อาจจะยาวหน่อยเลยขอมาระบายครับ

เมื่อเดือน มีนาคม 2025 ผมได้งานใหม่เป็น Lead ของ Service Desk ในบริษัทๆ นึงเป็น Outsource ของบริษัทมหาชน ซึ่งก่อนหน้านั้นผมเป็น IT Support Onsite มาก่อน ทีมผมมี Junior Helpdesk ในทีม 4 คนและมี Senior ในทีม 1 คน (ตอนแรกได้โปรโมตเป็น Lead แต่เหมือนจะไม่เวิร์ค เลยจ้างผมมาเป็น Lead แทน)

การทำงานในช่วงแรกๆ ผมตื่นเต้นและมีไฟมากๆ เพราะเพิ่งได้ขยับขยายเป็นหัวหน้ากะเขา เพราะปกติทำในระดับ Staff มาตลอด 10 ปี ไม่เคยมีประสบการณ์การ Manage ทีมงานเลย ส่วนเงินเดือนก็ไม่ต่างกะตอนผมเป็น Staff เท่าไร

ผมได้ทำการเรียนรู้งานกับน้องๆ และ Senior ในช่วงอาทิตย์แรกก็ได้หัดใช้พวกโปรแกรม ITSM ของบริษัท (ซึ่งคนละตัวกะที่ผมเคยใช้) การ Monitor Ticket การติดตามเคสต่างๆ และ ประกาศ Announcement ต่างๆ และก็รับหน้าแทนน้องๆ เวลามีอะไรผิดพลาด Lead โดนก่อนคนแรก

ลักษณะงานของผมคือ Monitor การทำงานของน้องและปัญหาทีมนี้ค่อนข้างกระท่อนกระแท่น ยังทำงานไม่ได้ตามมาตรฐาน (ของเจ้านาย) เช้นมีการเปืดเคส น้องต้องรีโมทเบื้องต้น ถ้าไม่ได้ให้ส่งงานต่อไปแผนกอื่น แต่ไม่ยอมลงรายละเอียดว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง บลาๆ ส่งผลให้ IT หน้างานไม่มีข้อมูล เลยต้องทำใหม่หมด หนักกว่านั้นคือบางทีเจอปัญหาปุ๊บ ไม่ยอม Troubleshoot เบื้องต้น ส่งต่อให้ IT หน้างานเลยก็มี

หน้าที่หลักๆคือผมต้อง Improve น้องๆในทีมให้เก่งขึ้นตามมาตรฐานของที่นี่ โดยแรกๆผมก็ดูน้องทำงาน และก็ดู Ticket เก่าๆ ย้อนหลังด้วย ก็พบว่าน้องแต่ละคนควรเสริมตรงไหนบ้าง บางคนรับโทรศํพท์แล้วพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง บางคนความรู้ทางเทคนิคน้อย บางคน Service Mind ไม่ค่อยดี

ก็ทำแผน Improve น้องๆโดยการประเมิณเป็นรายอาทิตย์ ใครที่ไม่ผ่านก็มีเรียกคุยบลาๆๆๆ ซึ่งมันก็ได้ผลดี น้องๆ improve ตัวเองกันดีขึ้น จนผ่านมาตรฐาน ทำให้ทีมนี้ได้ไปต่อ ผมก็รู้สึกดีใจที่เป็นส่วนนึงในการ improve ครั้งนี้ จริงๆต้องเครดิตน้องๆทุกคนด้วยแหละ ฟังดูเหมือนจะ Happy

-------------------------------------------------------

คราวนี้ก็มาดูว่าทำไมผมถึงหมดไฟ

ในระหว่างเดือนแรกที่ผมทำงาน ด้วยความที่ว่าทางหัวหน้าผมจ้างผมมาเมื่อ Monitor น้องๆ ช่วงก่อนประเมิน Performance ที่ผมเล่าตอนแรก จำน้อง Senior ที่เคยได้ขึ้นมาเป็น Lead แต่เหมือนทำได้ไม่ดีใช่ไหมครับ เหมือนกับว่าผมไม่มี Power พอที่จะให้น้องจัดการงานที่ได้รับมอบหมายให้ ด้วยความที่ผมเพิ่งมา แล้วยังไม่เชี่ยวชาญระบบหรือ Policy ของที่นี่เท่าน้องเขา ซึ่งผมก็ยอมรับตรงนั้น และผมก็เลยพยายามหัดทำเคสเองบ้างอะไรบ้าง คราวนี้มันก็ส่งผลถึงการปกครองภายใน คือเวลาผมมอบหมายงานอะไร มักจะโดน Ignore บ่อย จนผมต้อง Tag ชื่อคนที่ผมจะมอบหมาย ซึ่งบางคนก็ดีจนผมไม่ต้องเรียกเลย ทำให้ทันที จนกระทั่งวันนึงน้องคนนั้นพิมพ์ในกลุ่มทีมว่า "พี่ xxx ว่าง พี่ก็ทำเองก่อนสิคะ" ตอนนั้นก็เซ้ง เพื่อนๆที่เป็น Lead ทีมอื่น ก็มาคุยกะผมประมาณว่า "พี่อย่าคิดมากนะ น้องๆมันต้องได้รับการขัดเกลาหน่อย" ผมเลยไม่เครียดอะไรตอนนั้น

คราวนี้มีวันนึงผมได้ช่วยน้องรับเคสทางเมล์ เพราะมีคนลาป่วย ผมได้รับเคสให้ไปดูปัญหาหน้างาน ซึ่งปกติผมจะต้องรีโมทก่อน เพื่อแก้เบื้องต้น แต่ด้วยจิตวิญญาณสมัยทำเป็น IT Onsite ผมเลยแก้ให้เขาเองจนเสร็จเลย ไม่ต้องส่งต่อ IT Onsite ผมมีความสุขมากที่แก้ไขได้ด้วยตัวเอง มันก็เลยทำให้ผมคิดถึงงานเก่า ภาพเก่าๆมันลอยมาเลยพร้อมคำถามที่ว่า "หรือว่างาน Lead Service Desk จะไม่เหมาะกับเรา" ตอนนั้นผมก็สับสนในใจหน่อยแหละเกี่ยวกับ Career path ของตัวเอง

นอกจากปัญหาของน้องภายในทีมแล้ว ปัญหาของลูกค้า (User) ก็เป็นปัญหาเหมือนกัน ด้วยความที่ทีมผมเป็น Outsource ก็จะมี IT ของลูกค้ามาดูพวกเราอีกต่อนึงเช่นกัน ก็คือขึ้นตรงกะทีมนั้นน่ะแหละ

ด้วยความที่ระบบภายในของบริษัทมันเละเทะมาก ทีม IT ของลูกค้าทำงานเหมือนไม่ได้คุยกัน แล้ว User ก็แบ่งเป็นหลายระดับ ยิ่งระดับสูงนี่โคตรติดแอ็ค พวก Policy ที่เขียนไว้ทางเราก็ทำตาม บางทีมันซ้ำซ้อน วนไปวนมา User บางคนแจ้งเปิดเคสทางเมล์มา รายละเอียดก็ให้ไม่ครบ ไม่ทำตาม Policy กันแล้วก็เป็นแบบนี้ตลอด พอมีปัญหา ทางฝั่ง IT ของลูกค้าไม่ Drive กัน ซึ่งเราก็เขียนปัญหาที่เจอเพื่อ Improvement ในการประชุมทุกๆ 2 อาทิตย์ ลูกค้าก็รับทราบในที่ประชุม สุดท้ายก็ไม่ได้ปรับปรุงอะไรกัน แล้วบางทีก็มีการปรับเปลี่ยนการทำงานกันเอง โดยไม่แจ้งทีมผม พอน้องมันทำแบบเดิม ก็มาจับผิดให้น้องมันโดนว่า (แต่คนโดนว่าจริงๆคือผม) ประมาณว่า "ไม่ได้บอกน้องหรอว่า ให้ทำแบบนี้บลาๆๆ" บางทีอันไหนที่ลูกค้าผิดเอง ก็เงียบ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง พวกผมคอยหาไอเดียที่จะช่วยให้น้องๆทำงานกันง่าย สะดวก ลดปัญหา Human Error แต่เหมือนทางลูกค้าไม่ให้ความร่วมมือเลย ยังแจ้งเปิดเคสมาเน้นสะดวกตัวเอง แล้วก็โดนด่าจากทีม IT ของลูกค้าเช่นเคย

จนกระทั่งทาง Site Manager ทีมผมรับทราบ ก็ทางผู้ใหญ่ของบริษัทผมก็ต้องยอมเพื่อเอาใจลูกค้า เพราะอาจจะมีผลต่อการต่อสัญญา Outsource กลางปีนี้ ซึ่งผมที่เจอกับอะไรเดิมๆ Improve เท่าไรก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย

ผมก็เริ่มหมดไฟหนักเข้าเรื่อยๆ ผมเองอาจจะไม่เหมาะกับการเป็นหัวหน้าคนด้วยก็ได้ งานนี้ทำให้ผมขยาดการ Management เลย ล่าสุดพี่ที่สังกัดเก่าโทรมาชวนไปทำงาน IT Support Onsite เหมือนตะก่อน จนผมก็ยื่นใบลาออกสิ้นเดือนนี้ไปเรียบร้อย

สุดท้ายนี้การแก้ไขปัญหาที่ดี ถ้าแก้ที่ภายนอกไม่ได้ ก็แก้ที่ตัวเองง่ายสุด ผมมาทำงานที่นี่ได้ประมาณ 3 เดือนเอง แต่ผมรู้สึกว่าทำงานที่นี่มาเป็นปีเลย มันสูบพลังชิวิตมาก เลิกงานเลยเวลาตลอด (เพราะติดเคสของน้อง)
ผมเชื่อนะว่าบางทีงานที่เราตั้งใจ ถ้ามันเจออะไรที่เป็นพลังลบมากๆ อาจจะถึงขั้นปล่อยจอย หรือหมดไฟเลยก็ได้ แม้จะทำมาได้ไม่นานก็ตาม

ตอนนี้ผมก็ปล่อยให้เวลามันผ่านไปวันๆ ให้ครบสิ้นเดือน ผมจะได้ออกไปได้ซะที

ท่านจะนำคนอื่นได้ ความรู้ skill ต่างๆต้องแน่น
ผมทำ Onsite Support มาตลอด 7 ปี 3-4 ปีหลังผมได้ทำกับบริษัทต่างชาติ ได้ใช้ ServiceNow ได้ใช้ระบบที่ Global เขาใช้ ทำทุกอย่างจนคล่อง เจ้านายส่งให้ผมไปไหนผมไปได้หมด ผม Handle งานให้ได้หมด

จนปีที่ผ่านมาเขาเหมือนอยากจะโปรโมทผมเป็น Lead ผมไม่เอา เพราะมีเพื่อนอีกคนเป็นอยู่แล้ว(เป็นต่างชาติ)ไม่อยากผิดใจกัน และผมคิดว่าเป็นตำแหน่งนี้แหละดีแล้ว ให้มีคนเคาะโต๊ะได้คนเดียวพอ

ตอนนี้บริษัทโตขึ้นรับ เด็กใหม่ๆเข้ามาเยอะ แล้วก็ให้ผมดูแล (ทำตัวเป็น Lead แหละ แค่ไม่มีตำแหน่ง)
จะบอกว่าต้องปรับ mind set กันก่อนเลยนะครับ คนไหนสอนได้ผมสอน สอนไม่ได้ผมส่งให้ lead ทำเองเลย
อย่างแรกคือต้องรู้สึกว่าเป็นทีมเดียวกัน เวลาน้องมีปัญหาต้องกล้ามาปรึกษาท่านได้ และท่านช่วยแก้ปัญหาได้
ซึ่ง hard skill น้องในทีมทำได้อยู่แล้ว แค่มาสอนบางอย่างให้ตรง policy ของลูกค้า
อีกอย่างนึงคือเรื่อง service mind สอนกันยาก แต่ผมดูออกว่าใครพอจะสอนได้ เกลาได้ผมก็ทำ แล้วเดี๋ยวน้องในทีมจะให้ความเคารพท่านเอง

ผมเป็นคนให้ความสำคัญกับการสื่อสารมาก ซึ่งพวก IT ส่วนมากไม่ค่อยใส่ใจเรื่องนี้
คำพูกคำจากับลูกค้า การพิมพ์ตอบแชทกับลูกค้า ที่ผมไม่ให้ผ่านเลยคือพิมพ์ห้วนๆ เช่น "ขอเลข anydesk ครับ" แบบนี้ผมรีบติงเลย ผมจะพิมพ์ไปหาเขาส่วนตัวว่าให้ใช้คำว่า "รบกวนขอเลข anydesk หน่อยครับ"
เรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้พอบ่อยเข้า น้องเขาเราสะกิดบ่อยๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ที่เหลือก็ความเชื่อมั่นใจตัวเราแล้วครับ

ให้กำลังใจครับ ผมก็รักงานบริการ มากกว่างานนั่งโต๊ะ คนจะเป็นทีมผมได้ก็คงต้องชอบบริการเหมือนกัน ก็ค่อยๆฝึกกันไปครับ แต่ถ้าไม่ไหวก็ต้องปล่อย

ผมจะไม่ยอมให้คนไม่รักงานบริการมาทำงาน support กับผมแน่ๆ ไม่งั้นเสียทั้งทีม

ตัดสินใจไปแล้ว ดีเสมอครับ

รับกับการตัดสินใจเราให้ได้ แล้วไปต่อ อนาคตว่ากันไป

อย่างน้อยก็คิดเสียว่าเราตัดสินใจเร็ว อะไรที่มันแก้ไม่ได้หรือเกิดจากระบบของเขาเองก็ต้องปล่อยเขารับกรรมไป

ส่วนตัวเราก็ไปหาอะไรที่มันเหมาะกับเราดีกว่า
บางคนถนัดคิดไม่ถนัดทำ
บางคนถนัดวางแผน
บางคนถนัดลุยหน้างาน
ฯลฯ

ท่านจะนำคนอื่นได้ ความรู้ skill ต่างๆต้องแน่น
ผมทำ Onsite Support มาตลอด 7 ปี 3-4 ปีหลังผมได้ทำกับบริษัทต่างชาติ ได้ใช้ ServiceNow ได้ใช้ระบบที่ Global เขาใช้ ทำทุกอย่างจนคล่อง เจ้านายส่งให้ผมไปไหนผมไปได้หมด ผม Handle งานให้ได้หมด

จนปีที่ผ่านมาเขาเหมือนอยากจะโปรโมทผมเป็น Lead ผมไม่เอา เพราะมีเพื่อนอีกคนเป็นอยู่แล้ว(เป็นต่างชาติ)ไม่อยากผิดใจกัน และผมคิดว่าเป็นตำแหน่งนี้แหละดีแล้ว ให้มีคนเคาะโต๊ะได้คนเดียวพอ

ตอนนี้บริษัทโตขึ้นรับ เด็กใหม่ๆเข้ามาเยอะ แล้วก็ให้ผมดูแล (ทำตัวเป็น Lead แหละ แค่ไม่มีตำแหน่ง)
จะบอกว่าต้องปรับ mind set กันก่อนเลยนะครับ คนไหนสอนได้ผมสอน สอนไม่ได้ผมส่งให้ lead ทำเองเลย
อย่างแรกคือต้องรู้สึกว่าเป็นทีมเดียวกัน เวลาน้องมีปัญหาต้องกล้ามาปรึกษาท่านได้ และท่านช่วยแก้ปัญหาได้
ซึ่ง hard skill น้องในทีมทำได้อยู่แล้ว แค่มาสอนบางอย่างให้ตรง policy ของลูกค้า
อีกอย่างนึงคือเรื่อง service mind สอนกันยาก แต่ผมดูออกว่าใครพอจะสอนได้ เกลาได้ผมก็ทำ แล้วเดี๋ยวน้องในทีมจะให้ความเคารพท่านเอง

ผมเป็นคนให้ความสำคัญกับการสื่อสารมาก ซึ่งพวก IT ส่วนมากไม่ค่อยใส่ใจเรื่องนี้
คำพูกคำจากับลูกค้า การพิมพ์ตอบแชทกับลูกค้า ที่ผมไม่ให้ผ่านเลยคือพิมพ์ห้วนๆ เช่น "ขอเลข anydesk ครับ" แบบนี้ผมรีบติงเลย ผมจะพิมพ์ไปหาเขาส่วนตัวว่าให้ใช้คำว่า "รบกวนขอเลข anydesk หน่อยครับ"
เรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้พอบ่อยเข้า น้องเขาเราสะกิดบ่อยๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ที่เหลือก็ความเชื่อมั่นใจตัวเราแล้วครับ

ให้กำลังใจครับ ผมก็รักงานบริการ มากกว่างานนั่งโต๊ะ คนจะเป็นทีมผมได้ก็คงต้องชอบบริการเหมือนกัน ก็ค่อยๆฝึกกันไปครับ แต่ถ้าไม่ไหวก็ต้องปล่อย

ผมจะไม่ยอมให้คนไม่รักงานบริการมาทำงาน support กับผมแน่ๆ ไม่งั้นเสียทั้งทีม

ผมใช้ Service Now มาตลอดเหมือนกัน

แต่ที่นี่มันใช้อย่างอื่น เลยต้องเรียนรู้ช่วงแรกๆหน่อย

แต่ผมขยาดสายงาน Management ละ พัฒนาตัวเองไปสาย Specialist ดีกว่า

ผมเคยย้ายไปเป็น IT manager อยู่สองปี จนสุดท้ายหนีตายกลับมาทำ network engineer เหมือนเดิม ตอนนี้ย้ายทำ cloud ด้วยก็ได้เพื่อนสมาชิกในนี้ช่วยชี้แหนะหลังบ้านเลยทำยาวมาจนถึงทุกวันนี้

ถ้าคุณไม่ชอบสาย management เปลี่ยนไปเป็นสาย specialist ครับ รับรองว่าคุณจะรู้สึกเหมือนได้อยู่บ้าน ทำงานที่เราชอบดีกว่าครับ เงินเดือนก็สำคัญ แต่ถ้าอยู่แล้วอึดอัดเราก็แค่ออกมาจากตรงนั้น

ผมไม่ได้อ่านทั้งหมด แต่จะบอกว่าเข้าใจเลยครับ

ผมเคยทำงานอยู่ที่นึงประมาณครึ่งปี เจอแต่ความ toxic จากเจ้าของ จนย้ายได้ย้ายงาน ย้ายแบบไม่ได้มี gap ว่างให้พักเคลียร์สมองเลย ทำงานแบบต่อเนื่องเลย แถมเข้ามาปุ้ปก็ต้องดูแลน้องฝึกงานต่ออีก บอกตรงๆว่า burn out จัดๆ ใช้โควต้าวันหยุดตอนช่วงปีใหม่ 9 วันก็ไม่ได้ช่วยให้กลับมาเฟรชขึ้นเท่าไหร่เลย

รู้ตัวเองเลยว่า performance ตัวเองตกลงไปมากๆ

เรื่องพวกนี้มันนานาจิตตังจริงๆนะครับ ความชอบแต่ละคนมันไม่เหมือนกันจริงๆ

อย่างผมเองก็โตมาจาก Support Engineer (ต่อให้ทำแค่ 2 ปีก็ตาม) แล้วก็โตตามสายงานมาเรื่อยๆจนมาคุมทีม IT ทั้งหมดก็ทำมาแล้ว แต่บางครั้งก็ลงไปแก้เคสเองบ้างเวลาที่น้องมันล้นหรือเต็มมือจริงๆ (สนุกดีเหมือนกัน ได้ลงไป touchbase กับ user บ้างก็ดี) ซึ่งก็นานๆทีแหล่ะ ทุกวันนี้ผมเองก็ใช้ soft skill เกือบ 90% ของงานละ ที่เหลือคือนั่งทำ ppt เองบ้างกะส่งเมล์ ที่เหลือคือน้องๆรับจบได้หมดแล้ว ผมแค่คอยเป็นมือประสานปิดจบอะไรที่มันค้างหรือคอมเพลกซ์ หรือพวกที่มัน sensitive มากๆพอ (แต่พวกนี้แม่มใช้เวลามากกว่าอีก เครียดด้วย ฮ่า)

เอาจริงๆ ผมเข้าใจนะ ว่าหลายคนไม่อยากทำงานบริหาร (และถ้าพอใจกับการเติบโตในสายงานของตัวเองนะครับ) แต่ผมเองอยากแนะนำว่าให้ลองมองว่ามันเป็นการก้าวออกจาก comfort zone ของตัวเองเข้าสู่ challenge zone เพื่อให้ตัวเองโตขึ้น เพื่อเปิดโอกาสใหม่ๆให้ตัวเอง อันนี้เพื่อการพัฒนาทั้งด้านวิธีคิด (จัดการคนยังไง จัดการงานยังไง จัดการความคาดหวังของผู้อื่นยังไง)

งาน management มันไม่ยากหรอกครับ มันฝึกได้ แค่ต้องคิดให้มากกว่าเดิมก็แค่นั้น แต่อยากฝากไว้ว่า เราไม่สามารถทำอะไรให้ถูกใจใครได้ทุกคนครับ เป็น middle management ยากเสมอ เพราะเราต้องแบกทั้ง direction ของข้างบน รวมถึงยังต้องบริหารทั้งงานและคนข้างล่างให้ได้ด้วย ฉะนั้นหลายๆครั้งเราต้องเลือกครับ ซึ่งมันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว มันมาจากประสบการณ์ทั้งในเนื้องานและความสัมพันธ์กับคนในทีมด้วย ว่าจังหวะไหนควรเลือกที่จะทำอะไร ซึ่งไม่ยาก แต่ไม่ง่าย

แต่ถ้าเลือกแล้วก็เข้าใจครับ

ท่านน่าจะยังดีกว่าผมครับ ของผมนี่หมดไฟแล้วก็ลาออกดื้อๆเลย ตอนนี้ก็เริ่มเครียดไเรื่องการหางานใหม่อยู่เลยครับ

จริงๆแล้ว ถ้าก่อนหน้ามีคนเดียว แล้วมีน้องๆใหม่มาเป็น Junior การปกครองน่าจะไม่ตึงเท่านี้แหะ ในเคสของผมมาใหม่ๆ แล้วเหมือนน้องเขาทำมานานแล้วไรเงี้ย ไม่งั้นหัวหน้าคนเก่าเขาคงอยู่ต่อแล้วแหละ ผมคงเจอของแข็งตั้งแต่แรก แล้วดันไม่ชอบงานแบบนี้พอดี 5555

ผมก็หมดไฟอยู่เหมือนกันตอนนี้ แต่ยังหาที่ใหม่ไม่ได้

เหตุผลอาจไม่เหมือนกันทีเดียว แต่ในโลก IT ปัญหาหลัก ๆ มี 2 เรื่อง

อย่างแรก ปัญหาเรื่องคน หรือกลุ่มคน

อย่างที่สอง ปัญหาวัฒนธรรม หรือ policy ขององค์กร


สองปัญหานี้ถ้าเจอ หรือเกิดขึ้น ส่วนใหญ่แก้ได้ยาก เพราะสกิลมันหัดกันได้ แต่ "ความเข้ากันได้" มักจะเป็นไปในแบบที่ว่า ถ้ามันจะเข้ากันได้ มันจะเข้ากันได้ตั้งแต่วันแรกเลย

ส่วนใหญ่คนที่เจอปัญหาแบบนี้ แบบหนัก ๆ คือพวกที่ต้องย้ายงานเพื่อแสวงหาความก้าวหน้านั่นแหละ การจะทำได้หรือรับมือได้ดี คงต้องมีสกิล management และสกิลคน ในระดับที่ดีพอ หรือบางครั้งคือโชคดีย้ายไปในจังหวะที่เจอเจ้านายที่เคมีเข้ากันได้เลย หรือ เป็นจังหวะที่เหมาะกับเราจริง ๆ

outsource it suppoort บ.ผลิตรถยนต์ สัญชาติญี่ปุ่นแห่งหนึ่งปะเนี่ย

ตัดสินใจแล้วก็ลุยยย

เป็น กำลังใจให้ครับ

Leader != Manager

ลองทำความเข้าใจบทบาทของทั้งสองสิ่งนี้ แล้วลองสำรวจดูครับว่าเราเหมาะกับทางไหน

ใครพอแนะนำได้มั้ยครับ ผมสาย dev จ๋าเลย แต่พอดีเพื่อนมาชวนไปเป็น PM Manager แต่ไม่ถนัดงานจัดการ คน หรือไปคุยกับพวกสูงๆเลย แต่เงินดีกว่าที่เดิมเยอะมาก (นักคอมของมหาลัย ไปเอกชน) เลยสองจิตสองใจครับ แต่เห็นที่หลาๆยเม้นว่า specialist คือยังไงหรอครับ