้ว แต่ในเด็กจะกลายเป็นวัดพัฒนาการระหว่างทางไม่ได้เลย จะให้ทำงานในคาบอย่างเดียว ก็กินเวลาสอนเนื้อหา มันก็ต้องหาสมดุลกัน

ในบางวิชาอาจจะเพิ่มควิซท้ายชั่วโมง ให้ทำงานกลุ่มเล็กๆ หรือเอาโจทย์ที่คล้ายๆการบ้านมาออกสอบ แต่ยังไงก็ต้องยังต้องมีการบ้านอยู่ดี

หรือดึงให้เด็กมีส่วนร่วมเยอะๆ ตั้งคำถามเยอะๆ ไม่ใช่อ่านสไลด์ทั้งคาบ แล้วโยนโจทย์ไปให้เด็กทำอย่างเดียว อย่างน้อยถ้าเด็กตั้งคำถามเป็น ใช้ AI ถามเกี่ยวกับเนื้อหา ยังมีประโยชน์กว่าโยนโจทย์ให้ AI เพื่อเอาคำตอบ ในบางมุม AI อาจจะช่วยปลูกฝังทัศนคติที่ดีได้ด้วยซ้ำ ถ้าใช้ให้ถูกวิธี

ส่วนนอกห้องเรียน อาจจะต้องจัดการตั้งแต่นโยบายของรัฐ และคนให้บริการ AI มีการยืนยันตัวตน จำกัดการเข้าถึง กรองคำถาม ไปจนถึงครอบครัวที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับลูก ปลูกฝังทัศนคติเกี่ยวกับการศึกษาให้ลูก พร้อมช่วยเหลือลูก

ผมว่าเรื่องการศึกษานี่แหละ จะเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญที่สุดในโลกยุค AI เอามาใช้ให้ถูกมันก็ดี แต่ถ้าอยู่ผิดที่ผิดทางมันจะกระทบทั้งสังคม

ผมในฐานะอาจารย์มหาลัย ผมไม่มีปัญหาเลยกับการใช้ AI ผมมองมันเป็น tools ตัวหนึ่งที่ถ้าคุณเข้าใจถ่องแท้ของแก่นวิชาและเหตุผลว่าทำไมคุณถึงใช้ AI ได้ถูกต้อง ผมก็ไม่มีเหตุผลให้เด็กไม่ใช้ AI

ไม่น่าเชื่อยังมีคนให้เด็กมีการบ้านเยอะๆอีกเหรอวะ ไดโนเสาร์อย่างแท้จริง

ลาออกก็หนีปัญหาไปนิด จริงๆครูทั้งโลกกำลังโดนชาเลนจ์นะ อยู่ที่จะรับมือยังไง

จุดวัดผลของความเข้าใจและการเรียนรู้แสดงว่าก็ไม่ใช่การบ้าน แต่เป็นการสอบ และ Testing

ถ้าเด็กมันสอบไม่ผ่านเพราะการบ้านไม่เคยทำเอง นั่นก็เป็น lessons learn ว่าจะใช้ AI ควรจะต้องเข้าใจด้วย

ซึ่งที่ครูเค้าบอกมาก็มีเด็กกลุ่มที่เข้าใจและตั้งใจ

ผมคิดแค่ในมุมการแก้เรื่องเด็กใช้ AI ทำงานครับ

ส่วนมันอาจจะเกี่ยวไปถึงเรื่องการประเมิณครูอันนั้นก็เป็นปัญหาต่อเนื่องไป

ก็คงต้องเปลี่ยนทั้งหลักสูตรรวมถึงมาตรฐานการประเมิณ

ลองฟังคลิปนี้ประกอบการตัดสินใจในข่าวนี้ครับ แต่คิดว่าการปรับแค่ตัวครูฝั่งเดียว และไล่ให้คนอื่นบอกไปปรับตัวแต่ไม่มีทางแก้ เป็นคำตอบที่ดูชุ่ยไปนะครับ